Author: admin

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่น่าสนใจและใกล้ตัวเหล่าผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์อย่างเราๆไม่น้อยเลยทีเดียว หลังเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ได้มีข้อมูลงานวิจัยจากสมาคมยานยนต์ประเทศเยอรมันชี้แจงออกมาว่า “ผู้ขับขี่มีความเสี่ยงสูงอย่างมากที่จะสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร หลังขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แช่ไว้ที่ราวๆ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงเป็นเวลา 15 นาที” จากงานวิจัยดังกล่าวยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “ขณะที่ผู้ขับขี่ บิดมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น มักจะเกิดเสียงลมดังเข้ามาที่หูราวๆ 95 เดซิเบล ซึ่งหากหูคนเราได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นเป็นเวลา 15 นาที ก็จะทำให้มีความเสี่ยงสูงอย่างมากที่จะสูญเสียการได้ยินไปอย่างถาวร และจะลดลงเหลือ 7 นาที หากขับขี่ด้วยความเร็วระดับ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงเนื่องจากเกิดเสียงลมดังเข้ามาถึง 98 เดซิเบล ส่วนที่ความเร็วระดับ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไปนั้นก็จะใช้เวลาแค่เพียงไม่ถึง 3 นาทีเท่านั้นก็เกิดความเสี่ยงที่หูจะดับถาวรขึ้นแล้ว ส่วนระดับความดังที่เหมาะกับหูมนุษย์คนเราจริงๆคือไม่ควรเกินระดับ 85 เดซิเบล โดยจุดที่น่าสงสัยก็คือตัวเลขเดซิเบลหรือความดังที่ทางสมาคมยานยนต์ได้ระบุไว้นั้นเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้ขับขี่สวมใส่หมวกกันน็อคอยู่หรือไม่ แต่ด้วยความที่การทดสอบดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันซึ่งเคร่งครัดในเรื่องนี้อย่างมากจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเค้าจะทดสอบและเก็บข้อมูลจากตัวอย่างที่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคเพราะผิดกฏหมาย (ยังไม่ทันบิดถึง 100 ก็โดนตำรวจโบกก่อนแล้วล่ะครับ เพราะข้อหาไม่ใส่หมวกกันน็อค) ขอบคุณข้อมูลจาก Visordown ขอบคุณภาพจาก Motorcycle.com เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…

Read More

ยังคงมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับครุยเซอร์ไฟฟ้าจากค่าย Harley-Davidson ออกมาให้ได้ติดตามกันอยู่เป็ฯพักๆ โดยสำหรับข้อมูล่าสุดนี้ก็คือเมื่อวันที่ 15 กุมพาพันธ์ที่ผ่านมาทางค่ายได้ทำการยื่นจดทะเบียนการค้าคำว่า “H-D Revelation” กับกรมจดทะเบียนการค้าสหรัฐฯ เพื่อนำมาใช้กับชุดระบบไฟฟ้าที่พวกเค้าอาจจะเปิดตัวในอนาคต จากข้อมูลระบุไว้ว่าคำว่า “H-D Revelation” ที่ทาง Harley-Davidson ได้จดทะเบียนไปนั้นจะถูกนำมาใช้กับชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์หลายอย่างด้วยกัน ทั้งแบตเตอรฺ์รี่, ระบบชาร์จไฟ, มอเตอร์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาเป็นขุมกำลังหลักประจำตัวรถ (ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างพ้องกับเครื่องยนต์ตระกูล Evolution ที่ใช้อยู่ใน Sportster และ Revolution X ของตระกูล Street พอสมควร), ไปจนถึงระบบส่งกำลัง “แต่ไม่ได้รวมถึงการนำมาใช้เป็นชื่อรุ่นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในอนาคต” หรือว่าง่ายๆก็คือคำที่ทางค่ายขอจดทะเบียนไว้อันล่าสุดนี้นั้นเอามาไว้ใช้กับชิ้นส่วนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโมเดลใหม่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสำหรับคำว่า Revelation นั้น เอาจริงๆแล้วในปัจจุบันได้มีผู้ถือสิทธิหรือเจ้าของทะเบียนการค้าคำๆนี้อยู่แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งก็คือ Revelation Chopper ดังนั้นเราอาจจะต้องมาดูกันต่อว่าทาง Harley จะได้สิทธิในการจถทเบียนการค้า จากการที่เพิ่มแค่คำว่า “H-D” ไว้ด้านหน้าคำว่า “Revelation” ได้หรือไม่ และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือจะมีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนใดบ้างที่จะได้ประทับคำนี้อยู่บนป้ายชื่อ ขอบคุณข้อมูลจาก Motorcycle.com…

