หลังจากที่มีภาพหลุดออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่ทางค่ายจะต้องเปิด(ภาพ)ตัวจริงของ 2019 Triumph Thruxton 1200 R – “TFC Limited Edition” ออกมาเสียที และสำหรับความพิเศษ Thruxton 1200 R – TFC Edition ก็มีอยู่ว่า มันจะถูกตกแต่งชิ้นส่วนภายนอกใหม่หลายอย่างด้วยกัน เพื่อเสริมความพิเศษของตัวรถไปอีกขึ้นตามโปรเจ็ทก์ที่ตั้งชื่อเอาไว้เท่ห์ๆว่า “Triumph Factory Custom” ซึ่งประกอบไปด้วย ชุดโม่งด้านหน้า, บังโคลนหน้า, ตูดมด, ฝาครอบแบตฯ, และการ์ดพักเท้า ที่ทำขึ้นจากวัสดุคาร์บอนทั้งหมด พร้อมเสริมด้วยชุดแผงคองานอลูมิเนียม CNC ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามามีส่วนทำให้น้ำหนักโดยรวมของมันจะเบาลงจาก Thruxton 1200 R รุ่นธรรมดาถึง 5 กิโลกรัม ด้านระบบกันสะเทือนก็จะมีการเปลี่ยนชุดโช้กหน้าใหม่เป็นของ Ohlins ปรับเซ็ทได้ทุกค่า แทนของ Showa อันเดิม ส่วนโช้กหลังก็ให้ของ Ohlins มาอยู่แล้วในรุ่นพื้นฐาน…
Author: admin
ดูเหมือนช่วงนี้จะเป็นเวลาแห่งการรีคอลล์ตัวรถซะจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทาง Kawasaki ที่เมื่อวันก่อนพึ่งมีการรีคอลล์ 2018 H2 SX ในยุโรปไปเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับขาตั้งคู่ มาวันนี้ผลิตภัณท์ของพวกเขาก็โดนแจ้งประกาศเรียกกลับมาแก้ไขอีกครั้ง แต่เป็นเหล่า Z900-Series ที่วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสาเหตุที่ทาง Kawasaki USA ต้องเรียก Z900 (ทั้งรุ่นมี และไม่มี ABS) กับ Z900RS เพื่อกลับมาแก้ปัญหาที่ศูนย์บริการก็เพราะว่า ตัวสายเบรกหลัง และสายเซนเซอร์วัดความเร็วล้อหลัง ถูกวางสายไม่ถูกต้องจนทำให้มีความเสี่ยงที่จะเสียดสีกับแก้มยางล้อหลัง ซึ่งถ้าโชคดีอาจจะมีแค่รอยถูบางๆ แต่ถ้าโชคร้ายสายอาจจะขาดและส่งผลถึงความปลอดภัยการใช้งานแน่นอน และจำนวนรถทั้งหมดที่ถูกเรียกกลับเพื่อแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ ก็อยู่ที่ 1,173 คัน ซึ่งเมื่อลูกค้านำตัวรถเข้ามาที่ศูนย์บริการ ทางทีมช่างที่รอรับบริการ ก็จะจัดการเรียงสายเบรคให้ใหม่ หรือถ้าหากชิ้นส่วนดังกล่าวของลูกค้าคนไหนมีร่องรอยความเสียหายจากปัญหาตรงนี้ พวกเขาก็จะเปลี่ยนยกชุดให้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการ ส่วนความเคลื่อนไหวในฝั่งของ Kawasaki Thailand เองยังไม่มีการอัพเดทใดๆในตอนนี้ แต่หาก Z900 และ Z900RS ในไทยได้รับผลกระทบจากตรงนี้ยังไง ไว้เดี๋ยวเราจะมาอัพเดทให้ทราบกันอีกทีครับ ขอบคุณข้อมูลจาก NHTSA อ่านข่าว…
