ZongShen (Ryuka) ผู้ผลิตสัญชาติจีน เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์แนว สตรีท-แน็คเก็ท โมเดลใหม่ ในชื่อ Cyclone RZ3S ซึ่่งแม้มันจะได้ชื่อว่าเป็นรุ่นใหม่ของทางค่ายก็จริง แต่หน้าตาของมันกับช่างละม้ายคล้ายรถมอเตอร์ไซค์ของค่ายอื่นที่วางจำหน่ายอยู่แล้วเหลือเกิน โดยหากมองผิวเผิน ด้วยรูปลักษณ์ของเฟรมถักสีแดงสะดุดตา คงทำให้เพื่อนๆหลายคนมองว่าเจ้านี่เหมือนกับ Ducati Monster แต่ถ้าดูในภาพรวมจริงๆแล้ว มันกลับค่อนข้างเหมือน Suzuki SV650 มากกว่า ทั้งชุดไฟหน้า LED ทรงกลม (แต่ SV650 ยังเป็นหลอดไส้), ชิลด์ขนาดจิ๋วถ้านบนกับพลาสติกขนาบข้าง (ซึ่ง Monster ไม่มี), ถังน้ำมัน, และแฟริ่งพลาสติกใต้เบาะนั่งตั้งแต่ใต้เบาะผู้ขี่ไปจนถึงผู้ซ้อน ส่วนรายละเอียดอื่นๆที่น่าสนใจของตัวรถก็มีทั้ง ชุดเรือนไมล์ Full-Digital, ระบบเบรก ABS, ระบบเบรกแบบจานคู่, โช้กหน้าหัวกลับ, ท่อไอเสียปลายออกคู่, และเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 378cc ที่สามารถทำกำลังได้สูงถึง 36.2 HP…
Author: admin
เปิดตัวตามกันมาติดๆสำหรับเหล่าทีมแข่ง WSBK ซึ่งในคราวนี้ก็ถึงเวลาของทาง Honda บ้างที่จะเปิดตัวทีมแข่งประจำปี 2019 ของพวกเขา และสำหรับความพิเศษหรือความต่างในปีนี้ของ Honda WSBK ก็คือ การที่พวกเขาได้เปลี่ยนสปอนเซอร์หรือสำนักแต่งที่คอยซัพพอร์ททีมจากทาง Ten Kate ที่ร่วมมือกันอยู่นานพักใหญ่แต่ก็ถอนตัวออกไปหลังจบการแข่งขัน WSBK 2018 เป็น สำนักแต่งชื่อดังเลือดน้ำเงิน/เหลือง สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Moriwaki พร้อมใช้ชื่อทีมใหม่ว่า Moriwaki Althea Honda Team href=”http://www.motorival.com/tag/cbr1000rr”>CBR1000RR SP2 – Moriwaki Althea Honda Team WSBK คันนี้จะมความเปลี่ยนแปลงไปจากตัวแข่งปี 2019 พอสมควร โดยที่เห็นชชัดเจนที่สุดคือ ท่อไอเสียที่เปลี่ยนจาก Akrapovic เป็น Termingoni, สวิงอาร์มหลังรูปทรงใหม, การ์ดแครงก์เครื่องเปลี่ยนจาก GB Racing เป็นชิ้นส่วนคาร์บอนหุ้มแทน, และโช้กหน้าเปลี่ยนจาก Ohlins มีซับแทงค์แยก…
ขณะที่ในบ้านเรายังต้องลุ้นกันอยู่ว่าเมื่อไหร่ที่ทาง Kawasaki Thailand จะเปิดตัว Z150 ใหม่กันแน่ แต่ทางฝั่งประเทศในยุโรปที่มีฝาแฝดอย่าง Z125 อยู่แล้ว เหล่าสำนักแต่งก็เริ่มที่จะเอาตัวรถดังกล่าวไปตกแต่งตามสไตล์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้า Kawasaki Z125 – Street Tracker โดยสำนัก Louis Custom ที่เราเห็นกันอยู่ในขณะนี้ แน่นอนว่าเพียงมองครู่เดียวเราก็รู้ได้ทันทีว่าขึ้นตอนแรกที่ทาง Louis ต้องจัดการกับเจ้า Z125 คันนี้ก่อนก็คือ การถอดชิ้นส่วนแฟริ่งซึ่งมีน้อยนิดอยู่แล้วออกไปทั้งหมด หลังจากนั้นก็เริ่มตัดซับเฟรมท้ายให้สั้นลงเพื่อเอาไว้ใส่ชุดท้ายสั้นทรงแทรคเกอร์ ต่อด้วยการจัดการกับระบบไฟทั้งหมดเพื่อติดตั้งระบบไฟ LED ชิ้นเล็กๆรอบคัน และเพื่อให้ตัวรถดูสมกับความเป็น แทร็กเกอร์ไบค์มากขึ้น พวกเขาจึงจัดการเปลี่ยนแฮนด์บาร์ของมันใหม่ให้ยกสูงยิ่งขึ้น, เสริมกระจกปลายแฮนด์ตามฉบับตัวลุยยุคเก่า, ติดตั้งแผ่นแปะเลขด้านข้าง, เดินท่อไอเสียยกสูง, และรัดล้อแม็กด้วยยางกึ่งหนามของ Pirelli สำหรับงบคร่าวๆที่ใช้ในการตกแต่งเจ้า Kawasaki Z125 ให้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวแทร็คเกอร์ครั้งนี้นั้น ทางสำนัก Louis ได้ระบุไว้ว่าพวกเขาต้องใช้เม็ดเงินราวๆ 71,000 บาท ซึ่งดูไปดูมาแล้วก็ถือว่าสมกับชิ้นงานเลยทีเดียว ว่าแต่เพื่อนๆอยากทำกับเขาบ้างสักคันมั้ยล่ะครับ ?…
ยังคงเกาะติดกับโปรเจกท์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเช่นเดิม โดยคราวนี้จะเป็นการพูดถึงโปรเจกท์ใหม่ของทางสำนัก Axiis ที่โดยปกติแล้วพวกเขาจะทำแค่พาร์ทชิ้นส่วนต่างๆเท่านั้น แต่ในครั้งนี้พวกเขาตั้งใจจะทำรถทั้งคันของตนขึ้นมาเอง และกลายเป็นรถซุปเปอร์โมโตไฟฟ้าที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Liion” สำหรับตัวมอเตอร์ของเจ้า Liion นั้นสามารถรีดกำลังได้สูงสุดถึง 100 กิโลวัตต์ หรือราวๆ 134 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ซึ่งด้วยตัวเลขกำลังเท่านี้ทำให้ันสามารถปั่นท็อปสปีดได้สูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่สุดท้ายดูเหมือนทาง Axiis เลือกปรับกำลังของมอเตอร์ลงเหลือราวๆ 55 กิโลวัตต์ หรือราวๆ 73.7 แรงม้า ในการใช้งานปกติ เพื่อยืดระยะทางในการใช้งานจากแบตเตอรี่ขนาด 11.7 กิโลวัตต์ชัวโมง ด้านน้ำหนักตัวดูเหมือนจะเบากว่าที่คิดเพราะพวกเขาเคลมไว้ว่าเจ้า Liion คันนี้จะมีน้ำหนักติดตัวแค่เพียงไม่เกิน 134 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณชุดเฟรมและสวิงอาร์มอลูมิเนียมที่ถูกรีดน้ำหนักจนเบาหวิว อย่างไรก็ดีด้วยความที่ตอนนี้มันยังเป็นแค่โปรเจกท์บนหน้ากระดาษเท่านั้น จึงทำให้เราไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่เจ้า Axiis Liion จะถูกทำขึ้นมาเพื่อจำหน่ายให้คนทั่วไปได้ซื้อหากันจริงๆ แต่เชื่เถอะครับว่าถ้าพวกเขาสามารถทำมันขึ้นมาได้ และมีสเปคไม่ผิดไปจากนี้ ยังไงมันก็ต้องเกิดแน่นอน (เว้นเสียแต่ว่าราคาจะสูงเกินเอื้อม) อ่านข่าว รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า…
เปิดตัวออกมาแล้เรียบร้อย สำหรับทีมแข่งอันดับหนึ่งของการแข่งขัน World Superbike อย่าง Kawasaki Racing Team ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับการแข่งขัน WSBK ฤดูกาล 2019 นี้ พวกเขาก็ยังคงมี Jonathan Rea แชมป์โลก 4 สมัยซ้อนจนถึงฤดูกาลล่าสุด เป็นนักบิดมือหนึ่งของทีมอยู่เช่นเดิม ส่วนทีมเมทใหม่ของ Rea ที่เข้ามารับหน้าที่แทน Tom Sykes ที่ย้ายไป BMW ก็คือ Leon Haslam ที่มีดีกรีน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนักบิดรายนี้คือแชมป์ British Superbike ปี 2018 ขณะที่ตัวแข่งในปีนี้ก็ยังคงเป็น Kawasaki ZX-10RR ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ปรับอะไรให้ต่างจากเดิมไปมากมายนัก แม้แต่ลวดลายเองยังหเมือนกับปีก่อน ต่างกันแค่แถบสปอร์นเซอร์ของ Showa ที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น ส่วนตัวเครื่องยนต์ทั้งสองนักบิดก็บอกคร่าวๆเพียงแค่ว่ามันได้รับการปรับปรุงภายในเล็กน้อยเพื่อให้ตัวรถสามารถรีดอัตราเร่งได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วใน WSBK 2019 นั้น มันจะยังเป็นตัวแข่งที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดอยู่หรือไม่นั้น…