Read More

หากยังจำกันได้ในช่วงต้นการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาลปี 2017 Marverick Vinales นักบิดไฟแรงที่พึ่งเปิดตัวในฐานะลูกทีม Movistar Yamaha Team คนใหม่สามารถคว้าชัยชนะได้อย่างสวยหรูอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนับตั้งแต่สนาม Jerez ประเทศเสปนเป็นต้นมา เค้าก็เริ่มเกิดอาการฟอร์มตกอย่างน่าสงสัย แม้กระทั่ง Valentino Rossi นักบิดอีกคนที่อยุู่ในทีมเดียวกันก็ยังฟอร์มตกกับเค้าไปด้วยคนจนผลสุดท้ายทำให้ช่วงท้ายฤดูกาลพวกเค้าทั้งคู่ได้หมดโอกาศลุ้นแชมป์ไปตั้งแต่ยังไม่ถึงสนามสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย และตัวต้นเหตุที่หลายฝ่ายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันก็คือเจ้าตัวแข่ง YZR-M1 ที่ค่อยๆเผยปัญหาในเรื่องกริปหลังออกมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันที่เหมือนว่าตัวรถจะได้รับการปรับปรุงจนดีขึ้นแล้วนิดนึงในช่วงการทดสอบที่สนามเซปังเมื่อต้นปี แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังดีไม่พอที่จะทำให้ตัวเลขการทดสอบในรอบ #Thaitest ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ บ้านเรามีผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก “6 เดือนที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกดีกับรถเลยซักครั้ง” Marverick Vinales กล่าวกับทางสื่อหลังจบการทดสอบรอบ #Thaitest เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “เรายังคงมีปัญหาเดิมๆซ้ำๆอยุ่อย่างนั้นในหลายๆการแข่งขัน แถมเรายังไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นเพราะอะไร ซึ่งมันน่าหงุดหงิดอย่างมาก” ในขณะเดียวกันนั้นทางฝั่ง Massimo Meregalli ผู้จัดการทีมก็ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า “ตอนนี้เรากำลังเน้นหนักไปที่การแก้ไขตัวระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ทุกครั้งที่เราทดลองอะไรใหม่ๆมันก็มักจะมีช่องว่างให้รู้สึกว่าต้องแก้ไขเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งเราบอกตรงๆว่าเราพยายามอย่างมากที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้” ด้าน Rossi เองก็ออกมากล่าวในเชิงเดียวกันกับ…

Read More

ยังคงเปิดตัวโมเดลหรือรุ่นย่อยออกมาเรื่อยๆสำหรับรุ่นนีโอคลาสสิคไบค์รุ่น Scrambler ของค่าย Ducati ซึ่งในรุ่นย่อยล่าสุดที่เปิดตัวเป็นโฉมแรกของปี 2018 ได้ใช้ชื่อประจำตัวตามสมัยนิยมว่า Ducati Scrambler #Hashtag โดยมีพื้นฐานตัวรถเป็นรุ่นเล็กสุดอย่าง Sixty2 สำหรับการตกแต่งภายนอกนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมายนักในรุ่น Ducati Scrambler #Hashtag คันนี้ นอกจากการหยิบเอาเบาะนั่งติดรถของ Scrambler รุ่น Desert Sled มาติดตั้งแทนเบาะเดิมของ Sixty2 แล้วเพิ่มความขรึมด้วยการพ่นเฉดสีดำลงไปบนตัวรถแทบทั้งคัน หลังจากนั้นจึงตัดโทนด้วยตัวอักษร “Scrambler Ducati” สีส้มที่คิดไว้บนตัวถังเพื่อบ่งบอกความเป็น “Hashtag” นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างของเจ้า Ducati Scrambler #Hashtag คันนี้ก็คือการที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น โดยเงื่อนไขในการซื้อนั้นก็มีอยู่ว่าลูกค้าจะต้องพรีออเดอร์เป็นเงินมัดจำในระบบออนไลน์ด้วยเงินจำนวน 500 ยูโร หรือราวๆ 20,000 บาท หลังจากนั้นในไม่กี่วันถัดมาก็จะมีกล่องกระดาษที่ภายในเป็นวอยเชอร์ส่วนลด 20% และคูปองสำหรับติดต่อดีลเลอร์เพื่อกำหนดวันส่งมอบ และจ่ายเงินค่ารถจริงๆติดป้ายไว้ 6,990 ยูโร หรือราวๆ 271,000 บาทไม่รวมภาษีอีกที…