ยังคงเป็นโมเดลที่มีกระแสข่าวโผล่ออกมาให้พูดถึงกันเรื่อยๆ สำหรับ All-New Yamaha Nmax ที่คงมีเพื่อนๆจำนวนไม่น้อยที่รอคอยให้มันปรากฏตัวซักที แต่สุดท้ายกลับไร้วี่แววและไม่มีการเปิดตัวภายในงาน Motor Expo 2018 ตามที่คาดการณ์เอาไว้ จนต้องถามกันต่อว่าสรุปแล้วทาง Yamaha จะเอายังไงกันแน่กับพรีเมียมสกูตเตอร์คันนี้ เพราะคู่แข่งสำคัญอย่าง Honda PCX 150 นั้นรุกตลาดไปไกลมากแล้ว และจากข้อมูลล่าสุดที่เราได้รับมาสดๆร้อนเมื่อๆคืนที่ผ่านมาจากสื่อสัญชาติอินโดฯว่า ในตอนนี้ Yamaha Indonesia ได้มีการนัดหมายเหล่าผู้แทนจำหน่ายในประเทศตนเองเพื่อเข้าประชุมครั้งใหญ่ที่กรุงจาการ์ตา ซึ่งในงานประชุมที่ว่านี้อาจจะมีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่ 2 โมเดลเป็นอย่างน้อย โดยหากถามว่าโมเดลใหม่ทั้ง 2 รุ่นที่ Yamaha Indonesia มีโอกาสจะเปิดตัวในงานดังกล่าวคือโมเดลใดกันแน่ ? หนึ่งในนั้นจะต้องเป็น 2019 MT-15 แน่นอนเพราะมันยังไม่ได้เปิดตัวในประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ 2019 YZF-R25 ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัวไปแล้วในวันเดียวกันกับที่ 2019 YZF-R3 ได้เปิดตัวที่บ้านเรา ดังนั้นอีกหนึ่งรุ่นที่เหลือ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็น 2019 Nmax155 เนื่องจากตอนนี้เหลือเจ้าพรีเมียมสกูตเตอร์รุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้นที่ถึงรอบปรับโฉม…
2018 Kawasaki H2 SX สปอร์ต-ทัวร์ริ่งคันล่าสุดจากค่ายแตนเขียว เตรียมถูกเรียกกลับโดยบริษัทแม่ที่ยุโรปเป็นครั้งแรกเพื่อกลับไปแก้ปัญหาตัวรถในเรื่องของขาตั้งคู่ ที่พร้อมจะกางออกได้ทุกเมื่อขณะเดินทาง โดยจากข้อมูลที่ระบุโดย FEMA (Federation of European Motorcyclists’ Associations) หรือสหพันธ์แห่งสมาคมรถมอเตอร์ไซค์ยุโรป ได้ระบุเอาไว้ว่า ตัว 2018 Kawasaki H2 SX นั้น ได้รับการติดตั้งหมุดยึดสปริงขาตั้งคู่มาอย่างไม่ถูกต้อง จึงทำให้มีความเสี่ยงที่ชิ้นส่วนตรงนี้พร้อมจะกางออกได้ทุกเมื่อ และถ้าโชคร้ายคือขาตั้งอาจจะไปเกี่ยวกับฝาท่อหรือขอบหลุมอะไรสักอย่างเข้าให้จนทำให้ตัวรถถูกกระชากและเกิดอุบิตเหตุในที่สุด ส่วน Kawasaki ในประเทศไทยเองยังไม่มีการประกาศรีคอลล์ใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นใน 2018 H2 SX ครั้งนี้ ซึ่งอาจจะอยู่ในระหว่างเตรียมการ หรือไม่เช่นนั้นล็อตตัวรถที่ผลิตอาจจะเป็นคนละส่วนกับที่ส่งขายในประเทศยุโรป ยังไงสำหรับเพื่อนๆที่ใช้โมเดลนี้อยู่ก็คงต้องรออัพเดทข้อมูลกันอีกทีครับ ขอบคุณข้อมูลจาก FEMA อ่านข่าว การรีคอลล์ เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ต่อจากบทความเมื่อวานที่เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาไปพอสมควร กับการที่ Stefan Pierer ผู้บริหารใหญ่ของ KTM ได้เกริ่นออกมาว่า เจ้าตัวต้องการคว้า Ducati จากอ้อมอกของ Volkswagen มาเป็นหนึ่งในแบรนด์ลูกของตนเอง มาตอนนี้เราก็จะพูดถึงอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เขาได้พูดถึงในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวซึ่งไม่น้อย