จากความจริงที่ว่าในการแข่งขัน Moto2 ปีหน้า ทาง Honda จะถอนตัวจากการเป็นซัพพลายเออร์เครื่องยนต์ CBR600RR และทาง Triumph จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทนด้วยการเป็นซัพพลายเออร์เครื่องยนต์ของ Street Triple 765 ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเครื่องยนต์เปลี่ยนไปชุดกล่องควบคุมก็ต้องเปลี่ยนตามเพื่อให้มันสามารถกำราบความแรงที่เพิ่มขึ้นมาได้อย่างอยู่หมัด โดยแต่เดิมสำหรับการแข่งขัน Moto2 ปัจจุบันที่ใช้เครื่องยนต์ CBR600RR จะใช้ชุดกล่องควบคุมของ Honda ที่ไม่มีฟังก์ชั่นเสริมในเรื่องของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใดๆทั้งสิ้น แต่กับเครื่องยนต์ลูกใหม่ของ Street Triple 765 นั้นจะหันไปใช้กล่องควบคุมของ Magneti Marelli เหมือนกับรุ่นใหญ่ MotoGP ที่รองรับกับการเปิดฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่อันหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้ง Launch Control (ล็อครอบออกตัว), Torque Control (ควบคุมกำลังแรงบิดของเครื่องยนต์), Engine Brake Control (ควบคุมเอนจิ้นเบรก), Auto-Blipper (เบิ้ลรอบไฟฟ้า สำหรับการชิฟดาวน์โดยไม่ต้องใช้คลัชท์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นฟังก์ชันคู่กันของระบบ ควิกชิฟท์เตอร์) อย่างไรก็ดีแม้ตัวกล่อง ECU ลูกใหม่นี้จะฟังก์ชันช่วยเหลือนักบิดมากแค่ไหน…
Author: admin
จากปัญหาฟอร์มตัวแข่ง YZR-M1 ของทาง Movistar Yamaha Factory Team ในเวที MotoGP อันตกต่ำที่ต่อเนื่องยาวจนทีมไม่สามารถคว้าแชมป์ในสนามใดๆเลยในขวบปีที่่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายเริ่มคาดการณ์กันไปต่างๆนาๆแล้วว่านอกจาก เฟรม ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่(เหมือนจะ)ด้อยกว่าคู่แข่งแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง CP4 ของพวกเขานั้นก็เป็นตัวการสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพราะจะเห็นได้ว่านอกจากปัญหาในการควบคุมตัวรถที่ด้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ในเรื่องอัตราเร่งช่วงทางตรงของพวกเขาก็ยังไม่สามารถสู้กับคู่แข่งอย่าง Honda และ Ducati ที่แข็งแกร่งในจุดนี้ขึ้นไปเรื่อยๆได้เลย ราวกับว่าพวกเขาได้มาถึง “ทางตัน” ในการพัฒนาตัวรถบนพื้นฐานนี้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อถาม Rossi ว่าทาง Yamaha ควรทิ้งเลย์เอาท์เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2002 จนสามารถพาทีมคว้ามแชมป์ได้ถึง 7 จาก 15 ปี (นับจนถึง 2017 เท่านั้น ไม่นับปี 2018 ที่ยังไม่จบฤดูกาล) เพื่อหันไปใช้เลย์เอาท์เครื่องยนต์แบบ วี4 เหมือนกับคู่แข่งที่ดูจะสามารถ…