Read More

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนที่แล้วทาง MotoRival เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณจินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ไปเป็นที่เรียบร้อย คลิ๊กอ่านได้ที่นี่ และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ทาง MotoRival เราได้รับเกียรติสัมภาษณ์ผู้บริหาร คุณ ประวัติ ประเสริฐพร (พี่หมี) ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายวางแผนการขาย และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถึงยอดขาย Big Bike ในปี 2017  และ ทิศทางในปี 2018 นี้ กับโปรเจค “Faster Sons” มีแง้มๆ โมเดลใหม่มาเรี่ยกน้ำย่อยกันให้พอหอมปากหอมคอมาดูประเด็นที่น่าสนใจกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง ยอดขาย Big Bike โดยรวมทั่วประเทศในปี 2017 นี้โตขึ้น 20% จากปี 2016 จำนวนโดยประมาณ 25,000 คัน มาเป็น…

Read More

จบไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการทดสอบ Buriram MotoGP – Official Test ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยก่อนหน้านี้เราได้เคยนำเสนอข้อมูลการเปรียบเทียบเวลาการทดสอบระหว่างนักบิด MotoGP กับ WSBK กันไปแล้ว โดยการเปรียบเทียบครั้งนั้นเป็นการใช้ข้อมูลตัวเลขที่เกิดขึ้นหลังจบการทดสอบวันแรกและครั้งแรกของทั้งสองฝั่ง ซึ่งในส่วนตัวเลขของทาง WSBK อาจจะดูเหมือนว่าค่อนข้างเก่าไปนิดเนื่องจากการทดสอบครั้งแรกของพวกเขานั้นเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จึงอาจจะมีความคลาดเคลื่อนหรือความแตกต่างในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต่างเวลากันมากเกินไป ดังนั้นในคราวนี้เราจึงจะนำข้อมูลตัวเลขดังกล่าวมาเทียบอีกครั้ง โดยอาศัยตัวเลขจากการทดรอบ Free Practice 3 ของการแข่งขัน WSBK ที่สนามช้างปีล่าสุดซึ่งก็คือปี 2017 มาเปรียบกับตัวเลขหลังจบการทดสอบวันที่ 3 ของทาง MotoGP กันอีกครั้งว่าจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด มาเริ่มกันเลยครับ และส่วนแรกที่เราจะพูดถึงก่อนเลยก็คือตัวเลขเวลาของนักบิด 10 อันดับแรกที่สามารถกดเวลาได้ดีที่สุดในวันที่ 3 จากฝั่ง MotoGP (ย้ำว่าดีที่สุดในวันที่ 3 ไม่ใช่ดีที่สุดของทั้ง 3 วัน) ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขเวลาที่ดีที่สุดในวันนี้ก็คือพ่อใหญ่จิ๋ว…

