ในยุคที่รถมอเตอร์ไซค์ Supersport สายสนามในคลาสกลาง ที่เคยสร้างตำนานไว้มากมายกำลังจะสูญพันธุ์ เนื่องจากผู้ใช้สนใจรถสายสนามขนานแท้น้อยลง และต้องการรถที่ใช้ในชีวิตจริงได้มากขึ้น วันนี้เราเลยอยากเสนอ 5 รถซุปเปอร์สปอร์ตน่าสะสม ที่ยังคงมีจิตวัญญาณสายสนาม ที่มาพร้อมเครื่องยนต์รอบสูงแบบดั้งเดิมว่ามีรุ่นไหนบ้าง
โดยจะขอเน้นรถที่มีความใกล้เคียงกับรถสายสนามแบบดั้งเดิม และพอจะหามาครอบครองได้ในประเทศไทยเป็นหลัก และขอข้ามรถยุคใหม่แบบ Supersport Next Gen อย่าง Yamaha YZF-R9 หรือ KTM 990RC-R กันไปก่อน

Honda CBR600RR รถสปอร์ตตามสูตรรายการแข่งขัน World Supersport แบบตั้งเดิมเพียงรุ่นเดียว และรุ่นสุดท้ายที่พวกเราสามารถหามาครอบครองได้ในฐานะรถใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 599 ซีซี พละกำลังสูงสุด 119 Hp แรงบิดสูงสุด 63 Nm กับค่าตัว 549,000 บาท
ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ CBR600RR ท่อออกตูดรุ่นเก่าที่เราคุ้นเคย แต่เอามาจูนเครื่องใหม่ให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย ปรับแฟริ่งรอบคัน ติดตั้งปีกวิงเล็ท เพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์จัดเต็ม Quickshifter และ IMU มีการติดตั้งระบบไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED และหน้าจอสี TFT เข้ามาเพื่อความทันสมัย

Yamaha YZF-R6 อีกหนึ่งตำนานรถ Supersport สายพันธุ์แท้แบบเดียวกับรถรุ่นก่อนหน้า แต่ต่างกันตรงที่มันไม่อยู่กับเราอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากขาดการอัพเดตจากทางค่าย จนไม่ผ่านค่าไอเสียมาตรฐานใหม่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความดิบ เพราะระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งมาให้ก็มีแค่ของพื้นฐาน ไม่มีตัวช่วยหวือหวา หน้าจอยังเป็นแบบเข็ม มีมาให้แค่ไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED
มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 599 ซีซี พละกำลังสูงสุด 116 Hp และแรงบิดสูงสุด 61.7 Nm กับรอบเครื่องที่สามารถรีดได้ถึง 16,000 รอบต่อนาที ถูกใจคนชอบเสียงกรีดร้องจากเครื่องยนต์ แต่ด้วยความที่มันถูกยกเลิกการจำหน่ายไปแล้ว ถ้าอยากได้ก็คงต้องหารถใช้แล้ว ซึ่งไม่น่าหายากเท่าไร

Kawasaki ZX-6R นี่คือรถคันแรกที่เริ่มออกจากความเป็นรถซุปเปอร์สปอร์ตตามสูตร เพราะถึงแม้มันจะมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง และพละกำลังสูงสุด 124 Hp กับแรงบิด 69 Nm แต่มันกลับมาพร้อมความจุเครื่องยนต์เกินเกณฑ์ไปอยู่ที่ 636 ซีซี แน่นอนว่านี่ทำให้มันไม่สามารถใช้ลงแข่งขันได้ ในตอนที่มันเปิดตัวออกมา
แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้คิดมากเรื่องความดั้งเดิมตามสูตรสำเร็จ ความจุเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย ก็ช่วยให้มันมีพละกำลังและแรงบิดที่สูงกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นนิดหน่อยด้วยเหมือนกัน และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะไม่ได้ดีที่สุดในคลาส แต่มันก็เด่นเรื่องค่าตัวที่ต่ำที่สุดในลิสต์นี้เพียง 399,000 บาท

Ducati Panigale V2(รุ่นเก่า) เป็นรถที่เริ่มออกห่างจากรถแข่งตามสูตรขึ้นไปอีกระดับ เพราะมันมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ L-Twin ปริมาตรกระบอกสูบ 959 ซีซี และถือเป็นรถสปอร์ตคลาสกลางรุ่นสุดท้ายของค่ายแดง ที่ใช้ระบบวาล์ว Desmodromic มาพร้อมพละกำลังที่สูงที่สุดในลิสต์นี้ที่ 155 Hp และแรงบิดสูงสุด 104 Nm
ถือเป็นรถที่เหมาะกับคนที่ต้องการรถสปอร์ตของ Ducati ที่ยังใช้เครื่องยนต์แบบ L-Twin แถมค่าตัวและพละกำลังก็ไม่ได้อันตรายเท่ารุ่นพี่อย่าง Panigale V4 แต่ก็ถือว่าแรงพอให้เราไม่ต้องการอะไรเพิ่มอยู่อีกแล้ว ที่สำคัญคือทั้งโครงสร้างตัวรถ และสไตล์ของเครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นสายสนามพันธุ์แท้ ไม่ใช่รถถนนใส่เปลือกที่เน้นใช้งานง่ายแบบ Panigale V2 รุ่นใหม่

Triumph Street Triple 765 รถที่หลายคนน่าจะรู้สึกขัดใจกับพวกเรามากที่สุด เพราะนี่ไม่ใช่รถสปอร์ตฟูลแฟริ่งด้วยซ้ำ แต่เราบอกได้เลยว่านี่คือรถซุปเปอร์ตสปอร์ตตัวจริง เพราะอย่าลืมว่าเดิมทีรถร่างต้นของมันอย่าง Daytona 675 ก็เป็นรถสำหรับแข่งในรายการ World Supersport เพียงแค่รถรุ่นใหม่ไม่มีโฉมสปอร์ตจำหน่ายคู่ไปด้วยเท่านั้น แต่แนวคิดการพัฒนายังคงเหมือนเดิม
เครื่องยนต์แบบ 3 สูบเรียง 765 ซีซี พละกำลังสูงสุด 128 Hp และแรงบิด 80 Nm ที่พาให้มันได้ฉายา “ราชาคลาสกลาง” นั้นก็ถือว่าแรงกว่ารถส่วนใหญ่ในลิสต์นี้แล้ว และถึงแม้มันจะไม่มีรถถนนร่างฟูลแฟริ่ง แต่ในกติกาการแข่งขันใหม่ยังเปิดให้เอารถรุ่นพิเศษ Daytona 765 ที่ทำขึ้นมาสำหรับใช้งานในสนามโดยเฉพาะมาลงแข่งขันได้อีก นอกจากนี้ยังต้องไม่ลืมว่าเครื่องยนต์ลูกนี้ถูกใช้ในการแข่ง Moto2 จะบอกว่าไม่สปอร์ตก็คงไม่ได้
แต่สิ่งที่ต่างกับรถรุ่นอื่นคือ Street Triple 765 น่าจะอยู่ต่อไปอีกนานพอสมควร เพราะเป็นรถที่คนเข้าถึงได้ง่ายกว่า ไม่ได้สปอร์ตสายสนามจนเกินไป แต่ในอนาคตจะขายความจุจนมีความสปอร์ตน้อยลงไหม ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกัน
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่