นั่นก็คือการที่ เราอาจจะได้เห็นมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงพิกัด 500cc คันใหม่ล่าสุดจากค่ายไร่ส้มแบรนด์นี้ ในปีหน้า (2019) “ตัวหลักของเราในปีหน้าก็คือ 790 Adventure เราอยากจะขายมันให้ได้ 15,000 คัน, คือ(ในปีหน้า)รถมอเตอร์ไซค์พิกัดกลางจะมีความสำคัญมากขึ้น, และในเซกเมนท์นี้เราก็จะมีโมเดลอื่นเสริมเข้ามาด้วย, ทั้งรุ่น SMT (Super Moto Touring) และอื่นๆ” “ส่วนในคลาส 500cc เราก็จะทำแบบ 2 สูบเรียง ซึ่งมันจะผลิตโดย Bajaj พาร์ทเนอร์ของเราที่อินเดีย และเราหวังว่ามันจะสามารถสู้กับโมเดลของแบรนด์ญี่ปุ่นได้, มันคือตลาดเกิดใหม่ที่เติบโตขึ้นเร็วมากในตอนนี้, และตลาดเกิดใหม่แบบ’พรีเมียม’ที่ว่าก็คือรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 500-800cc” โดยสิ่งที่เราต้องลุ้นกันต่อจากนี้ก็คือ เจ้าโมเดล 500cc…
แม้ว่าในตอนนี้สถานการณ์ของ KTM อาจจะเรียกได้ว่าไม่สู้ดีเลยซักนิดสำหรับการทำตลาดในบ้านเรา แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองสำหรับตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในโซนประเทศอื่นๆ พวกเขากลับเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอเมริกาที่มีเปอร์เซ็นต์การเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% (ถือว่าสูงมากเพราะปกติขยับขึ้นกันแค่หลักหน่วยนิดๆเท่านั้น) ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Stefan Pierer ผู้บริหารใหญ่ของ KTM เริ่มตั้งเป้าต่อไปโดยหวังที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ของตนเองจนติดท็อป 3 แบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่มีมูลค่าสูงสุดรองลงมาจาก Honda และ Yamaha ภายในปี 2020 ซึ่งหนึ่งในแผนการนั้นของเขาก็คือการซื้อกิจการของ Ducati ยอดแบรนด์ดังจากอิตาลิ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ต่อจาก Husqvarna ที่ตนซื้อมาจาก BMW เมื่อปี 2012 โดย Pierer ได้เอ่ยถึงแนวคิดที่เหมือนกับการเกริ่นว่าอยากได้ Ducati มาอยู่ในการครอบครองของ KTM เอาไว้ว่า “ผมมีปฏิสัมพันธ์อันดีกับ Ducati และแบรนด์ที่จะไปได้ดีกับเราก็คงไม่ใช่ใครนอกจาก Ducati, คือแบรนด์อื่นๆผมอยากให้คุณลืมมันไปเลย อย่าง MV Agusta เนี่ย พวกเขาก็เล็กไป (แสดงว่าครั้งหนึ่ง Pierer ก็สนใจจะซื้อแบรนด์นี้เช่นกัน)”…