Read More

จากข้อมูลข่าวที่เราได้นำเสนอไปเมื่อต้นปีที่แล้ว จนกระทั่งผ่านไปเกือบหนึ่งปีในที่สุดก็มีความคืบหน้าออกมาว่าสำหรับโปรเจ็คสปอร์ตไบค์ขุมกำลังไฟฟ้าจาก Emflux เริ่มเข้าใกล้สู่ความเป็นจริงที่จะถูกวางจำหน่ายกันเสียทีโดยใช้ชื่อเปิดปฐมฤกษ์ให้กับโมเดลแรกของทางค่ายแบบตรงๆตัวว่า “ONE” สำหรับสเปคคร่าวๆของตัวสปอร์ตไบค์ไฟฟ้าจากค่ายอินเดียนั้นคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยจากเดิมที่เราได้เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ หลักๆก็จะเป็นตัวเลขความเร็วสูงสุดที่เพิ่มขึ้นจาก 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง, น้ำหนักโดยรวมตัวรถก็เบาเพียง 169 กิโลกรัม ส่วนกำลังสูงสุดที่ทำได้จากขุมกำลังระบบไฟฟ้านั้นก็อยู่ที่ 80.5 แรงม้ากับแรงบิดอีก 85 นิวตันเมตร แต่เอาจริงๆแล้วตัวเลขดังกล่าวจะโผล่มาแค่ตอนเร่งแซงเท่านั้น เพราะในสภาวะปกติแรงม้าสูงสุดจะถูกจำกัดไว้ที่ 71 ตัว ส่วนแรงบิดก็จะถูกล็อคไว้ที่ไม่เกิน 75 นิวตันเมตร ซึ่งบอกตรงๆเลยว่าแค่นี้ก็ทำให้เหล่ามอเตอร์ไซค์พิกัด 650cc ได้หนาวก้นกันอยู่หลายเจ้าเลยทีเดียว ในขณะที่ราคาค่าตัวก็ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรมากมายนัก เพราะจากข้อมูลระบุไว้ว่าทาง Emflux จะประกาศไว้ที่ราวๆ 600,000 รูปีย์ 293,000 บาท ซึ่งนี่ก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจอย่างมากหากทางค่ายเลือกจะเปิดราคาเท่านี้จริงๆ เพราะถึงแม้ถ้าพูดถึงตัวเลขระยะทางสูงสุดที่ตัวรถสามารถทำได้แค่เพียง 200 กิโลเมตร จะดูน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ขุมกำลังแบบสันดาปภายใน แต่ถ้าเทียบอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันแล้วยังไงเจ้า Emflux ONE คันนี้ก็กินขาดเพราะมันไม่ต้องใช้น้ำมันแม้แต่หยดเดียว แถมยังสามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ภายในเวลาเพียง…

Read More

เริ่มกันไปแล้วนะครับ สำหรับการทดสอบรอบ Winter Test ครั้งที่สองก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขันปี 2018 ของเหล่าทีมแข่ง MotoGP ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทางทีมต่างๆได้นำตัวแข่งที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลกรถมอเตอร์ไซค์มาสัมผัสกับแทร็คแห่งนี้ โดยหลังจบการทดสอบในแต่ละวันนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ทางผู้จัดจะต้องปล่อยตัวเลขเวลาต่อรอบของนักบิดแต่ละคนออกมา ซึ่งในคราวนี้เราก็จะขอนำข้อมูลตัวเลขดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับอีกหนึ่งเวทีสองล้อที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันนั่นก็คือ WSBK เพื่อตอบข้อสงสัยที่ว่าระหว่าง “โปรโตไทป์เรซไบค์ที่เกิดมาเพื่อแข่งขันอย่างแท้จริง” จะสามารถทำเวลาทิ้งห่าง'”โปรดักชั่นไบค์แต่งซิ่งเต็มสูบ” ได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในสนามบ้านเราแท้ๆอย่าง “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” *หมายเหตุ จากการที่ตัวเลขเวลาของทางฝั่ง MotoGP ในครั้งนี้นั้นเป็นตัวเลขที่เกิดจากการสัมผัสสนามเป็นครั้งแรกของนักบิดกับตัวแข่ง ดังนั้นสำหรับตัวเลขเวลาที่เราจะนำมาเปรียบเทียบของกฝั่ง WSBK นั้นจะเป็นตัวเลขสถิติเวลาของรอบ Free Practice 1 เมื่อวันที่ 20 มีนาคมปี 2015 หรือของ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เหล่าทีมแข่งในรายการนี้ได้สัมผัสกับสนามช้างฯเป็นครั้งแรกเหมือนกันกัน และเป็นรอบฝึกซ้อมเช่นกัน โดยเราจะนำเอาตัวเลข 10 อันดับที่เร็วที่สุดของทั้งสองฝั่งมาเทียบกันเท่านั้น เริ่มจากตารางอันดับเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดของฝั่ง MotoGP ตามด้วยลำดับเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดของฝั่ง…

Read More

แม้ว่าโดยทุนเดิมทาง Ducati จะออกแบบให้เจ้า Scrambler “Desert Sled” ปรากฏกายในฐานะแสครมเบลอร์ยกสูงสำหรับเอาใจนักบิดสายเรโทรไบค์แต่อยากเอารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปออกลุยป่าลุยเขากับเค้าบ้าง ซึ่ง Alex Earl ดีไซน์เนอร์ใหญ่ของค่าย Audi ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ดูเหมือนว่าแค่ Desert Sled เดิมๆจะยังครบไม่พอที่จะใช้ออกลุยดินแดนแห่งความหนาวเหน็บ “รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา” ได้ ทำให้ Earl ได้จัดการออกแบบตกแต่งเข้า Scrambler ยกสูงคันนี้ใหม่แทบทุกรายละเอียด จนกลายเป็นเจ้า Ducati Desert Sled “ADV Alaska” Prototype คันนี้ เริ่มจากการจัดแจงเปลี่ยนล้อซี่ด้านหน้าขนาดวงล้อ 19 นิ้วทิ้งไป แล้วแทนที่ด้วยบขอบล้อซี่ขนาดวง 21 นิ้วเข้าไป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบุกตะลุย เสริมด้วยการ์ดโคมไฟหน้า, วินชิลด์คาร์บอน, แร็คติด GPS เหนือเรือนไมล์, ถังน้ำมันสำรองดีไซน์กลมกลืนไปกับตัวรถขนาด 22 ลิตร ซึ่งตำแหน่งการวางของชุดถังน้ำมันนีนั้นก็คือบริเวณใต้ผู้ขับขี่ ดังนั้นตัวเบาะนั่งจึงถูกปรับดีไซน์ใหม่เพื่อรองรับกับจุดนี้…

Read More

ไม่บ่อยเท่าไหร่นักที่เราจะได้เห็นทางค่ายผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์จับมือกับผู้พัฒนาเกมเพื่อสร้างรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษที่สร้างมาสำหรับโปรโมตเกมนั้นๆ แต่ในคราวนี้ทาง Indian ได้จับมือกับทาง Activision เพื่อเปิดตัวครุยเซอร์ 2018 Indian Scout รุ่นตกแต่งพิเศษในธีมเฟรนไชส์เกมชื่อดัง “Call of Duty : WWII” และนอกจากการตกแต่งเพื่อใช้โปรโมตเกม Call of Duty แล้ว ทาง Indian ยังจัดสร้างเจ้า 2018 Scout คันนี้เพื่อรำลึกถึงครุยเซอร์ในตำนานที่พวกเค้าเคยสร้างขึ้นเมื่อปี 1941 นั่นก็คือเจ้า Indian 714B Scout ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าแทบทุกชิ้นส่วนที่ทางค่ายจับใส่ไปใน Scout รุ่นพิเศษคันนี้นั้นล้วนมีความคล้ายคลึงกับปู่ทวดยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 แทบทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่การเพ้นท์สีรถรอบคันให้เป็นสีเขียวมะกอก, กระเป๋าหนังซ้ายขวาดีไซน์คลาสสิค, กล่องกระสุนติดโช้คหน้าซ้าย, และสัมภาระยิบย่อยอีก 3-4 รายการที่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เหล่าทหารเมื่อ 60 กว่าปีที่แล้วพกติดตัวไปออกรบทั้งสิ้น จุดสำคัญอีกอย่างสำหรับเจ้า 2018 Scout “Call of Duty…

Read More