Author: admin

ในขณะที่ทุกๆคนกำลังให้ความสนใจในว่าที่สปอร์ตเอนทรีไบค์พิกัด 250-300cc น้องใหม่ของ Suzuki อย่าง GSX-R250/GSX-R300 อยู่นั้น ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนความเคลื่อนไหวของฝั่งคู่แฝดโฉมแน็คเก็ทไบค์จะมีความคืบหน้ามากกว่าซะแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้มีภาพสิทธิบัตรที่มีความความเป็นไปได้ที่จะเป็นหน้าตาของว่าที่ GSX-S250/GSX-S300 ใหม่สูงมากออกมา สำหรับข้อมูลในเบื้องต้นของรถมอเตอร์ไซค์ในรูปภาพนี้นั้น ถูกยื่นจดโดยบริษัท Haojue สัญชาติจีน ซึ่งเอาจริงๆแล้วบริษัทนี้ก็คือผู้ที่ออกแบบ 3 โมเดลพิกัด 250cc ของทาง Suzuki อันได้แก่ V-Strom 250, Inazuma 250 (GW250), และ GSX-250R ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักถ้าเราจะสามารถสังเกตุได้ว่าเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ปริศนาที่มีชื่อหรือโค้ดเนมว่า “HJ300” คันนี้ใช้ชิ้นส่วนพื้นฐานต่างๆร่วมกันกับทั้งสามคันที่เรากล่าวมาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงหลักตัวรถและเครื่องยนต์ (อาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถยืนยันได้ว่ามีพื้นฐานเดียวกันแน่นอน) ด้านดีไซน์ภายนอกนั้น ด้วยความที่ว่ายังไงทาง Haojue ก็ต้องวางแผนให้เจ้า HJ300 คันนี้วางจำหน่ายในตลาดบ้านตนเองเป็นหลัก ดังนั้นดีไซน์โดยรวมของตัวรถจึงเน้นไปที่การตัดเส้นสายให้มีความเฉียบคมเป็นหลักตั้งแต่หัวจรดท้าย แน่นอนว่าอุปกรณ์ส่วนพ่วงตัวรถต่างๆก็ต้องจัดเต็มไม่ให้แพ้ชาวบ้าน ส่งผลให้มาตรวัดติดรถต้องเป็นแบบ LCD ฟูลดิจิตอล, หลอดไฟหน้า/หลังต้องเป็นแบบ LED, ชุดระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบตะเกียบคู่หัวกลับ, และชุดเบรกต้องมีระบบ…

Read More

แม้ว่าจะการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาลปี 2018 จะผ่านมาแล้วหนึ่งสนาม หรือถ้านับเวลาก็ราวๆ 2 สัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่าหลายๆคนจะยังคงไม่เข้าใจถึงกฏกติกาต่างๆที่ทางคณะกรรมการได้ตั้งเอาไว้เพื่อควบคุมตัวแข่งในฤดูกาลนี้ ซึ่งทางผู้จัด MotoGP ก็ได้มีการทำคลิปอธิบายถึงกฏกติกาหลักๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาเมื่อวันก่อน ดังนั้นเราจะขอนำมาอธิบายให้เพื่อนๆได้เข้าใจในแบบไทยๆพร้อมๆกัน มาเริ่มกันเลยครับ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ถูกพูดถึงก่อนเลยก็คือ จำนวนตัวแข่งที่นักบิดแต่ละคนใช้ได้ต่อปีนั้น จะมีแค่เพียง 2 คันเท่านั้น โดยเจ้าตัวแข่งที่ว่านี้จะต้องถูกควบคุมน้ำหนักไม่ให้ต่ำกว่า 157 กิโลกรัม (ย้ำนะครับว่าคุมน้ำหนักที่ตัวรถเท่านั้น ไม่ได้คุมน้ำหนักที่ตัวนักแข่ง) สำหรับจำนวนยางสลิกที่นักบิดแต่ละคนสามารถใช้ได้ต่อหนึ่งสัปดาห์การแข่งขัน ตั้งแต่รอบ Free Practice จนถึงตอนแข่งจริง จะถูกจำกัดไว้ที่ 10 เส้นสำหรับล้อหน้า และ 12 เส้น สำหรับล้อหลัง ในขณะเดียวกันจำนวนยางฝนที่สามารถใช้ได้ต่อหนึ่งสัปดาห์การแข่งขันนั้นก็จะมีตัวเลขอยู่ที่ 5 เส้นสำหรับล้อหน้า และ 6 เส้น สำหรับล้อหลัง ส่วนปริมาณน้ำมันที่ตัวแข่งแต่ละคันสามารถจุได้ในรอบแข่งจริงนั้นก็จะอยู่ที่ 22 ลิตร (ใช้ตัวเลขความจุน้ำมันนี้เท่ากันทุกคันทุกทีม ไม่มีแบ่งตามผลงานเหมือนปีก่อนๆ) ด้านจำนวนเครื่องยนต์ที่สามารถใช้ได้ต่อปียังคงใช้หลักแบ่งตามผลงานที่ตัวแข่งของแต่ละโรงงานสามารถทำได้ในฤดูกาลก่อนเหมือนเคย โดยสำหรับทางฝั่งตัวแข่งที่สามารถทำผลงานได้ดีในฤดูกาล…