แม้ว่าก่อนหน้านี้ เราจะได้ทำการนำเสนอภาพสิทธิบัตรของเจ้า BMW S1000RR รุ่นปี 2019 กันไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่านั่นอาจจะยังไม่ชัดเจนที่จะทำให้เพื่อนๆปักใจเชื่อได้ว่ามันคือหน้าตาจริงๆของเจ้า “ฉลามบุก” คันที่ว่านี้ ดังนั้นในคราวนี้เราจึงนำภาพ Spyshot อีกมุมหนึ่งของมันออกมาให้ได้ชมกันเพื่อให้เพื่อนๆได้ภาพจริงอีกครั้งวามันจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนจากโฉมปัจจุบันที่วางจายอยู่ในตอนนี้ โดยในส่วนของไฮไลท์ตัวรถ 2019 S1000RR ที่จะขอเอ่ยถึงก่อนเลยก็คือชุดโคมไฟหน้าที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้เป็นแบบใช้หลอดไฟ LED-Projector ทรงสมมาตรซ้าย/ขวา ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในตัวรถต้นแบบคันนี้ถูกแปกสติ้กเกอร์สีดำปิดไฟหน้าเอาไว้เพื่อหลอกตาพวกเราไม่ให้เห็นลายเส้นด้านในโคม ขณะที่ตำแหน่งไฟเลี้ยวมีการย้ายตำแหน่งมาไว้ที่กระจกมองข้าง, วินชิลด์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม, จงอยล่างของแฟริ่งด้านหน้าถูกเหลาใหม่ให้มีความกลมมน ซึ่งกลับกันกับชุดแฟริ่งด้านข้างที่ถูกออกแบบให้มีความแหลมคม และพุ่งไปข้างหน้ามากขึ้น ด้านชุดแครงก์ขวาเองก็มีการปรับดีไซน์ใหม่เพื่อบ่งบอกว่านี่อาจจะไม่ใช่เครื่องยนต์ของ S1000RR ลูกเดิมที่เรารู้จักกันอีกต่อไป ส่วนถังน้ำมันยังมีความหนากว้างคล้ายๆเดิม แต่กับชุดแฟริ่งท้ายนั้นมีการออกแบบให้เว้นช่องรีดอากาศตามสมัยนิยมเรียบร้อย แม้ว่าจะต้องแลกกับรูปลักษณ์สุดเพรียวบางที่เคยสร้างไว้ในโฉมหนึ่งและโฉมสองมาแล้วก็ตาม ส่วนช่วงเวลาเปิดตัวนั้น คาดว่าคงเหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงเดือนดีแล้ว เพราะทาง BMW คงไม่น่าพลาดที่จะนำเจ้า 2019 S1000RR คันนี้ไปเปิดตัวในงานบ้านเกิดตัวเองอย่าง EICMA2018 มิลาน อิตาลี ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือน พ.ย. นี้นั่นเอง อ่านข่าวสาร BMW เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers…
ด้วยความที่ในปัจจุบันนอกจากการที่รถมอเตอร์ไซค์พิกัด 300cc ประเภทสปอร์ต และเน็คเกทไบค์จะได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆแล้ว ก็ยังมีรถมอเตอร์ไซค์ประเภทแอดเวนเจอร์ที่ความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่เราจะเห็นเหล่าผู้ผลิตต่างๆเริ่มเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่ที่ปรากฏกายในรูปแบบนี้กันมาเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าพี่จีนเองก็คงไม่พลาดเช่นกัน จึงได้สร้างเจ้า Zontes T310 หน้าตาสุดล้ำที่เรากำลังจะพูดคันนี้ออกมา ดีไซน์โดยรวมตัวรถของ T310 นั้นค่อนข้างเน้นเน้นไปที่ความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และดุดัน เสริมภาพลักษณ์ ในทางสปอร์ตทัวเร่อ ตั้งแต่หัวจรดท้าย ดีไซน์ยังคงแฝงความทันสมัยด้วยชุดระบบส่องสว่างแบบ LED ทั้งหน้า/หลัง ตามสมัยนิยม และย้ำความเป็นแอดเวนเจอร์ไบค์ตัวจริงด้วยชุดแครชบาร์ขนาดใหญ่ด้านข้าง กับมือจับกันตกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใส่ปี๊บหลังตั้งแต่ออกมาจากโรงงานเลยทีเดียว ด้านเครื่องยนต์ Zontes T310 เป็นแบบสูบเดียว แม้รหัสเลข 310 แต่พิกัดบนขนาดความจุจริงอยู่ที่ 312cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ (หม้อน้ำ) จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด สามารถทำแรงม้าได้สูงสุด 35 ตัวที่ 9,500 รอบ/นาที และทำแรงบิดสุงสุดได้อีก 30 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบ/นาที ส่งกำลังทั้งหมดไปสู่ล้อหลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด…