ดูเหมือนว่าบางทีการตัดสินใจย้ายเข้าสู่ชายคา Repsol Honda Team ของ Jorge Lorenzo จะเป็นอะไรที่ดีสำหรับเขาไม่น้อย เพราะหากเรายังจำกันได้ตอนสมัยที่เจ้าตัวยังอยู่กับ Ducati นั้น ต้นสังกัดเก่าของเขาไม่เคยยอมปรับแต่งตัวรถให้ตรงกับความต้องการของนักบิดรายนี้เลยซักครั้ง จนกระทั่งสุดท้ายต้องรอเวลาผ่านไปเกือบปีครึ่งที่ผลงานของ Lorenzo เข้าขั้นวิกฤต และนักบิดรายนี้ก็เลือกเซ็นสัญญากับสังกัดใหม่ไปแล้วเรียบร้อย ทาง Ducati ถึงยอมปรับตัวแข่ง Desmosedici GP18 ให้ตามคำขอ และผลปรากฏว่าผลงานของเจ้าตัวต่างกันลิบลับกับสนามก่อนหน้า ทำให้ซุ้มสีแดงเองก็คงจะรู้สึกเสียดายไม่น้อยกับสิ่งที่ตนทำลงไป ในขณะเดียวกันนั้นเองหลายคนก็ตั้งคำถามเหมือนกันว่า แล้ว Repsol Honda Team เอง จะยอมปรับแต่งตัวแข่ง Honda RC213V ให้เข้ากับ Jorge Lorenzo หรือไม่ เพราะหากมองดูเผินๆแล้วจะเห็นได้ว่าสไตล์การขี่ของ JL99 นั้นต่างกันกับ Marc Marquez ผู้ซึ่งเป็นนักบิดหัวแก้วหัวแหวนของทีมสีส้มนี้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่ตัวแข่งซึ่งคลิกกันกับ MM93 จะไม่เข้ากับทีมเมทคนใหม่ และทางทีมเองก็อาจจะไม่ยอมปรับตัวแข่งตาม (เนื่องจากอยากตามใจ Marquez มากกว่า)…
หลังปล่อยให้โฉมสปอร์ต-แน็กเก็ทอย่าง Duke 390 ปรับโฉมไปได้ 1 ปีนิดๆ ตอนนี้ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวของฝั่ง RC390 กันบ้าง หลังจากที่เมื่อคืนก่อนได้มีภาพ Spyshot ของสปอร์ตไบค์คันดังกล่าวรุ่นปรับโฉมปี 2020 หลุดออกมาให้เห็น โดยจากรายละเอียดตัวรถ 2020 RC390 – Prototype ที่เราเห็นในภาพ(แนบลิงค์ไว้ด้านล่าง) จะเห็นว่าดีไซน์แฟริ่งด้านหน้าของมันมีการเปลี่ยนใหม่หมด ตั้งแต่ชุดคาวลิ่งหน้าที่เป็นแบบสีขุ่น (คล้ายกับวินชิลด์แต่งของโฉมปัจจุบันแต่มีการตีโป่งทั้งด้านสูง/ด้านกว้างมากกว่า) ส่วนแฟริ่งด้านข้างก็ปรับใหม่ให้ดูสปอร์ตมากขึ้น และถังน้ำมันก็ดูอวบอิ่มมากขึ้น เหมือนยกดีไซน์จากตัวแข่ง MotoGP – KTM RC16 มา นอกจากนี้ แม้หน้าตาแฟริ่งกับเบาะท้ายจะยังเหมือนเดิม แต่ตัวซับเฟรมมีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ซึ่งไม่เหมือนแม้กระทั่งคู่แฝด Duke 390 ขณะที่หน้าจอแสดงผลคาดว่าจะมีการปรับไปใช้แบบ TFT ตามยุคสมัย ไม่เหมือนกับแบบเดิมที่เป็นแค่ LCD สีส้ม-ดำ ธรรมดาๆเท่านั้น ส่วนชุดโช้กอัพคู่หน้าดูจะยังเป็นของเดิมกับรุ่นปัจจุบันแต่ปั๊มเบรกหน้าดูเปลี่ยนไป ด้านข้อมูลในเรื่องของเครื่องยนต์ ด้วยความที่มันจะทำตลาดในฐานะโมเดลปี 2020 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ เครื่องยนต์ของ…
Bunker Custom Cycles สำนักแต่งจากเมืองอิสตันบูลประเทศตุรกี เปิดตัวผลงานคัสตอม Triumph Street Twin คันล่าสุดที่มีชื่อว่า Street Sleeper โดยเน้นที่การเสริมลุคตัวรถให้ดูคมเข้มสมความความเป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์น-คลาสสิคแบบแบดบอยมากขึ้น โดยในส่วนการตกแต่งในเบื้องต้นนั้นจะเห็นได้ว่า แม้เจ้า Street Twin – Street Sleeper คันนี้จะได้ชื่อว่าเป็นคัสตอมไบค์ แต่หน้าตาโดยรวมของมันดูแทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิมๆออกโรงงานเลย นอกจากชิ้นส่วนยิบย่อยที่สามารถถอดเปลี่ยนไปโดยไม่ต้องดัดแปลงตัวรถใดๆ ทั้งชุดแฮนด์บาร์ทรงสูงพร้อมกริปแฮนด์ดีไซน์คลาสสิคสีน้ำตาลอ่อน, บังโคลนหน้าชิ้นจิ๋วที่สร้างขึ้นใหม่แม้ดีไซน์จะคล้ายเดิม ส่วนถังน้ำมันกับฝาครอบยังเป็นของชิ้นเดิมกับที่ติดรถออกมาแต่มีการทำสีใหม่ให้ดูเคร่งขรึมมากขึ้นด้วยการสาดสีเทาด้านคาดแถบดำเหลืองสุดคลาสสิค, ขณะที่ตัวเบาะนั่งมีการเปลี่ยนใหม่เป็นแบบบุโฟมหน้าพร้อมหุ้มหนังสีน้ำตาล ซึ่งทาง Bunker ได้ให้ข้อมูลว่าพวกเขาต้องทำการตัดซับเฟรมใหม่ให้สั้นลงกว่าเดิมอีก 10 มิลลิเมตรเพื่อให้ตัวรถดูสมส่วนมากขึ้น ซึ่งนี่น่าจะเป็นแห่งเดียวที่มีการตัดแต่งเกิดขึ้นบนเจ้า Street Twin คันนี้ ด้านเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงพิกัด 900cc ของตัวรถเองก็มีการปรับจูนใหม่ให้สามารถทำกำลังได้มากขึ้น ทั้งชุดกรองอากาศจาก K&N, ชุดกรองระบายไอน้ำมันเครื่อง, เดินสายไฟใหม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้แบตเตอร์รี Li-ion น้ำหนักเบา, และเสริมชุดกล่อง ECU Power Commander…
ย้อนไปเมื่อช่วงกลางปีของการแข่งขัน MotoGP 2018 สิ่งหนึ่งที่ถูกพูดและถามถึงอยู่บ่อยๆในช่วงเวลานั้นก็คืออนาคตของ Jorge Lorenzo ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่กับทาง Ducati เนื่องจากเจ้าตัวไม่สามารถทำผลงานดีๆให้กับทีมได้ตลอดตลอดระยะเวลาที่ร่วมงานด้วยกันมาเกือบปีครึ่ง โดยในขณะนั้น Lorenzo ได้มีข่าวว่าเขาได้รับข้อเสนอจากทีมแข่งหลายสังกัดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Suzuki Ecstar Team, Yamaha ทีมรอง (ขณะนั้นยังไม่มีการเปิดเผยชื่อว่าใครคือผู้ทำทีมให้), และ Repsol Honda Team ผู้ซึ่งเป็นเหมือนกับม้ามืดที่มีข่าวแค่เพียงครู่เดียวก็ประกาศว่า นักบิดหมายเลข 99 รายนี้ได้ทำการจรดปากกาเขียนลายเซ็นลงบนสัญญากับทีมแบบสายฟ้าแลบ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีสื่อใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกา ลงบทสัมภาษณ์ของ Jorge Lorenzo ที่พูดถึงช่วงเวลาลาสำคัญก่อนติดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับ Repsol Honda Team หลังจากที่ต้องทนกับผลงานอันไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักกับ Ducati Team เอาไว้ว่า “มันเป็นรู้สึกหดหู่ที่เกิดขึ้นเล็กๆ”, “คือตอนนั้นที่ผมเริ่มมองถึงโอกาสที่จะรีไทร์ ในหัวผมก็เริ่มรู้สึกไม่ดี” “ปกติแล้วเวลาผมนึกถึงการรีไทร์ ผมมักจะรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลาย เพราะผมคงจะไม่ต้องมาทนกับแรงกดดัน และจะไม่ต้องมาเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้” “แต่อันที่จริงผมก็ไม่ได้หวังที่จะรู้สึกถึงโอกาสในการรีไทร์หรอก มันรู้สึกหดหู่ และมันก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ คือมันอีกแค่นิดเดียวจริงๆที่จะรีไทร์”,…