Read More

หนึ่งในจุดเด่นที่เรามักเห็นกันมานานสำหรับซุปเปอร์ไบค์จาก Ducati ก็คือการวางตำแหน่งท่อไอเสียให้ออกใต้เบาะคนซ้อน ซึ่งเอาจริงๆแล้วค่อนข้างน่าเสียดายที่ในปัจจุบันทางค่ายไม่ค่อยได้ออกแบบท่อไอเสียแบบนี้มาให้กับซุปเปอร์ไบค์รุ่นใหม่ๆของทางค่ายอันได้แก่ตระกูล Panigale แต่แน่นอนว่าด้วยความที่เหล่า Ducatisi หรือแฟนบอยด์ทั้งหลายแห่งค่ายแดงแดนมักกะโรนียังคงหวยหาลักษณะการวางตำแหน่งท่อไอเสียไว้ใต้เบาะคนซ้อนอยู่เสมอๆ ทำให้หนึ่งในผู้ผลิตท่อไอเสียคู่บุญของค่าย Ducati อย่าง Termingoni ได้ทำการเปิดตัวท่อไอเสียที่มีดีไซน์ดังกล่าวออกมาให้ผู้ใช้รถซุปเปอร์ไบค์ตระกูล Panigale ได้เลือกซื้อกัน ซึ่งรวมถึงเจ้า Panigale V4 ที่เพื่อนๆกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ด้วย โดยสำหรับท่อไอเสียรุ่นใหม่ที่ทาง Termingoni ได้ออกแบบมาเพื่อ Ducati Panigale V4 นั้นมีชื่อว่า “4USCITE” ซึ่งมันมีการแบ่งปลายท่อไอเสียออกเป็นสองชุดด้วยกัน นั่นก็คือชุดล่างที่ออกใต้ท้องรถ กับชุดบนที่ออกใต้เบาะคนซ้อน ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าของรถอาจจะต้องยอมเสียพื้นที่ในการติดป้ายทะเบียนกันซักหน่อยเพราะเมื่อดูจากตำแหน่งแล้วตัวปลายท่อไอเสียแบบใหม่นี้อยู่ที่เดียวกับกับจุดยึดบังโคลนเป้ะๆ ด้านราคาค่าตัวในเบื้องต้นแบบไม่รวมภาษีนั้นคราดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐหรือเกือบๆแตะ 160,000 บาทด้วยกัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นราคาที่ค่อนข้างสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับท่อไอเสียจากแบรนด์อื่น แต่เราก็บอกได้เลยว่าคุ้ม เพราะด้วยสุ้มเสียงและชื่อชั้นของแบรนด์ประกอบกับดีไซน์ที่แปลกตา เจ้าท่อไอเสีย 4USCITE ถือว่าเป็นอะไรที่เข้ากันกับเจ้า Ducati Panigale V4 ได้สมบูรณ์เลยทีเดียวตามสโลแกนที่ว่า “The Perfect Sound” อ่านข่าว…

Read More

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหากเราต้องการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ซักคันด้วยการผ่อนจ่าย มักจะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราจะต้องเสียเงินค่าดอกเบี้ยให้กับทางผู้ให้สินเชื่อ ซึ่งอัตราการการคิดดอกเบี้ยสัญญาเช่าซื้อนั้นส่วนใหญ่แล้วจะคิดแบบใช้ราคาเต็มของรถเป็นตัวตั้งมาคูณกับอัตราดอกเบี้ยที่ทางผู้ให้สินเชื่อกำหนดไว้ว่าจะคิดกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปีและคูณกับตัวเลขระยะเวลาที่ทำสัญญาผ่อนทั้งหมด หรือว่าง่ายๆคือเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา (Flate Rate) ส่งผลให้ไม่ว่าเราจะผ่อนไปนานจนยอดหนี้คงเหลือหายไปเท่าใดก็ตาม เราก็ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่ากับเงินต้นตอนแรกที่เราทำสัญญาอยู่ดี ซึ่งดูเหมือนว่าการคิดดอกเบี้ยแบบนี้จะเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้ซื้ออย่างเราๆไปมาก จนทำให้ล่าสุดเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ทาง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ส.ค.บ. ได้ออกร่างบังคับใหม่ให้เหล่าผู้ให้สินเชื่อ หรือไฟแนนซ์คิดเรทดอกเบี้ยใหม่เป็นแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) แบบเดียวกับที่ใช้ในสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยข้อดีของการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนี้ก็ คือ การที่ผู้ซื้ออย่างเราๆจะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามเงินต้นที่คงเหลือปีต่อปีเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่าหากพ้นเข้าสู่ช่วงปีที่สองของการเช่าซื้อ ทางไฟแนนซ์จะต้องคิดเรทดอกเบี้ยใหม่จากยอดหนี้คงค้างที่เราติดไว้ ไม่ได้คิดเต็มจากราคารถตั้งต้นในตอนแรก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคิดยอดเงินที่เราต้องจ่ายทั้งหมดให้กับไฟแนนซ์ตามข้อบังคับใหม่นี้ ตัวเลขยอดผ่อนจะลดลงกว่าแบบเดิมที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันพอสมควรเลยทีเดียว สำหรับการบังคับใช้ตามกฏหมายนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคมเป็นต้นไป ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนไม่รีบใช้รถมอเตอร์ไซค์ล่ะก็ อดใจรอกันอีกไม่ถึง 3 เดือนแล้วค่อยทำสัญญาซื้อน่าจะดีกว่าครับ หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอ่านรายละเอียดประกาศข้อบังคับนี้สามารถคลิกดาวน์โหลดจากลิ้งค์ตรงนี้ได้เลยครับผม เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival

Read More

จากเหตุการณ์ที่ Jorge Lorenzo สังกัดทีีม Ducati ได้พลาดล้มขณะทำการแข่งขัน MotoGP สนามแรกเปิดฤดูกาล 2018 ที่การ์ตา ซึ่งทั้งนักบิดและข้อมูลจากเซนเซอร์ตัวรถต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสาเหตุที่นักบิดหมายเลข 99 แหกโค้งนั้นเป็นเพราะระบบเบรกไม่ทำงานไปซะดื้อๆ และแน่นอนว่าฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือทาง Brembo ซึ่งพวกเขาเองได้ออกมาชี้แจงเรียบร้อยแล้วว่าในตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ถูกนำมาวิเคราะห์พร้อมแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย และจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก โดยผู้ผลิตระบบเบรกรายใหญ่รายนี้ก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า “เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Jorge Lorenzo ในการแข่งขัน MotoGP ที่การ์ตานั้น ทาง Brembo รู้สึกเสียใจอย่างมากที่ตนเองเป็นสาเหตุทำให้นักบิดต้องพลาดล้มลงไปในรอบการแข่งขันที่ 12 เนื่องจากความผิดพลาดในส่วนของระบบเบรก” “ท้ายที่สุด จากการรวบรวมข้อมูลและการนำมาวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ, เราสามารถยืนยันได้เลยว่าในตอนนี้ปัญหาดังกล่าวได้รับการระบุสาเหตุและแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นความผิดปกติแบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน” ขอบคุณข้อมูลจาก Crash.net อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival

Read More

จากจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักกลับเบาอย่างเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆที่ให้ความแข็งแรงเท่าๆกัน ทำให้วัสุดประเภทคาร์บอนไฟเบอร์ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มทีมแข่งทั้งหลาย แต่ด้วยกรรมวิธีการผลิตหรือขึ้นรูปที่ซับซ้อนบวกกับต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตพอสมควร จึงส่งผลให้ราคาชิ้นส่วนที่ใช้วัสดุประเภทนี้มีตัวเลขสูงลิ่วมาโดยตลอด ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้วในระยะเวลาอันใกล้นี้ สาเหตุที่เราต้องบอกอย่างนั้นเป็นเพราะว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง BMW ได้สร้างสวิงอาร์มชิ้นหนึ่งขึ้นมาเพื่อส่งเข้าประกวดในเวทีการแข่งขันเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า JEC Innovation Award โดยคุณสมบัติเด่นของสวิงอาร์มชิ้นนี้ก็คือการที่มันใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนผสมหลักและมีส่วนผสมรองเป็นเทอร์โมพลาสติก ซึ่งทางนักวิจัยของค่ายได้นำสองวัสดุนี้มาผสมกันแล้วขึ้นรูปด้วยวิธีการใหม่ (คาดว่าเป็นวิธีการขึ้นรูปแบบ 3D Print) ที่สามารถทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่าเดิมชนิดที่ว่าแทบลืมวิธีการผลิตชิ้นส่วนคาร์บอนแบบที่เราคุ้นชินไปได้เลย จากจุดเด่นนี้ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมากว่าตัวเลขราคาชิ้นส่วนคาร์บอนใดๆก็ตามที่ถูกขึ้นรูปด้วยวิธีการนี้จะมีราคาถูกลงกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากมันสามารถผลิตได้ง่าย รวดเร็วตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าในตลาดได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่คุณสมบัติในเรื่องความทนทานแต่มีน้ำหนักเบาก็ยังคงอยู่เช่นเดิมแทบไม่ผิดเพี้ยน รอชมกันได้เลยครับ ขอบคุณข้อมุลจาก Morebikes อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival

Read More

นอกจากเจ้า 2018 CBR1000RR SP1 “Suzuka 8 Hours” ที่เราได้เสนอไปเมื่อวันก่อนนั้น ทาง Honda JP ก็ยังได้ทำการเปิดตัวพี่น้องแฝดคนละฝาอย่าง 2018 CB1000R เวอร์ชั่นพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกคันในงานเดียวกัน ซึ่งบอกได้เลยว่าเจ้านี่ก็มีดีไม่แพ้กันกับฝาแฝดร่างสปอร์ตเรพลิก้าของมันแม้แต่น้อย เพราะมันมาพร้อมกับชุดแต่งคาร์บอนรอบคันเท่าที่มอเตอร์ไซค์คันนึงจะเปลี่ยนได้เลยทีเดียว โดยสำหรับชุดพาร์ทคาร์บอนรอบคันที่ทาง Honda JP ได้ทำการติดตั้งลงไปบนเจ้า 2018 CB1000R นั้นก็มีตั้งแต่ บังโคลนหน้า, แฮนด์บาร์, กาบแฟริ่งข้างหม้อน้ำ, แผงข้างใต้เบาะนั่ง, ครอบสวิงอาร์ม, อกไก่ด้านล่าง, กระจกมองหลัง, ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเป็นผลงานของสำนัก Magical Racing ในขณะที่ชุดพาร์ทคาร์บอนอีกหนึ่งชิ้นที่ไม่ได้ผลิตโดยสำนักเดียวกันนั้นก็คือ ชุดล้อหน้าหลังจากสำนัก BST ซึ่งเราต่างก็รู้กันดีว่าถ้าพูดถึงชุดล้อคาร์บอนล่ะก็ นี่ถือเป็นชื่อแรกๆที่เราจะนึกถึงกันก่อนใคร และแน่นอนว่าแต่งบอดี้พาร์ทคาร์บอนไปซะขนาดนี้ จะไม่เปลี่ยนท่อไอเสียเพื่อเสริมลุคเรซซิ่งซักนิดก็คงไม่ได้ ดังนั้นทาง Honda ปิดงานทั้งหมดด้วยท่อไอเสียไทเทีนยมสวยๆซักใบจาก Yamamoto Exhaust ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ขอบคุณภาพจาก MCN, Visordown…

Read More

อีกไม่กี่วันจะได้เวลาเริ่มการแข่งขัน MotoGP สนามที่ 2 ประจำฤดูกาล 2018 กันแล้ว โดยสนามที่ว่านั้นก็คือ Termas de Rio Hondo circuit ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งดูเหมือนว่าหลังจบการแข่งขันเมื่อปีที่แล้วทางผู้จัดการสนามจะได้ทำการปรับปรุงผิวแทร็คครั้งใหญ่ จนทำให้การแข่งขันสุดสัปดาห์นี้ทางคณะกรรมการได้มีมติร่วมกับ Michelin ว่าจะเพิ่มประเภทยางสลิกให้นักบิดได้เลือกใช้อีก 1 ชนิดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง จากเดิมที่มีอยู่อย่างละ 3 คอมปาวน์ รวมเป็นอย่างละ 4 คอมปาวน์ สำหรับคอมปาวน์ทั้ง 4 ชนิดนั้นในส่วนของล้อหน้าทาง Michelin จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ระดับความแข็งด้วยกัน ได้แก่ 1 Hard, 2 Medium , และ 1 Soft ซึ่งจุดแตกต่างหลักๆของยาง Medium ก็คือความแข็งของเนื้อยางที่ไม่เท่ากัน (คือมีตัวเลือกยางที่อาจจะแข็งเพิ่มขึ้นจาก Medium ปกติ แต่ไม่มากเท่า Hard)…