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่อึดใจ คนไทยทั้งประเทศจะได้เป็นเจ้าบ้านเพื่อต้อนรับการ มาเยือนของเกมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “MotoGP” ซึ่งมีคิวจัดขึ้นครั้งแรกในเมืองไทย ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม นี้ ที่สนาม “Chang International Circuit” จ.บุรีรัมย์ โดยนอกจากเตรียมตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีแล้ว แฟนกีฬาความเร็วชาวไทยยังต้องติดตามเชียร์และให้กำลังใจ 2 ดาวรุ่งนักบิดสายเลือดใหม่จาก A.P. Honda ผู้ได้รับโอกาสมีส่วนร่วมในศึกดวลเดือดสองล้อครั้งประวัติศาสตร์ในบ้านเรา นำโดย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดตัวจริงหนึ่งเดียวของไทย ที่ลงชิงชัยในการแข่งขันโมโตจีพีแบบเต็มตัวตลอดฤดูกาล moto3 ภายใต้สังกัด Honda Team Asia หมายเลข 41 ขณะที่อีกหนึ่งดาวรุ่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของแชมป์ Asia Talent Cup ปี 2016 ตามที่สมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ หรือ FIM ยืนยันชัดเจนแล้วว่า ดาวบิดวัย 19…
เป็นที่แน่นอนแล้วขณะนี้ทาง BMW ได้มีแผนที่จะเปิดตัวเจ้า R1200GS รุ่นใหม่ (R1250GS) ภายในระยะเวลาอีกไม่ถึงเดือนนับจากนี้ โดยที่ไฮไลท์เด็ดสำคัญของมันก็คือเครื่องยนต์สูบนอนที่ได้รับการขยายความจุใหม่จนกลายเป็น 1,254cc รวมถึงชุดวาล์วแปรผันซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทางค่ายพึ่งได้นำมาใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองอีกด้วย และสำหรับคลิปที่เรานำมาให้ได้รับชมอยู่นี้ จะเป็นคลิปอธิบายหลักการทำงานคร่าวๆของระบบวาล์วแปรผันที่ทาง BMW ได้ออกแบบไว้ว่าจะนำมาใช้กับ 2019 R1250GS (จริงๆคือน่าจะทุกคันที่อยู่ในกลุ่ม R-Series) ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการแปรผันวาล์วของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการที่ชุดแคมชาฟท์ของมันมีลูกเบี้ยวอยู่ 2 ชุดวางตำแหน่งไว้ข้างกัน โดยแบ่งเป็น ลูกเบี้ยวระยะยกต่ำสำหรับการใช้งานในช่วงรอบต้น กับ ลูกเบี้ยวระยะยกสูงสำหรับการใช้งานในช่วงรอบปลาย โดยในส่วนของการปรับเลือกว่าลูกเบี้ยวชุดไหนจะได้ทำหน้าที่เวลาใดนั้น จะอาศัยเซนเซอร์วัดองศาการเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อเป็นหลัก หากเปิดน้อย และ/หรือรอบเครื่องยนต์ต่ำ ตัวระบบจะส่งการเดือยบังคับชุดแคมชาฟท์ให้สไลด์เอาลูกเบี้ยวระยะยกต่ำไปกดวาล์วเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เรียบเนียน แต่เมื่อผู้ใช้เริ่ม เปิดคันเร่ง และ/หรือ ลากรอบเครื่องยนตฺ์ให้สูงขึ้น ตัวระบบจะส่งการเดือยบังคับชุดแคมชาฟท์ให้สไลด์เอาลูกเบี้ยวระยะยกสูงไปกดวาล์วแทน เพื่อเพิ่มอัตราการไหลเวียนไอดีไอเสีย ส่วนตัวเลขกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์สูบนอนขนาดความจุ 1,254cc พ่วงระบบวาล์วแปรผันที่ทาง BMW ได้ติดตั้งลงไปบน 2019 R1250GS นั้นก็เคลมไว้ที่ 136 แรงม้า กับแรงบิดสุงสุดอีกถึง 143 นิวตันเมตร…
