หากพูดถึงชื่อหนัง “คนเหล็ก” หรือ “Terminator” ขึ้นมาซักครั้งหนึ่ง ภาพนึงที่เราทุกๆคนนึกขึ้นมาในหัวแทบจะทันทีคือฉาก Arnold Schwarzenegger ขี่เจ้าครุยเซอร์คันยักษ์เพื่อออกไปตามหา John Corner ซึ่งเจ้ารถ Harley-Davidson ที่เพื่อนเห็นว่ามันกำลังถูกประมูลอยู่ในตอนนี้ ก็คือคันเดียวกันกับที่อยู่ในฉากนั้นนั่นแหล่ะครับ โดยสำหรับข้อมูลพื้นฐานของรถคันดังกล่าวก็คือเจ้า Harley-Davidson รุ่น FLSTF Fat Boy รุ่นปี 1991 ที่พกเครื่องยนต์ V-Twin ทำมุม 45 องศา ขนาดความจุ 1,338cc กำลังสูงสุด 65 แรงม้า ซึ่งถูกใช้งานไปเพียง 392 ไมล์ หรือราวๆ 630 กิโลเมตร เท่านั้น ด้านราคาสุดท้ายที่คาดการณ์ไว้ตอนปิดประมูลนั้นอยู่ที่ 200,000 ถึง 300,000 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 6.45 ล้าน ถึง 9.65…
Author: admin
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก A.P. Honda Racing Team หมายเลข 35 สร้างผลงานระดับโลก คว้าอันดับ 4 แบบมีลุ้นแชมป์ที่ เลอ มองส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ทะยานรั้งท็อป 5 คะแนนสะสม ในศึกสองล้อดาวรุ่งชิงแชมป์โลกรายการ “ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ “ สนาม 3 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบดาวรุ่งชิงแชมป์โลก รายการ “เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018” ดวลความเร็วสนาม 3 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่สนาม เลอ มองส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ในเรซนี้นักบิดไทยอย่าง “ก้อง”…
พบกับตัวแข่งคันใหม่ล่าสุดจาก Ducati ที่จะใช้ทำการแข่งขันขับรถขึ้นเขาสุดอันตรายอย่าง Pikes Peak นั่นก็คือ 2018 Multistrada 1260 – Pikes Peak ที่ถูกนำมาตกแต่งและฟิตหุ่นจนกลายเป็นมันน่าจะกลายเป็น Multistrada ที่เร็วที่สุดในช่วงเวลานี้เลยทีเดียว สำหรับการปรับแต่งเจ้า Multistrada 1260 – Pikes Peak คันนี้อย่างท่เรากล่าวไปในข้างต้นว่าทาง Ducati จำเป็นจะต้องรีดน้ำหนักของมันให้มากที่สุดเท่าที่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจากการถอดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปไล่ตั้งแต่ ไฟหน้า, ไฟเลี้ยว, ไฟท้าย, กระจกมองหลัง, การ์ดแฮนด์, และอกไก่ด้านหลังทิ้งไปทั้งหมด และหลังจากที่ทำการถอดชิ้นส่วนไม่จำเป็นในการแข่งขันทิ้งไปแล้ว ทาง Ducati ก็ได้ติดตั้งชิ้นส่วนเสริมอื่นๆเข้าไป ไม่ว่าจะเป็น ชุดล้อแม็กนีเซียมน้ำหนักเบาจาก OZ Racing, ชุดท่อไอเสียไทเทเนียมสั่งทำพิเศษจากแบรนด์คู่บุญ Termignoni, และโช้คหน้าหลังจาก Ohlins ที่ถูกเซ็ทอัพโดยสำนักดังอย่าง Racetec, ด้านชุดคาลิปเปอร์เบรกล่างยังเป็นของเดิมติดรถซึ่งก็คือ Brembo M50 แต่แม่ปั๊มบนถูกเปลี่ยนใหม่ให้เป็นสเปคเดียวกันกับตัวแข่ง WSBK…