ชื่อของ Druid Motorcycles อาจจะดูไม่ค่อยคุ้นหูเราเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่พึ่งเกิดได้ไม่นาน แถมยังมีถิ่นฐานอยู่ในรัฐแคลิฟร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สิ่งที่เราอยากให้เพื่อนๆได้รู้จักกับพวกเขาและไม่อยากให้พลาดก็คือ การที่ในอีกไม่ช้า พวกเขาจะได้ฤกษ์เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฮบริด และ ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่สามารถทำกำลังได้สูงชนิดที่ว่าแม้แต่ค่ายใหญ่ยังต้องยอม โดยอย่างที่เราได้จั่วหัวในข้างต้น สำหรับโมเดลใหม่ของทาง Druid นั้น จะมีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน เริ่มจากเจ้า Sorcerer EXV ที่จะปรากฏโฉมในลักษณะของรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ต-ทัวร์เร่อ มาพร้อมกับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถทำแรงม้าได้สูงสุดถึง 150 HP ซึ่งถือว่าสูงมากถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าด้วยกัน ขณะที่ตัว Sorcerer Hybrid เองก็จะมีแรงม้าขยับขึ้นไปอีกขั้น เพราะอาศัยเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง (ยังไม่ระบุขนาดความจุ) มาเสริมแรงปั่นมอเตอร์อีกทีจนทำให้ได้กำลังสูงสุดแตะ 230 แรงม้า เทียบเท่าซุปเปอร์ไบค์ 1,000cc พ่วงระบบซุปเปอร์ชาร์จอย่าง Kawasaki H2 อย่างไรก็ดี จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่ามันยังมีจุดที่น่าสงสัยไม่น้อยคือ ทำไม่รถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในรูปด้านบนสุดถึงเป็นเจ้า Zontes X310 สปอร์ต-ทัวร์เร่อ สัญชาติจีนที่พึ่งเปิดตัวในบ้านเราเมื่อปลายปีก่อน ?…
แม้ว่าในบ้านเราจะมีแค่เพียง Kawasaki เท่านั้นที่ทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์แนวเอนดูโรในพิกัด 150cc แต่ในประเทศอินโดนีเซียนั้น ทาง Honda เองก็ร่วมวงในตลาดนี้ด้วย และแม้แต่ทาง Yamaha เองก็มีข่าวอยู่เช่นกันว่าจะร่วมแจมในไม่ช้า และนั่นจึงทำให้ทาง Suzuki เองก็ไม่น้อยหน้า และดูเหมือนว่าพวกเขาก็อยากจะคลุกวงในที่สังเวียนแห่งนี้ด้วย โดยจากข้อมูลเบื้องต้น ทางสื่ออินโดนีเซียได้ระบุไว้ว่า ขณะนี้ทาง Suzuki ได้เริ่มเดินโปรเจกท์พัฒนารถมอเตอร์ไซค์แนวเอนดูโร พิกัด 150cc แล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตัวรถที่ว่าอาจจะใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Suzuki DR200 ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในประเทศโซนยุโรป แต่ทางวิศวกรต้องเอาเครื่องยนต์มาปรับรายละเอียดใหม่ด้วยการลดขนาดความจุลง เพื่อคุมขนาดตัวรถให้ใกล้เคียงกับคู่แข่งมากขึ้น นอกจากนี้ ทางสื่ออินโดนีเซียก็ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า บางทีเจ้า DR150 ใหม่ อาจจะใช้เครื่องยนต์ที่แรงจัดจ้านของ GSX-R150/GSX-S150 มาใช้ก็ได้ เพื่อข่มคู่แข่งให้อยู่หมัด ทว่าในขณะเดียกันก็ต้องแลกกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้้นเนื่องจาก เครื่องยนต์บล็อคนี้ต้องใช้หม้อน้ำในการระบายความร้อน แถมยังใช้ระบบวาล์วแคมคู่ ที่ต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าแบบแคมเดี่ยว แต่ก็อาจจะชดเชยกับต้นทุนวิจัยที่ไม่ต้องเอาเครื่องยนต์ของ DR200 มาปรับใหม่ให้เปลืองเวลา เปลืองเงิน อย่างไรก็ดี อย่างน้อยๆตอนนี้เราก็สามารถยืนยันได้บ้างแล้วว่า ทาง Suzuki…