ในปัจจุบัน หากผู้ผลิตรายไหนต้องการรีดเบาตัวรถด้วยการลดน้ำหนักชุดเฟรมก็คงหนีไม่พ้นการใช้ชุดเฟรมคาร์บอน เนื่องจากมันสามารถให้ความแข็งแกร่งเทียบเท่าเฟรมอลูมิเนียมได้ โดยที่น้ำหนักตัวของมันเองนั้นเบากว่าเกินครึ่ง แต่ด้วยความที่มันก็ต้องใช้กระบวนการผลิตที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน รวมถึงต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตที่ค่อนข้างนานพอสมควร ทำให้ตัวรถที่ใช้วัสดุประเภทนี้มาทำเฟรมนั้นมีราคาที่สูงลิ่ว อย่างเช่น Ducati 1299 Superleggera และ BMW S1000RR HP4 Race ที่มีราคาค่าตัวอย่างต่ำๆก็คันละ 4 ล้านบาท นั่นจึงทำให้ทาง Honda คิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเขาสามารถรีดน้ำหนักเฟรมได้ โดยที่ไม่ต้องหันไปพึ่งการใช้วัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตทั้งหมดเพราะไม่อยากให้ราคาต้นทุนในการสร้างรถแต่ละคันนั้นสูงเกินไป ซึ่งผลจากแนวคิดนี้ก็ได้ข้อสรุปเป็นว่า พวกเขาจะยังใช้วัสดุหลักในการขึ้นรูปเฟรมเป็นอลูมิเนียมเช่นเดิม และจะใช้วัสดุคาร์บอนฯมาเสริมแกร่งแค่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลในสิทธิบัตรฉบับล่าสุดที่เรานำมาให้เพื่อนๆได้ชมกันอยู่ตอนนี้ โดยสำหรับคำอธิบายในเบื้องต้นของสิทธิบัตรใบนี้ก็คือ ชุดเฟรมที่ Honda ออกแบบไว้นั้นจะยังคงมีวัสดุในการขึ้นรูปหลักเป็นอลูมิเนียมเช่นเดิม แต่เพื่อให้น้ำหนักตัวของมันเบาลง พวกเขาจึงออกแบบให้ขนาดเฟรมด้านข้างเล็กและบางลง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องแลกด้วยความแข็งแกร่งที่ต่ำลงเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเสริม “ก้านค้ำคาร์บอน” ติดตั้งเข้าไปกลางตัวเฟรมเพื่อทำให้ความแข็งแกร่งกลับมาเท่ากับหรือมากกว่าเดิม จากจุดนี้เองจึงเท่ากับว่าทาง Honda สามารถรีดน้ำหนักตัวเฟรมได้จริง โดยที่ไม่เสียความแข็งแกร่งไป และไม่ต้องเปลืองต้นทุนในการผลิตเมากจนเกินไป ซึ่งผู้ที่จะได้ประโยนชน์ในตอนสุดท้ายก็คือผู้ใช้อย่างเราๆนั้นเอง อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…
หากย้อนไปก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว เพื่อนๆคงทราบกันดีว่าทาง Honda ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล CB-R มาแล้วแทบจะครบทุกคลาส ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่สุดอย่าง CB1000R, เล็กสุด CB125R (CB150R ในบ้านเรา), และคลาสนิยมที่สุด CB300R จะเหลือก็แค่เพียงรุ่นพิกัดกลาง 500-650cc เท่านั้นที่ไม่ได้มีการเปิดตัว แต่หลังมีการคาดการณ์แบบไม่ได้มีหลักฐานอะไรอ้างอิงมากมายนักอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าความฝันของเพื่อนๆที่หวัง Honda ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล CB-R ในพิกัดกลางจะเป็นจริงในเร็วๆนี้ซะแล้ว หลังจากที่เมื่อคืนก่อนพวกเขาได้ทำการปล่อยภาพทีเซอร์ Neo Sport Cafe รุ่นใหม่ออกมา เพื่อบอกว่าเรากำลังจะได้เห็นมันในอีกไม่ถึงเดือนนับจากนี้ ส่วนช่วงเวลาเปิดตัวตามที่ทาง Honda EU ได้ระบุเอาไว้ในรูปทีเซอร์ก็คือ วันที่ 3 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงการจัดงาน INTERMOT2018 ที่เยอรมันนี ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนกำลังสนใจโมเดลนี้อยู่ก็เตรียมตัวเตรียมใจกันดีๆได้เลย อีกเพียง 20 กว่าวันนับจากนี้เราได้เจอกันแน่นอนครับ อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…
พักเรื่องรถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่ๆกันซักนิดกับข่าวคราวที่เกี่ยวกับเรื่องราวอันน่าสงสัยของ ไบค์เกอร์หนุ่มรายหนึ่งในเมือเวลส์ตอนใต้ ที่จู่ๆครึ้มใจอะไรของเขาก็ไม่รู้ถึงได้เอาเจ้า Kawasaki H2 SX มาตกแต่งใหม่ด้วยอุปกรณ์แปลกตาและแอบอ้างเป็นตำรวจแบบงงๆ โดยภาพของไบค์เกอร์หนุ่มต้องสงสัยที่เราเห็นอยู่ตอนนี้นั้น ถูกโพสต์เอาไว้บนทวิตเตอร์ของเพจ “Bike Throttle” ซึ่งเพจดังกล่าวได้ระบุเนื้อหาอธิบายใต้ภาพเอาไว้ว่า “@SWP_Roads (กรมตำรวจประจำเมืองเวลส์ตอนใต้) รบกวนช่วยตรวจสอบรถมอเตอร์ไซค์หมายเลขทะเบียน CE18 SRZ หน่อยได้มั้ยครับ ว่าเค้าเป็นตำรวจลาดตระเวนรึเปล่า เพราะเห็นเค้าโบกรถคนในพื้นที่เมือง Barry แล้วตักเตือนถึงพฤติกรรมการขับขี่ของคนเหล่านั้น โดยรถของเค้ามีเต็มไปด้วยกล้อง รวมถึงวิทยุ แล้วก็ไฟสัญญาณ” @SWP_Roads can you confirm if CE18 SRZ – Kawasaki H2SX is a roads policing officer? He has been 'stopping' people in the Barry area and…
แม้อาจจะฟังดูล้ไสมัยเกินไปบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่าอีกไม่นานรถมอเตอร์ไซค์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองจะต้องเกิดขึ้นและนำมาขายจริงในเวลาอีกไม่นานนับจากนี้แน่นอน เพราะเราต่างก็ได้เห็นมาแล้วว่าทั้ง Yamaha และ Honda ต่างก็ขะมักเขม้นในเทคโนโลยีนี้อยู่จนเกิดเป็นทั้ง MOTOROiD และ NC750 Self-Balancing แม้แต่ BMW เองก็ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน จนได้เป็นเจ้า R1200GS ที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยตัวเองได้คันนี้ สำหรับข้อมูลการตัวรถ R1200GS คันดังกล่าวที่ถูกนำมาดัดแปลงเพื่อให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเองนั้นก็มีทั้ง ชุดมอเตอร์ไว้ที่แกนคอเพื่อบังคับเลี้ยว, ชุดเกียร์ออโตเมติก (ใช้มอเตอร์เป็นตัวสั่งการให้คันเกียร์ขึ้น/ลง), ชุดคลัทช์ออโตเมติก (ใช้ระบบกลไกควบคุมก้านกระทุ้งคลัชท์), และเพิ่มระบบกางขาตั้งข้างอัตโนมัติ ซึ่งแน่นอนว่าระบบกลไกที่กล่าวมานี้จะทำงานร่วมกันไม่ได้เลยถ้าไม่มีชุดเซนเซอร์สำหรับตรวจจับสถานะตัวรถอีกหลายรายการ ยกตัวอย่างเช่น วัดองศาการเอียงตัวรถ, กล้องส่องทางด้านหน้า, เซนเซอร์ GPS สำหรับจับตำแหน่งตัวรถ และอื่นๆอีกมากมาย ด้านจุดประสงค์ในเบื้องต้นที่ทาง BMW ได้เลือกพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมานั้น โดยแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ตั้งใจถึงขั้นให้ผู้ขี่ไม่ต้องควบคุมตัวรถใดๆเลยขณะเดินทาง แต่ทำมาเพื่อให้ตัวรถสามารถรับรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า และสามารถช่วยผู้ใช้แก้ปัญหาการควบคุมที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างเหตุการฉุกเฉินนั้นๆได้ (เช่นการเลี้ยว, เบรก, หรือลดความเร็วลงเพื่อให้ตัวรถกลับมาสู่สภาวะปกติได้เอง เป็นต้น) ส่วนช่วงเวลาที่ทาง BMW วางแผนไว้ว่าจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงนั้นก็คือช่วงปี 2021 หรือก็คือในอีก 3…