หลังจากที่มีแต่ข่าวลือให้ได้รับทราบกันเพียงอย่างเดียวมานาน ในที่สุดก็ได้มีภาพ Spyshot ของเจ้า New Yamaha YZF-R25/R3 ออกมา ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะดูมีรายละเอียดภาพไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราอธิบายหน้าตาคร่าวๆได้อยู่บ้างเช่นกัน โดยจากภาพจะเห็นได้ว่าตัว Prototype YZF-R25/R3 Gen.2 นั้นมีการออกแบบช่วงหน้าให้คล้ายๆกับพี่คนกลาง YZF-R6 และน้องคนเล็ก YZF-R15 นั่นก็คือการวางช่องแรมแอร์ขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางระหว่างไฟหน้า LED ซึ่งลักษณะดีไซน์ของโคมไฟหน้านี้ทางผู้ถ่ายภาพได้ระบุไว้ว่ามันมีความคล้ายคลึงกับน้องเล็กอยู่ไม่น้อย จะต่างกันก็คือขนาดของโคมที่เพรียวบางกว่า ด้านข้อมูลอื่นๆทางผูุ้ถ่ายภาพได้ระบุไว้ว่าแม้ช่วงหน้าตัวรถ Yamaha YZF-R25/R3 Prototype คันนี้จะแตกต่างจากรุ่นปัจจุบันโดยสิ้นเชิง แต่บริเวณช่วงกลางถึงท้ายตัวรถกลับมีเส้นสายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งข้อมูลตรงนี้ค่อนข้างจะตรงกับข่าวลือที่ทางสื่ออินโด 2-3 รายได้เคยให้ข้อมูลเอาไว้ สำหรับความเป็นไปได้ของส่วนควบหรือฟีเจอร์อื่นๆที่ทาง Yamaha น่าจะเลือกติดตั้งมาให้ New YZF-R25/R3 ก็มีทั้ง ชุดมาตรวัดแบบใหม่หมด (คาดว่าเป็นแบบ Full-Digital), โช้กหน้าหัวกลับจาก Kayaba, และแฮนด์จับโช้กวางใต้แผงคอ ตามฉบับรถสปอร์ตเรพพลิก้า ขอบคุณภาพจาก Iwanbanaran อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ…
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า มุ่งไปอีกขั้นกับโปรเจคใหม่ล่าสุด นำ Entertainment Marketing ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ใช้การบันเทิงสื่อสารตรงถึงคนในวงกว้าง ภายใต้โปรเจค i STORIES: LGBT Project By New Honda Scoopy i (2018 Honda Scoopy-i) “ไม่ว่าคุณเลือกเส้นทางไหน…เราพร้อมไปกับคุณ” ผ่านภาพยนตร์ผู้กำกับชื่อดัง 4 ท่าน เพื่อสร้างการรับรู้ให้คนทั่วไปรับทราบถึงแนวคิดของแบรนด์ “WHAT STOP YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด” มั่นใจ Honda Scoopy i ครองใจอันดับหนึ่งของคนไทยเหนียวแน่น คุณสาวิตรี แก้วงพวงงาม ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้นำเสนอแนวคิดแบรนด์ “WHAT STOPS YOU? มุ่งไป…
ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าผลงานของทีม Moviestar Yamaha ในการแข่งขันระดับ MotoGP นั้นถดถอยไปอย่างมาก ซึ่งเหตุผลที่เป็นอย่างนั้นทั้ง Valentino Rossi และ Maverick Vinales ต่างก็ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเกิดจากชุดเฟรมของตัวรถ YZR-M1 ที่ถูกพัฒนาไปผิดที่ผิดทางจนทำให้กริปของยางหายไปแบบงงๆ อย่างไรก็ดีแม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะยังไม่ทันได้รับการรักษาให้หายเป็นปลิดทิ้ง ทาง Moviestar Yamaha ก็ได้มีปัญหาเพิ่มมาอีกอย่างแทบจะทันที เพราะเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่นักบิดทีมโรงงานทั้งสองคนได้เลือกกันไว้หลังจบรอบ Winter Test เมื่อปลายปี 2017 นั้น ดันทำงานได้ไม่เสถียรเท่าไหร่นัก จนเหล่าวิศวกรและช่างเทคนิคของทีมต้องมาแก้ปัญหาในเรื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับจัดการกับพละกำลังของเครื่องยนต์ลูกดังกล่าวเพิ่ม ทั้งๆที่ปัญหาในเรื่องเฟรมเองก็ยังมีอยู่ โดยสำหรับข้อมูลในครั้งนี้นาย Ramon Forcada ช่างใหญ่ประจำตัวของ Maverick Vinales ได้เป็นคนระบุเอาไว้ว่า แท้จริงแล้วทาง Yamaha ได้ส่งเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่สมบูรณ์กว่ามาให้กับนักบิดทั้งสองได้ทดสอบดูแล้วที่กาตาร์ แต่มันก็ช้าไปเนื่องจากเลยเวลาการยื่นข้อมูลต่อคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทางทีมจึงต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแทนด้วยวิธีในข้างต้น นั่นก็คือการออกแบบชุดโปรแกรมควบคุมเครื่องยนต์ใหม่นั่นเอง นอกจากนี้ Forcada ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าด้วยสาเหตุเรื่องเครื่องยนต์นี้แหล่ะ ที่ทำให้ Johann Zarco สามารถทำผลงานได้ดีแทบจะในทุกๆสนามที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดฤดูกาล…
จากข่าวคราวการต่อสัญญาของ Andrea Dovizioso ครั้งใหม่กับทาง Ducati ไปอีก 2 ปี เพื่อแข่งขันต่อในการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาล 2019-2020 ทำให้ตอนนี้ทุกคนหันไปเพ่งเล็งกันต่อว่าแล้วนักบิดทีมเมทคนปัจจุบันของ Dovi อย่าง Jorge Lorenzo จะเป็นอย่างไรกันต่อไป จะยังอยู่ต่อกับ Ducati หรือไม่ หรือว่าจะโดนนักบิดรายอื่นเข้ามาเสียบตำแหน่งแทนแล้วตัวเองต้องย้ายไปอยู่ทีมอื่น จากข้อมูลในตอนนี้ที่เราได้รับมา มีแนวโน้มสูงอย่างมากว่า Lorenzo จะย้ายไปอยู่กับ Suzuki ในฤดูกาลหน้า เพราะก่อนหน้านี้ Davide Brivio ผู้จัดการทีม Suzuki Ecstar Team ได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนผ่านทวิตเตอร์ว่า “พวกเขาได้ติดต่อกับนักบิดรายอื่นเพื่อดึงตัวมาร่วมงานด้วยกันแทน Andrea Iannone” ซึ่งนักบิดคนที่ว่านั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก JL99 ในขณะเดียวกันใช่ว่า Andrea Iannone จะโดนเด้งจาก Suzuki แบบไร้ที่หมาย เพราะในทวิตเดียวกันนั้น Davide Brivio…
เรียกได้ว่านี่อาจจะเป็นคำขู่ของเด็กระเบิด Marc Marquez ต่อคู่แข่งคนอื่นๆก็ได้ หลังจากที่ทั้งเขาและทีมแข่งได้นำแอโรแฟริ่งแบบใหม่มาติดตั้งเข้าไปแล้วผลปรากฏว่ามันช่วยให้ตัวรถสามารถเทคตัวออกจากโค้งแคบๆได้ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทั้งๆที่ปัญหาเหล่านี้เป็นจุดอ่อนของตัวแข่ง Honda RC213V มาโดยตลอด จนทำให้นักบิดจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมการแข่งขัน MotoGP กล่าวออกมาว่า “แอโรแฟริ่งชุดใหม่นี้ช่วยให้ตัวแข่งพร้อมสู้ในทุกๆสนามตลอดจนจบการแข่งขัน” “แฟริ่งใหม่ชุดนี้มันแตกต่างจากที่ผ่านๆมา แต่มันก็ช่วยแก้ปัญหาได้ในบางจุด โดยเฉพาะกับเรื่องการยกตัวของล้อหน้าที่น้อยลง”, “ความเร็วในโค้งของเรามันดีขึ้นเล็กน้อยในการเทสช่วงทางตรงที่มูเจลโล่หลังเปลี่ยนมาใช้แฟริ่งนี้” “เราเลือกใช้แอโรแฟริ่งนี้เพราะเราเชื่อว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาในสนามนี้ได้”, “ผมตกลงที่จะเลือกใช้แฟริ่งสองอันนี้จนจบฤดูกาล นั่นก็คือแฟริ่งธรรมดาที่ผมใช้มาตั้งแต่เปิดฤดูกาล กับแอโรแฟริ่งใหม่ที่เราพึ่งเปิดตัวในสนามนี้ ซึ่งมันจะช่วยให้เราพร้อมลุยได้ในทุกการแข่งขันนับจากนี้” “วันนี้เราได้ลองใช้แฟริ่งดังกล่าวในช่วงท้ายรอบฝึกซ้อมซึ่งมันช่วยลดอาการยกล้อได้เยอะมาก ดังนั้นกับแทร็คลักษณะนี้มันจึงเป็นข้อดี”, “ผมว่ามันเหมาะมากๆเลยล่ะกับแทร็คแบบนี้ (ทางตรงสั้นแต่โค้งเยอะ)” “คุณจะผ่อนคลายมากๆในช่วงทางตรง ไม่ต้องฝืนอะไรให้มากมายเพราะอาการล้อลอยหลังออกจากโค้ง แต่ผมพึ่งได้ใช้มันครั้งแรก ดังนั้นผมอยากจะขอเวลาทำความเข้าใจอีกซักหน่อยกับมัน” ขอบคุณข้อมูลจาก Motorsport.com อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ย้อนไปในสนาม Termas de Rio Hondo ประเทศอาร์เจนติน่า หรือสนามลำดับที่สองของการแข่งขัน MotoGP ปี 2018 ที่ได้เกิดเหตุการณ์ดราม่าต่างๆรวมถึงเหตุการชวนสับสนอีกมากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือเหตุการณ์ฝนเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุดจนทำให้นักบิดหลายคนและทีมแข่งหลายทีมต้องวิ่งวุ่นกันเพื่อเปลี่ยนตัวรถจากที่เซ็ทอัพไว้สำหรับแทร็คเปียกให้กลายเป็นรถสำหรับแทร็คแห้งกันอย่างจ้าล่ะหวั่น จากจุดนี้ทำให้เพื่อนๆหลายอาจสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าตัวรถที่ถูกเปลี่ยนเซ็ทอัพไปนั้นมีอะไรที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาไขข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวจากคลิปใหม่ที่ทาง MotoGP ได้ทำขึ้นมาไปด้วยกันครับ แน่นอนว่าในจุดแรกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนก็คือประเภทยาง ซึ่งในสภาวะแทร็คแห้งปกตินั้นชนิดยางที่เหล่านักบิดใช้จะเป็นแบบผิวเรียบสนิทตลอดเส้น หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ยางสลิค” เพื่อให้ผิวสัมผัสระหว่างหน้ายางกับผิวแทร็คเยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อผิวแทร็คเกิดมีแอ่งน้ำเนื่องจากฝนตกขึ้นมาชนิดยางก็จะถูกเปลี่ยนเป็น “ยางฝน” ที่มีการเซาะร่องไว้ตลอดทั้งเส้นเพื่อใช้ระบายน้ำที่อยู่บนผิวแทร็คออกจากหน้ายางนั่นเอง ต่อมาคือระบบเบรก ที่แต่เดิมแล้วหากเป็นแทร็คฝน เหล่าทีมแข่งต่างๆจะเปลี่ยนจากจานเบรกคาร์บอนเซรามิคเป็นแบบจานเบรกเหล็กแทน เพราะแม้จานเบรกคาร์บอนเซรามิคจะให้ประสิทธิภาพในการหยุดตัวรถอย่างดีเลิศแค่ไหน