Read More

หนึ่งในการแข่งขันที่โด่งดังอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นที่เราๆต่างรู้จักกันดีเพราะมักข่าวคราวว่าเหล่าผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์สัญชาติอาทิตย์อุทัยนำนักบิดที่รายการ MotoGP สังกัดตนเองไปร่วมแข่งขันอยุุ่เสมอ นั่นก็คือรายการ Suzuka 8 Hours Endurance และจากความนิยมนี้ทำให้ทาง Honda Japan ได้เปิดตัว CBR1000RR SP1 รุ่นพิเศษที่ได้รับการตกแต่งภายในธีมการแข่งขันดังกล่าวออกมาเพื่อเกาะกระแสนี้เอาไว้ด้วย สำหรับจุดเด่นแรกของเจ้า CBR1000RR SP Suzuka 8 Hours Edition ที่เห็นในทันทีก็คือลวดลายรอบคันที่ตกแต่งตามแบบลายตัวแข่งเป๊ะๆ นั่นก็คือเฉดสีน้ำเงิน ขาว และแดง ตามด้วยการแปะหายเลข 1 ไว้หน้าตัวรถเพื่อบ่งบอกว่านี่คือเจ้าของแชมป์เมื่อปีล่าสุดประจำรายการแข่งขันนี้ ด้านชิ้นส่วนแต่งเสริมอื่นๆก็มีทั้ง ชุดปั๊มบน Brembo รุ่น RCS, ชุดล้อหน้าหลังจาก OZ รุ่น Piega แบบเดียวกับตัวแข่งจริงๆในสนาม, กันแครงก์จาก GB Racing, พักเท้าแต่งจาก Agras, บังโคลนหลังคาร์บอนจาก Active, การ์ดปลายแฮนด์จาก Gilles Tooling, และปลายท่อไอเสียแต่งแต่ผ่านมาตรฐานมลพิษสุดเข้มงวด…

Read More

จากข่าวคราวก่อนหน้านี้ที่ทางสื่อญี่ปุ่น Young-Machine ได้ปล่อยภาพเรนเดอร์ของ All-New Yamaha YZF-R25 ออกมา โดยรูปแบบเส้นสายส่วนใหญ่ค่อนข้างคล้ายกับพี่น้อง R-Series อยู่ไม่น้อย ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปชมอีกหนึ่งภาพเรนเดอร์จากสื่อฝั่งอินโดนีเซียกันบ้าง พร้อมอัพเดทข้อมูลความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับเจ้า R25 คันนี้ เริ่มจากรูปทรงภายนอกที่คราวนี้ถูกออกแบบโดยสำนัก MotoBlast เช่นเคย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าช่วงกลางแฟริ่งหน้าตัวรถนั้นได้มีการนำช่องแรมแอร์ของ YZF-R6 รุ่นก่อนล่าสุดมาปะติดปะต่อเข้าไป ส่วนชุดโคมไฟหน้าซ้าย-ขวาอ้างอิงจาก YZF-R15 รุ่นปัจจุบันแต่มีการปรับขนาดให้เพรียวบางกว่าเดิม ขยับลงมาด้านล่างก็แน่นอนว่าคือโช้กอัพคู่แบบหัวกลับ ซึ่งทางสื่ออินโดทั้ง TMCblog, Iwabanaran, และ MotoBlast ต่างให้ข้อมูลเป็นเสียงเดียวกันว่าถูกผลิตโดยค่าย KYB ส่วนชุดปั๊มเบรกล่างยังคงเป็นแบบ Axial Mount ธรรมดาๆไม่ใช่แบบ Radial Mount ด้านแฟริ่งข้าง ไปจนถึงช่วงกลาง และท้ายตัวรถนั้นดูเหมือนว่าใน R25 รุ่นใหม่จะไม่ได้มีการปรับเส้นสายอะไรมากมายนักเมื่อเทียบกับ R25 รุ่นปัจจุบัน โดยจะมีการปรับรายละเอียดแค่พอประมาณโดยอ้างอิงดีไซน์โดยรวมจากพี่น้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น R15, R6, และ R1 เพื่อให้ดูว่ามีการปรับรุ่นแค่นั้น…

Read More