ย้อนไปเมื่อปี 2014 ครั้งหนึ่งทาง Kawasaki ได้เคยเปิดเผยภาพคอนเซปท์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่มีชื่อว่า J-Concept ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาได้อยู่พักใหญ่เนื่องจากหน้าตาไม่เหมือนใครเกินกว่าจะมีใครเหมือน แต่สุดท้ายมันก็เงียบหายไปพร้อมกับสายลม และไม่มีการถูกพูดถึงอีกว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่ทางค่ายจะพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจริงๆออกมา แต่จากข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ชุดล่าสุดที่เราได้รับมา มีการระบุไว้ว่าทาง Kawasaki ได้เริ่มพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของพวกเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยมีหลักฐานปรากฎเป็นเอกสารสิทธิบัตรที่อธิบายถึงระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และส่วนเกี่ยวพ่วงค่อนข้างชัดเจน โดยจากภาพเราคงไม่ต้องอธิบายถึงตัวมอเตอร์ไฟฟ้าเท่าไหร่นักเนื่องจากยังไงทาง Kawasaki ก็ยังไม่ได้ระบุข้อมูลทางเทคนิคของตัวมอเตอร์ไว้ในสิทธิบัตรดังกล่าวอยู่ดี แต่จุดที่เรามองว่าค่อนข้างน่าสนใจก็คือ การที่ตัวรถอ้างอิงมีระบบ RAM-Air ซึ่งปกติแล้วมันจะมีไว้เพื่อดักอากาศเข้าหม้อกรอง แต่ในครั้งนี้มันกลับมีจุดประสงค์คือเพื่อดักอากาศมาระบายความร้อนของตัวแบตฯ และมอเตอร์แทน นอกจากนี้ ดูเหมือนทาง Kawasaki จะค่อนข้างจริงจังกับการจัดการความร้อนที่เกิดขึ้นกับมอเตอร์ พวกเขาจึงจัดการเสริมชุดออยคูลเลอร์มาอีกหนึ่งแผงเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการหล่อเย็น และตัวน้ำมันที่ถูกหล่อเย็นตรงนี้ก็อาจจะเป็นส่วนเดียวกับที่ใช้หล่อลื่นชุดเกียร์ด้วย ใช่ครับ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันใหม่ของ Kawasaki นั้น จะมีการติดตั้งชุดเกียร์เข้ามาด้วย ซึ่งอันที่จริงมันอาจจะไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นักในรถไฟฟ้า เนื่องจากตัวมอเตอร์มีแรงบิดให้เรียกใช้ทุกย่านกำลังอยู่แล้ว แต่ชุดเกียร์ที่ว่านี้นั้นถูกออกแบบมาเพื่อแก้ข้อด้อยของรถไฟฟ้าทั่วไปที่ต้องใช้เฟืองท้ายขนาดใหญ่เพื่อขับล้อหลัง แถมชุดเฟืองเกียร์ที่เห็นอยู่ในสิทธิบัตรก็เป็นแบบ CVT เหมือนรถออโตเมติกเสียด้วย ดังนั้นเราจึงบอกได้ยากเหมือนกันครั้บว่า ถ้ามันถูกผลิตออกมาเพื่อขายจริงแล้ว ฟีลลิ่งหรือความรู้สึกตอนรีดอัตราเร่งของมันจะเป็นอย่างไรกันแน่ ขอบคุณข้อมูลจาก Visordown อ่านข่าวสาร Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่…
กุมภาพันธ์เดือนแห่งความรัก เชื่อว่าคู่รักชาวไบค์เกอร์ทั่วไปหลาย ๆ คู่ ต้องเตรียมวางแผนที่จะหากิจกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้นกันอย่างแน่นอน แต่การออกไปทำกิจกรรมแบบเดิม ๆ อาจจะดูธรรมดาไปสักนิด ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จึงอยากชวนคู่รัก ไม่ว่าคุณจะเป็นคู่รักหนุ่มสาว หรือคู่เพื่อนกัน หรือจะลุยเดี่ยวก็ได้ไม่ว่ากัน ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศการทำกิจกรรมให้ดูตื่นเต้นและสนุกกว่าเคย ด้วยการขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปสัมผัสโลกกว้างกันดีกว่า รับรองไม่ว่าคุณจะเป็นคู่รักแบบไหนก็สามารถชวนกันขี่มอเตอร์ไซค์ไปออกทำกิจกรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นได้ เที่ยวสุดโรแมนติกด้วยมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิกหลากหลายรุ่น – ถ้าคุณเป็นคู่ไบค์เกอร์สายคูล ๆ ชิล ๆ ต้องไม่พลาดรถมอเตอร์ไซค์ไลน์โมเดิร์นคลาสสิกที่แสนจะขึ้นชื่อของไทรอัมพ์ ขอบอกเลยไม่ว่าจะขี่ไปต่างจังหวัดก็ดี หรือจะขี่ไปเที่ยวในเมืองที่มีรถหนาแน่น บอกเลยว่าก็แสนจะคล่องตัว แถมยังมีเลือกหลากหลายรุ่นตามสไตล์ความชอบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรุ่น บอนเนวิลล์ ที120 (Bonneville T120) บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค (Bonneville T120 Black) บอนเนวิลล์ที 100 (Bonneville T100) บอนเนวิลล์ ที100 แบล็ค (Bonneville T100 Black)…
บ่อยครั้งในใบโบรชัวร์ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ๆ ตั้งแต่ 150cc ขึ้นไป เรามักจะได้ยินทางผู้ผลิต หรือค่ายต่างๆโฆษณาระบบกันสะเทือนด้านหลังของพวกเขาว่า “มีกระเดื่องทดแรง” ที่ช่วยให้ตัวรถด้านหลังสามารถซับแรงได้ดียิ่งขึ้น แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้บอกว่ามันช่วยยังไง และแท้จริงแล้วมันมีเพื่ออะไรกันแน่ ดังนั้นในบทความ Tips Trick วันนี้ เราจึงจะมาพูดถึงหลักการทำงานของเจ้ากระเดื่องที่ว่านี้กันครับ โดยสำหรับจุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้า “กระเดื่องทดแรง” ที่ว่านี้ก็คือ ในหลายครั้ง สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ที่ต้องใช้พื้นที่ใต้ซับเฟรมไปกับชิ้นส่วนกล่อง ECU หรือระบบไฟ พื้นที่ว่างระหว่างซับเฟรมกับสวิงอาร์มอาจจะไม่มากพอที่จะใส่โช้กยาวๆที่มีระยะยุบเยอะๆได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องย้ายจุดยึดหูบนของโช้กใหม่ ให้ต่ำลงกว่าเดิม ส่วนหูโช้กด้านล่างก็จะยึดกับกระเดื่องทดแรงที่ว่านี้แทน โดยตัวกระเดื่องก็จะโยงยึดกับเฟรมช่วงล่าง และสวิงอาร์มอีกที ซึ่งด้วยการออกแบบเช่นนี้จึงทำให้วิศวกรสามารถติดตั้งโช้กที่ยาวและมีระยะยืดยุบเหมาะสมกับการใช้งานของตัวรถได้ แต่ถ้าจะให้ฝืนใส่โช้กสั้นๆ โดยไม่ใช้กระเดื่องทดแรง ทางวิศวกรต้องเลือกบีบระยะยุบโช้กน้อยลง หรือเพิ่มความแข็งของโช้กให้มากขึ้น ตัวสวิงอาร์มหลังจะได้ยุบยากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นตัวโช้กก็อาจจะไม่สามารถซับแรงได้หมดจดเนื่องจากโช้กยุบได้เพียงนิดเดียวก็หมดระยะยุบแล้ว แถมยังไม่ละเอียดอ่อนอย่างที่ควรจะเป็นเพราะตัวแดมเปอร์ภายในไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และอาจจะกระด้างเกินไป จนขี่แล้วสะท้านสะเทือนเอา ดังนั้นการใช้กระเดื่องทดแรง เพื่อติดตั้งโช้กที่สามารถยืึดยุบได้เยอะๆจึงให้ผลที่ดีกว่าในเรื่องของการซับแรง และสามารถเซ็ทติ้งความหนืดได้กว้างกว่า เมื่อเทียบกับตอนไม่มีกระเดื่องทดแรงจนต้องใช้โช้กที่มีระยะยุบสั้นๆ อย่างไรก็ดี ใช่ว่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีระบบกระเดื่องทดแรงตรงนี้จะให้ความรู้สึกโช้กหลังที่แย่ เพราะอย่างที่เราบอกในข้างต้นว่า จุดประสงค์หลักจริงๆของกระเดื่องทดแรงตรงนี้ ก็คือทำมาเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่่ติดตั้งโช้กไม่มากพอ ดังนั้น ถ้าหากรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นๆมีพื้นที่ติดตั้งโช้กหลังเหลือเฟือ และวิศวกรทดสอบแล้วว่าระยะยุบเท่านี้ก็เพียงพอต่อการใช้งาน…