แต่มันก็สามารถทำงานได้แค่ในสภาวะอุณหภูมิสูงจัดๆเท่านั้น ดังนั้นการใช้จานเบรกเหล็กที่สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศจึงเหมาะสมกว่า ซึ่งในปัจจุบันเหล่าทีมแข่งได้ออกแบบและใช้ชุดฝาครอบจานเบรกคาร์บอนเซรามิคแทน เพื่อควบคุมอุณหภูมิของจานเบรกและกันเม็ดฝนไปในตัว (สำหรับชุดจานบรกด้านหลังนั้นจะเป็ฯแบบจานเหล็กตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นแทร็คแห้งหรือแทร็คเปียก) ถัดไปคือการเซ็ทอัพระบบกันสะเทือน ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่แทร็คเกิดมีฝนขึ้นมาจนทำให้แทร็คลื่น เหล่าทีมแข่งก็จะปรับตั้งสปริงโช้กทั้งหน้าและหลังให้อ่อนกว่าปกติทันที เพื่อช่วยให้น้ำหนักตัวรถขณะเบรกและเร่งกดลงไปที่หน้ายางมากขึ้น รวมถึงการเซ็ทความหนืดในการยืดยุบเองก็ต้องเซ็ทให้สามารถยืดยุบได้ง่ายหรือไวกว่าเดิมเพื่อเหตุผลเดียวกัน และสื่งสุดท้ายที่ถ้าหากนักบิดไม่ทำเลยก็คงไม่ต่างกับการเอาชีวิตไปเสี่ยงตายเล่นๆคือ การปรับเอนจิ้นแมพหรือโหมดการขับขี่เป็นแบบสำหรับแทร็คฝน เพื่อลดความดุดันของเครื่องยนต์ลงให้สามารถขับขี่ในสภาวะผิวแทร็คเปียกได้อย่างอยู่รอดปลอดภัยจนจบการแข่งขันนั่นเอง ขอบคุณข้อมูลจาก MotoGP อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…
เรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่แปลกแต่ก็น่าสนใจไม่น้อยกับระบบความปลอดภัยแบบใหม่ของ BOSCH ที่ชื่อว่า “Anti-Slide System” หรือแปลไทยตรงๆตัวว่า “ระบบกันไถล” ซึ่งความพิศดารของระบบใหม่นี้ก็คือมันแทบไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับระบบขับเคลื่อนหรือระบบเบรกของล้อหน้า/หลังเพื่อใช้ในการทรงตัว แต่ใช้แรงดันแก๊สผลักตัวรถให้อยูู่บนโค้งได้แทน โดยแนวคิดในเบื้องต้นของระบบความปลอดภัยนี้ทาง BOSCH ได้มีไอเดียมาจากระบบควบคุมทิศทางของนักบินอวกาศขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง ซึ่งตัวระบบที่ว่านี้จะทำงานทันทีที่ตรวจพบว่าตัวรถมีการไถลอาจจะด้วยลักษณะผิวถนนที่ทำให้ศูนย์เสียการยึดเกาะอย่างกระทันหัน โดยการแก้ปัญหาดังกล่าวก็คือระบบจะสั่งขับแก๊สแรงดันสูงออกมาบริเวณตรงกลางตัวรถเพื่อสร้างแรงผลักสวนกับทิศทางการไถล จนทำให้ตัวรถกลับมาเข้าสู่สภาวะการขี่ปกติภายในเสี้ยววินาที สำหรับข้อเสียที่ทาง BOSCH พบอยู่ในตอนนี้ก็คือการที่ระบบดังกล่าวสามารถทำงานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะแก๊สที่ใช้ขับออกมาจะหมดในทันทีที่ถูกปล่อยออกมา ทำให้ทางวิศวกรต้องมาคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไรให้ระบบนี้สามารถทำงานได้เรื่อยๆโดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใช้นำรถมอเตอร์ไซค์มาถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ให้เสียเวลา เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival