BMW ค่ายรถจากบาวาเรีย ที่มีข่าวลือหนาหูมานานนับปี ว่าพวกเขาจะทำทีมลงแข่งในการแข่งขัน MotoGP จากเดิมที่พวกเขาจะรับผิดชอบแค่ในส่วนของการจัดหารถ Safety Car โดยข่าวลือเหล่านั้นก็ถูกโหมแรงขึ้นหลังจากการถอนตัวของ Suzuki และการมาถึงของกติกาใหม่ในปี 2027 ซึ่งอัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ BMW จะลงแข่งขันใน MotoGP นั้นก็มาจากปากของหัวหน้าฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตของทางค่ายอย่าง Sven Blusch ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สนใจในกีฬาสองล้ออยู่แล้ว โดยเขาได้ให้ข้อมูลว่า “ผมรู้ว่าเราคุยเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้ว แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงวางแผน” “ปัญหาคือเรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจอย่างรวดเร็วได้ เราต้องการสร้างแผนระยะยาว ช่วงเวลาเร็วที่สุดที่เราจะให้คำตอบเรื่องนี้ได้คือช่วงกลางปี ผมทำได้เต็มที่คือการเอาตัวเลือกไปให้ Markus Flasch(ผู้บริหารของ BMW Motorrad) ส่วนเขาจะเป็นคนตัดสินใจว่าอะไรเหมาะสมกับแบรนด์” “ซึ่งเรื่องนี้มันสำคัญมาก พวกเราไม่อยากเข้าไปแข่งอยู่พักนึงแล้วล้วถอนตัวออกมา สำหรับเรามันสำคัญมากที่จะเข้าไปแล้วสามารถลงแข่งได้แบบยาว ๆ มันจะต้องเข้ากับรูปแบบการตลาด และคนในบอร์ดบริหารจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องที่ว่าการลงแข่งมันจะพาเราโตไปทางไหน” ที่มา speedweek อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าวสาร BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่
Author: Kristha
ในงานแถลงข่าวเปิดตัว Honda PCX 160 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับ Giorno+ รุ่นพิเศษที่ผลิตในจำนวนจำกัด ทางค่ายปีกนกได้มีการพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่อีก 7 รุ่น ที่เตรียมจะเปิดตัวตามมาในปีนี้ ซึ่งนั่นไม่นับรวมรถทั้งสองรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานดังกล่าว และวันนี้เราจะขอชวนทุกคนมาคุยกันว่าในหมู่รถเหล่านั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรุ่นอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ต้องข้ออธิบายกันก่อนว่ารถทั้ง 7 รุ่น ที่เราพูดถึงนั้นจะไม่มีรถบิ้กไบค์รวมอยู่ด้วย เพราะจะนับเพียงแค่รถเล็กเท่านั้น และจะไม่รวมรถที่ทำการปรับสีตามรอบการจำหน่ายปกติ แปลว่ารถเหล่านั้นจะแค่รถเล็กรุ่นปรับโฉม รุ่นใหม่หมดจด หรือไม่ก็เป็นรถรุ่นพิเศษที่ผลิตในจำนวนจำกัดเท่านั้น ซึ่งความเป็นไปได้ที่พอจะวิเคราะห์ได้ก็มีดังนี้ 1. Honda ADV350 รถบิ๊กสกู๊ตเตอร์สายลุยที่ทำการปรับเทคโนโลยี เพิ่มหน้าจอสีพร้อมระบบ Roadsync ที่เปิดตัวนำไปก่อนที่งาน EICMA 2024 เราบอกได้เลยว่ามันจะต้องถูกนำมาเปิดตัวในไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นรถที่ประกอบในไทย และถือเป็นการเปิดตัวตามฝาแฝดอย่าง Forza 350 ที่ได้รับการอัพเกรดแบบเดียวกัน ซึ่งถ้าเราโชคดีเราก็อาจจะได้เห็นมันกันตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้เลยก็ได้ 2. Honda ADV160 สกู๊ตเตอร์สายลุยน้องเล็ก ที่ถึงแม้จะยังไม่มีรุ่นปรับโฉมโผล่มาให้เห็นในตลาดโลก แต่หลังจากการเปิดตัว PCX 160 เราก็คงไม่แปลกใจที่ฝาแฝดยกสูงจะปรับสเปคตามด้วยเช่นกัน…
