จริงอยู่ว่าถ้าหากใครสักคนอยากได้เจ้า Ducati Streetfighter ไว้ครอบครองสักคัน สิ่งที่คนเหล่านั้นทำก็แค่เดินหาตามร้านมือสอง หรือติดต่อขอซื้อจากเจ้าของคนเก่าเอาแค่นั้น แต่ดูเหมือนว่าการทำอะไรแบบนี้คงดูง่ายเกินไปสำหรับเจ้าสำนัก PepoXTR ทำให้เขาเลือกนำสปอร์ตไบค์ยุคเดียวกันอย่าง 848 มาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้กลายเป็นสปอร์ตแน็คเก็ตเจ้าตำนานคันดังกล่าวด้วยตนเองพร้อมตั้งชื่อใหม่ว่า “DOUD MAQUINA” ซะงั้น โดยงานแรกสุดที่ทางสำนัก PepoXTR ได้เริ่มทำก่นเลยก็คือการแกะแยกชิ้นส่วนเดิมๆของ Ducati 848 ออกมา แล้วจัดการเสริมชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพดีกว่าและเบากว่าเข้าไปตามแบบฉบับที่อยากให้เป็น ทั้งก้านเบรกปรับระดับได้, ชุดจานเบรกจาก Discacciati, สายน้ำมันเบรกและชุดผ้าคลัชท์จาก Frentubo Kevlar, และแน่นอนว่าทางสำนักคงไม่พลาดที่จะเปลี่ยนระบบคลัทช์เปียกเป็นแบบคลัชท์แห้งตามฉบับ Ducati ซึ่งระบบคลัทช์ชุดนี้ก็ทำงานคู่กับระบบสลิปเปอร์คลัชท์กันกระชากจาก EVR ด้านเครื่องยนต์ถูกรื้อออกมาอเวอร์ฮอลล์และปรับปรุงใหม่ในส่วนของพอร์ทไอดี/ไอเสีย, เปลี่ยนลิ้นเร่งเป็นของ 1098, เปลี่ยนหม้อกรองอากาศเป็นแบบคาร์บอนน้ำหนักเบารวมถึงไส้กรองแต่งของ XTR, ท่อไอดีขึ้นรูปใหม่ด้วยงาน CNC, ติดตั้งหม้อน้ำสเปคตัวแข่งจาก Tamburini, ปรับกราฟเครื่องยนต์ใหม่โดย EVR, และปิดท้ายด้วยการติดตั้งท่อไอเสียดีไซน์แหวกแนวไม่ซ้ำใครจาก Super Mario อันที่จริงแล้วชิ้นส่วนตกแต่งที่ทาง PepoXTR ได้นำมาติดตั้งลงบนเจ้า Ducati 848…
Author: admin
Royal Enfield เปิดตัว Classic 500 “Pegasus Edition” รุ่นพิเศษตกแต่งในธีมอาชาศึกยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยผลิตด้วยจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลกเท่านั้น ก่อนอื่นเราต้องย้อนกลับไปเมื่อยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทาง Royal Enfield ได้ทำการส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ของตนให้กับเหล่าทหารของประเทศอังกฤษอยู่หลายหน่วยด้วยกัน แต่หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญที่ทางค่ายได้เลือกนำมากล่าวถึงในครั้งนี้ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวของ 1930 Royal Enfield Flying Flea ที่ถูกใช้งานโดยพลร่มของสหราชอาณาจักร เนื่องด้วยความเบา, ความทนทาน, และความสะดวกสบายในการบำรุงรักษาท่ามกลางสมรภูมิรบของตัวมันเอง ดังนั้นในตัว Classic 500 “Pegasus Edition” คันนี้จึงได้รับการตกแต่งด้วยกลิ่นอายเดียวกันกับเจ้า 1930 Flying Flea เป็นส่วนใหญ่ เริ่มจากเฉดสีที่ใช้กับตัวรถคือสีเขียวมะกอก และน้ำตาลเข้มตามฉบับรถมอเตอร์ไซค์ที่สร้างมาเพื่อใช้ในการออกศึก, บริเวณถังน้ำมันมีการประทับตรา “ม้าเพกาซัส” สีฟ้า ซึ่งเป็นตราประจำหน่วยพลร่มของสหราชอาณาจักรในยุคนั้น, และระบายลำดับการผลิตไว้ข้างถังน้ำมันชัดเจน ด้านเครื่องยนต์มีการแต้มแถบสีเหลืองไว้ข้างแครงก์เพื่อบ่งบอกจุดศูนย์ถ่วงกลางตัวรถสำหรับการโหลดบรรทุกบนเครื่องบิน, เปลี่ยนกริปแฮนด์ใหม่ให้เป็นแบบสีน้ำตาลสไตลล์คลาสสิค, เสริมเข็มขัดหนังรัดฝาครอบกรองอากาศ, ชุดล้อ ท่อไอเสีย…
หลังจากปล่อยทีเซอร์แรกออกมาเมื่อช่วงต้นปีล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Paramount Picture ก็ได้ปล่อยคลิปทีเซอร์ที่สองของภาพยนต์เรื่อง Mission: Impossible ภาค Fallout หรือถ้านับตามลำดับภาคแล้วก็คือภาคที่หก (MI6) โดยหนึ่งในคัทซีนที่น่าจะถูกใจชาวไบคเกอร์อย่างเราๆก็คือฉากที่ตัวเอกของเรื่อง Ethan Hunt ได้ทำการควบเจ้า BMW R NineT Scrambler วนรอบสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “ประตูชัย Champs-Élysées” ใน กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อหนีการไล่ล่าของตำรวจ (แต่สุดท้ายดันไปโดนรถตัดหน้าเพราะไม่มองทางซะงั้น) สำหรับวันเวลาเข้าฉายตามตารางก็คือวันที่ 26 กรกฏาคม หรือในอีก 2 เดือนข้างหน้า รอชมกันได้เลยครับ อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ย้อนไปเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ทาง Honda Japan ได้เปิดตัวเจ้า All-New PCX ออกมา โดยมีออพชั่นให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้เลือกซื้อสองแบบด้วยกันนี่นก็คือ PCX EV ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และ PCX Hybrid ที่เป็นแบบผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครี่องยนต์สันดาปภายใน จนกระทั่งต่อมาทาง A.P. Honda ได้ทำการเปิดตัว 2018 PCX สำหรับจำหน่ายในประเทศไทยเรากันบ้าง แต่ขุมกำลังหลักของตัวรถยังเป็นเครื่องยนต์ 149.3cc ลูกเดิมที่ถูกนำมาปรับปรุงใหม่เท่านั้น แล้วทิ้งให้สาวกที่กำเงินรอซื้อรุ่น Hybrid กับ EV รอเก้อกันต่อไปอย่างงวยงง แต่ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง MotoRival พึ่งได้รับข่าวดีจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ของเรามาว่า แผนเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่คันต่อไปของ A.P. Honda ในเดือนหน้า (มิถุนายน) ก็คือเจ้า “PCX Hybrid” ที่ใครหลายคนรอคอย สำหรับข้อมูลคร่าวๆของเครื่องยนต์นั้นคาดว่าตัว All-New Honda PCX Hybrid จะยังคงใช้เครื่องยนต์…
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอข่าวคราวเครื่องยนต์ V-Twin ขนาด 1,400cc จาก Mugen บริษัทลูกของ Honda ไปแล้ว วันนี้เราก็จะพาเพื่อนๆมาพบกับคอนเซปท์ครุยเซอร์คันใหม่ที่ถูกออกแบบโดยทางสื่อญี่ปุ่นอย่าง Young-Machine พร้อมตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “Mugen MRV1400” โดยสหรับต้นแบบของเจ้า MRV1400 คันนี้แท้จริงแล้วมันได้ถูกเรนเดอร์ขึ่นมาจากภาพร่างที่ทาง Mugen ใช้นำมาจัดแสดงในงานเปิดตัวประกอบกับพี่ใหญ่ในตำนานอย่าง 1974 Mugen MRV1000 มาเรนเดอร์ร่วมกันเพื่อยกตัวอย่างให้พวกเราเห็นหน้าตาคร่าวๆว่าหากเครื่องยนต์ลูกนี้ถูกนำไปใช้จริง มันจะมีหน้าตาไปในทิศทางไหน (แต่จากที่เราลองสังเกตุดูก็พบว่าตัวรถเรนเดอร์คันนี้มีอะไรหลายๆอยางที่คล้ายคลึงกับ Triumph Bobber อยู่ไม่น้อยหมือนกัน) ด้านช่วงเวลาจำหน่ายจริง (เฉพาะเครื่องยนต์) ทาง Mugen ได้ระบุไว้ว่าจะเริ่มเปิดให้ลูกค้าที่สนใจได้จับจองกันในช่วงปี 2020 ดังนั้นสำหรับลูกค้าสายคัสตอมคนไหนที่สนใจก็รอออเดอร์กันได้เลยครับอีกแค่ 2 ปีเอง ขอบคุณข้อมูลจาก Morebikes อ่านข่าว Mugen เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival…
“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึก “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย หมายเลข 41 เจองานหินในการแข่ขันสนาม 5 ที่ เลอ มังส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ก่อนฝ่าด่านคู่แข่งหัวกะทิจากทั่วโลกคว้าอันดับ 20 จากเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์) หรือ โมโตจีพี เดินทางดวลความเร็วถึงสนามที่ 5 ของฤดูกาล ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ สนามเลอ มังส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส โดยมีนักบิดหนึ่งเดียวของไทยอย่าง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ร่วมแข่งขันในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันภายใต้สังกัด ฮอนด้า…
บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “อัลไพน์สตาร์ส” ผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์และรถยนต์แข่งขัน แบบครบวงจรจากประเทศอิตาลีแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขอนำเสนอ “ดับเบิ้ล แบล็ค คอลเลคชั่น” (Double Black Collection) คอลเลคชั่นที่เกิดจากการคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ระดับโลก ด้วยการเป็นผู้นำของเทคโนโลยีเพื่อการปกป้องนักขับขี่ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1963 ผสมกับความปราณีตในการผลิตและออกแบบ อัลไพน์สตาร์สยังได้นำสุดยอดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาผสมผสาน กับความคลาสสิคดั้งเดิมในการดีไซด์สินค้าในแบบของอัลไพน์สตาร์ส ทำให้ “ดับเบิ้ล แบล็ค คอลเลคชั่น” (Double Black Collection) เป็นการรวมตัวของสินค้าจากอัลไพน์สตาร์สที่มีรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยการผสมผสานตำนานอย่างอิตาเลียนคราฟท์แมนและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน จึงกลายมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ซึ่งคงไว้ความคลาสสิคและความทันสมัยของเทคโนโลยี และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ยังคงดำรงไว้คือ ความพิถีพิถันในการผลิต เอกลักษณ์เฉพาะตัว การเป็นเสื้อผ้าพรีเมี่ยม และความเป็นขบถ (rebel-style) ซึ่งเป็นแก่นที่แท้จริงของสาย motorcycle racing เสื้อแจ็คเก็ตรุ่น BRASS LEATHER JACKET ผลิตจากหนังวัวแท้คุณภาพสูง ผ่านกรรมวิธีการฟอกสีโดยช่างผู้ชำนาญจนได้หนังที่นุ่ม มีสีและสัมผัสไม่เหมือนใคร นอกจากวินเทจลุคที่ช่วยเสริมความเท่และโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่แล้วตัวของแจ็คเก็ตยังมาพร้อมกับการ์ดไหล่การ์ดศอกทั้งยังสามารถถอดเปลี่ยนเพื่ออัพเกรดรุ่นได้อีกด้วยบริเวณสะโพกเสริมหนังแอคคอเดียนที่ช่วยทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกกระชับและเคลื่อนไหวง่าย สนนราคาอยู่ที่ 22,900…
ท่ามกลางข้อมูลการเปลี่ยนทีมของนักบิดระดับ MotoGP หลายคนทั้ง Jorge Lorenzo กับ Ducati, Andrea Iannone กับ Ecstar Suzuki, และ Dani Pedrosa กับ Repsol Honda ที่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้อยู่กับทีมต่อในปี 2019 อยู่หรือไม่ จนกระทั่งล่าสุดเมื่อคืนวันที่ผ่านมาก็ได้มีข้อมูลหลุดเพิ่มเติมอีกว่านักบิดดาวรุ่งจากคลาส Moto2 อย่าง Joan Mir คือหนึ่งในนักบิดที่ทั้ง “สามทีมโรงงาน” กำลังให้ความสนใจที่จะดึงตัวเขาขึ้นมาร่วมงานกันในอนาคตซุ่งอาจจะเป็นภายในปี 2019 นี้เลย ซึ่งมันยิ่งทำให้อนาคตของนักบิดมือเก๋าทั้งสามคนที่เรากล่าวไปในข้างต้นยิ่งยากจะคาดเดามากกว่าเดิมอีกพอสมควร สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยโดย Paco Sanchez ผู้จัดการส่วนตัวของ Joan Mir ซึ่งเขาได้ออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “Joan อยากขึ้นไปอยู่คลาส MotoGP กับทีมที่ดี รถที่ดี ซี่งนี่คือสิ่งที่เค้าตั้งเป้าไว้, แต่เราต้องปิดดีลให้เร็วที่สุด (หมายถึงไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองมากนัก), มันไม่ง่ายเลยที่จะเลือกเพราะเหล่านักบิดรุ่นใหญ่ทั้ง 3…
สำหรับการแข่งขันระดับ MotoGP นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องความเก่งขั้นเทพของนักแข่งแต่ละคนแล้ว ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีหลายๆอย่างสำหรับโลกมอเตอร์ไซค์ ยกตัวอย่างเช่น เกียร์ Seamless box และ ระบบ Quick Shifter ที่ช่วยให้นักแข่งสามารถเร่งความเร็วจากเกียร์หนึ่งสู่เกียร์หนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง, ระบบ Traction Control, ระบบป้องกันล้อหน้าลอย, ระบบควบคุม Engine brake ที่ทำให้เราสามารถควบคุมรถคู่ใจได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และอื่นๆอีกมากมายที่ถูกพัฒนาจากสนามแข่ง ก่อนที่มันจะถูกถ่ายทอดลงมาสู่รถตลาดให้พวกเราได้ใช้กัน ซึ่งแน่นอนว่านอกจากเทคโนโลยีเหล่านี้แล้ว ในเรื่องของเทคนิคการขับขี่ต่างๆที่นักแข่งระดับ MotoGP ใช้ก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆเช่นกัน ไล่ตั้งแต่ การแทงเข่าออกจากตัวรถ ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันพึ่งมีการใช้เทคนิคนี้ครั้งแรกในช่วงยุค 70 โดยนักบิด World GP นาม Jarno Saarinen หลังจากนั้นก็เริ่มมีการเอาตัวออก หรือย้ายก้นจากแนวรถ ไปจนถึงการทิ้งศอกที่มีให้เห็นกันในการแข่งขันระดับ MotoGP ยุคปี 2000 และในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเทคนิคใหม่ขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการ “กางขา” ก่อนเข้าโค้ง…
โดยปกติแล้วสำหรับคอนเซปท์ชุดแต่ง Yard-Built นั้น ไม่ว่าจะมีหน้าตาหรือรูปแบบในการตกแต่งมากน้อยแค่ไหน แต่สุดท้ายทาง Yamaha ก็ต้องทำโดยมีกฏที่ว่าทางสำนักออกแบบจะต้องไม่ทำการตัดแต่งโครงหลักตัวรถใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำไปติดตั้งกับรถมอเตอร์ไซค์ของตนได้ในทันที แต่สำหรับชุดแต่ง “Custom Dragster” ของเจ้า XSR700 ชุดนี้ที่เปิดตัวออกมาล่าสุด ดูเหมือนว่าจะถูกยกเว้นเรื่องดังกล่าวไป เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อใช้ในการแข่ง “Sultans Of Sprint” โดยเฉพาะ สำหรับหน้าตาภายนอกของเจ้า “Custom Dragster” คันนี้ถูกออกแบบโดยไ้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวแข่งในตำนานของค่าย นั่นก็คือ 1985 FZR 750 Bol d’Or Sonauto และในเมื่อการแข่งดังกล่าวแทบไม่ต่างจากการแข่งแดรก ดังนั้นแนวทางในการดัดแปลง XSR700 คันนี้จึงเริ่มจากการโหลดเฟรมลงถึง 150 มิลลิเมตรเพื่อลดศูนย์ถ่วงของรถทั้งคันลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่ได้ ในขณะที่ตัวสวิงอาร์มก็ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยให้มีความยาวมากกว่าเดิมถึง 100 มิลลิเมตรเพื่อย้ายศูนย์ถ่วงไปอยู่ด้านหน้าตัวรถให้มากที่สุดเช่นกัน ด้านเครื่องยนต์ด้วยความที่ว่าหากลงแข่งจริง ตัว Yamaha XSR700 “Custom Dragster” คันนี้จะมีขนาดความจุน้อยที่สุดในรุ่น จากจุดนี้ทาง Workhorse จึงได้ทำการนำเครื่องยนต์มาบาลานซ์เพลาข้อเหวี่ยงใหม่เพื่อให้มันสามารถรองรับการอัพเกรดชุดหัวฉีดไปจนถึงระบบไหลเวียนน้ำมัน,…