ในยุคสมัยที่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์สายสปอร์ตกำลังถดถอย เราเริ่มเห็นการจากไปของรถสายสนามไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Superbike หรือ Supersport แต่ขณะเดียวกัน ก็มีรถอีกประเภทที่ถือกำเนิดขึ้นมา นั่นคือรถมอเตอร์ไซค์สายสนาม Next Generation ที่พร้อมใช้ลงแข่งขัน แต่กลับถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของรถสายถนน ซึ่งรถที่เราจะพามาเปรียบเทียบสเปคในครั้งนี้คือ Yamaha R9 ที่จะเข้ามาแทนที่ตำนานอย่าง R6 เครื่องยนต์ Yamaha R9 : 3 สูบเรียง Crossplane / DOHC 4 วาล์วต่อสูบ / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ปริมาตรกระบอกสูบ 890 ซีซี Yamaha R6 : 4 สูบเรียง Flatplane / DOHC 4 วาล์วต่อสูบ (วาล์วไทเทเนียม)/ ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ปริมาตรกระบอกสูบ 599 ซีซี…
Honda PCX 160 รถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมยอดฮิต จากค่ายปีกนก เตรียมทำการเปิดตัวในประเทศไทยในวันที่ 9 มกราคม ประเดิมเป็นรถรุ่นแรกสำหรับปีใหม่นี้ โดยมันมาพร้อมกับการอัพเกรดที่น่าสนใจอย่าง หน้าจอแสดงผลแบบสี TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งถือเป็นของใหม่พอสมควรสำหรับรถในคลาสนี้ แต่การเพิ่มของเล่นที่ว่าจะทำให้ค่าตัวของมันขึ้นไปอยู่ที่เท่าไร? แต่ก่อนจะไปวิเคราะห์ค่าตัวของรถรุ่นใหม่ เราขอพูดถึงสเปคโดยรวมของรถรุ่นใหม่ก่อนกันก่อน ว่ามันแทบไม่ต่างจากรถรุ่นปัจจุบันเลย เพราะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 157 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 16 PS และแรงบิดสูงสุด 14.7 Nm ลูกเดิมที่ใช้อยู่ในรถรุ่นก่อน แต่ทำการเปลี่ยนเปลือกนอกใหม่ให้มีความทันสมัย และเพิ่มหน้าจอแสดงผลแบบสี ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Roadsync ซึ่งควบคุมผ่านปุ่มที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย แต่ก็ยังมีรถรุ่นต่ำกว่าที่ใช้หน้าจอแบบ LCD และไม่มีระบบเชื่อมต่อให้เลือกด้วยเช่นกัน รถที่วางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นย่อย คือ CBS, ABS ที่ไม่มีระบบเชื่อมต่อและไม่มีหน้าจอสี ส่วนรุ่นท็อปที่มาพร้อมหน้าจอสีคือรุ่น Roadsync…
หลังจากที่ Liberty Media ผู้ถือครองรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Formula 1 ได้ทำการเข้าควบรวมกิจการของ Dorna ที่เป็นเจ้าของทั้ง MotoGP และ WSBK หลายคนก็เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่การแข่งทั้งสองรายการนั้น จะถูกนำมาจัดร่วมกันที่สนามแข่งเดียวกัน ในสุดสัปดาห์เดียวกัน เพราะถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี 2023 ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะทำการควบรวมกิจการ Stefano Domenicali ผู้บริหารของ Formula 1 และ Carmelo Ezpeleta ผู้บริหารของ Dorna ก็เคยหารือกันเกี่ยวกับสุดยอดอีเว้นในฝัน ที่จะรวมการแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของทั้งฝั่งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้าไว้ด้วยกัน และในมุมมองของคนนอกอย่างเรา ก็น่าจะเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง หลังมีการควบรวมกิจการ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นยากกว่าที่คิด เริ่มตั้งแต่สนามแข่งที่จะใช้ในการจัดแข่งขัน เนื่องจากไม่ใช่ทุกสนามบนโลกจะผ่านมาตรฐานทั้งของ FIM และ FIA บางสนามสามารถใช้จัดรายการนึงได้ แต่ดันจัดอีกรายการไม่ได้ โดยเฉพาะสนามแข่งแบบ Street Circuit ที่ถึงแม้จะใช้จัด Formula 1 แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ MotoGP ลงไปแข่ง…
Honda CB1000F รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไฟกลมรุ่นใหญ่ รุ่นใหม่จากค่ายปีกนก คาดเตรียมเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดภายในช่วงกลางปีนี้ โดยมันจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Honda CB1000 Hornet ที่เพิ่งถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีก่อน เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้รถรถในตำนานอย่าง CB1300 Super Four ที่ไม่ได้ไปต่อเพราะค่าไอเสียที่เข้มงวด ย้อนไปเมื่อปี 2020 ในตอนที่ค่ายปีกนกทำการเปิดตัวรถต้นแบบ CB-F Concept โดยมันเป็นรถสไตล์เรโทรแบบญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ CB1000R ในยุคนั้น แต่ยกเส้นสายรอบคันมาจากรถในตำนานอย่าง CB750F มาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย แต่น่าเสียดายที่โปรเจคดังกล่าวกลับถูกพับไป ขยับมาที่ปี 2024 ในที่สุดทางค่ายก็ได้ทำการเปิดตัว CB1000 Hornet รถสปอร์ตเปลือยคลาสใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดออกมา โดยมันมีจุดเด่นเรื่องสเปคที่ใกล้เคียงกับ Super Naked แต่กลับมีค่าตัวสูสีกับรถในคลาสกลาง เนื่องจากการติดตั้งเทคโนโลยีและของเล่นติดรถแค่เท่าที่จำเป็น รวมถึงตัดลูกเล่นฉูดฉาดที่ไม่จำเป็นออกไปจนเกลี้ยง และด้วยจุดเด่นเรื่องค่าตัวที่ว่านี้เอง ก็ทำให้ความเป็นไปได้ของร่างแยกสไตล์ย้อนยุค ดูจะมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายของ Honda คือการสร้างมันขึ้นมาเพื่อแทนที่ตำแหน่งของ CB1300 Super Four โดยการใช้พื้นฐานของ…
BMW S1000RR รถมอเตอร์ไซค์ซุปเปอร์ไบค์ตัวแรงตัวสุด ที่เป็นอีกหนึ่งไอคอนของวงการรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา กับภาพลักษณ์ไฟหน้าตาเข และช่องระบายอากาศทรงเหงือกฉลาม มันคือรถที่ปฏิวัติแนวทางของตัวค่ายเอง และแนวทางของรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสายสนามทุกรุ่นที่เกิดขึ้นมาหลังจากมัน ที่มาของมันเป็นแบบไหน? ไปดูกัน ซึ่งเจ้าฉลามคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรถซุปเปอร์ไบค์ของ BMW สำหรับใช้ในการแข่งขัน WSBK เพื่อสร้างภาพลักษณ์แนวสปอร์ตให้กับทางค่าย นอกจากภาพลักษณ์ดั้งเดิมที่มักมีแต่รถแนวแอดเวนเจอร์หรือทัวริ่ง S1000RR โฉมแรกนั้นถูกเปิดตัวในปี 2008 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี ตามกติกาของรายการที่มันต้องลงแข่ง ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 193 Hp เอกลักษณ์ของมันก็หนีไม่พื้นเรื่องรูปลักษณ์ที่ไม่สมมาตร ที่ไฟหน้าทั้งสองดวงนั้นมีรูปทรงที่ต่างกัน รวมถึงช่องระบายอากาศด้านข้างตัวรถก็ต่างกันด้วย โดยช่องฝั่งขวานั้นจะมีรูปทรงคล้ายกับเหงือกฉลาม ทำให้มันกลายเป็นฉายาที่ติดหูของรถรุ่นนี้ในเวลาต่อมา แถมมันยังเป็นผู้ริเริ่มติดตั้งตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์อย่าง ABS และ TCS ให้กับรถสปอร์ตสายสนาม จนค่ายอื่นต้องทำตามบ้างในเวลาต่อมา ตัวรถได้รับการปรับสเปคเล็กน้อยในปี 2011 ส่วนใหญ่เป็นความเปลี่ยนแปลงรายละเอียดภายในเครื่องยนต์ ความแตกต่างภายนอกที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเหงือกฉลามที่มีหน้าตาเปลี่ยนไป แต่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญนั้นจะอยู่ที่ปี 2012 ที่มีการเปิดตัวรุ่นย่อยระดับท็อปอย่าง S1000RR HP4 ที่มาพร้อมชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน…
Honda NX190 รถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์น้องเล็ก จากค่ายปีกนก Honda ที่มาพร้อมกับสเปครอบคันที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ความธรรมดาและไร้อุปกรณ์ติดรถหวือหวา กลับเป็นจุดเด่นและจุดขายในตัวของมันเอง เพราะการที่รถคันนี้ไม่มีอะไรมาให้เลย แปลว่าก็จะไม่มีอะไรให้พังเสียหายขณะลุยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่คนไทยจะไม่ได้ใช้รถรุ่นนี้ โดยรถคันนี้จะมาพร้อมกับสเปคแบบเรียบง่ายขั้นสุด เริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ไม่มีแม้แต่ระบบระบายความร้อนน้ำมันเครื่องด้วยซ้ำ 1 สูบ 2 วาล์ว SOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 184 ซีซี ที่สามารถให้พละกำลังได้สูงสุด 17 Hp และแรงบิดสูงสุด 16.1 Nm ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งพื้นฐานของมันก็จะแชร์ร่วมกับ Hornet 2.0 และ CB190TR แต่เอามาทำการยกสูง เพื่อให้ใช้เดินทางท่องเที่ยวและลุยทางดินได้มากกว่าเดิม ทำขึ้นเพื่อเจาะตลาดประเทศกำลังพัฒนา หรือลูกค้าที่มีรายได้น้อยแต่ต้องการรถที่มีสไตล์และแรงกว่ารถบ้านทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นโซน อเมริกาใต้ อินเดีย จีน หรือแม้แต่เพื่อนบ้านของเราอย่างอินโดนีเซีย โดยค่าตัวของมันนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 105,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพงเท่าไรเมื่อเทียบกับรถยกสูงในยุคนี้ ชุดเฟรมหลักและเฟรมท้ายแบบเหล็กท่อ…
ในช่วงหลายปีที่ผ่าน พวกเราได้เห็นเหล่ารถแข่งต้นแบบที่ร่วมต่อสู้อยู่ในรายการ MotoGP นำชุดปีกสร้างแรงกดมาใช้เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ถูกส่งต่อมาสู่รถโปรดักชั่น และรถเหล่านี้ก็นำเทคโนโลยีที่ว่าส่งต่อไปที่เวทีรถตลาดอย่าง WSBK แต่หลายคนก็น่าจะเห็นตรงกันว่าบางครั้ง ชุดปีกที่สร้างแรงกดอากาศและกดเวลาต่อรอบ ก็ดูขัดหูขัดตาหากมองในด้านความสวยงามอยู่เหมือนกัน ซึ่งค่ายรถที่ไม่ได้มีส่วนในการแข่ง MotoGP แต่กลับเป็นค่ายที่บ้าพลังเรื่องระบบแอโร่ไดนามิคมากที่สุด และเป็นแชมป์โลกการแข่งขัน WSBK ฤดูกาลล่าสุดอย่าง BMW ก็น่าจะคิดเช่นเดียวกันกับเรา เพราะพวกเขาได้ทำการจดสิทธิบัตรชุดแฟริ่งแบบใหม่ ที่ทำให้ตัวรถมอเตอร์ไซค์สามารถใช้ลูกเล่น และความได้เปรียบของ Winglet ได้โดยไม่ต้องมีมันให้เกะกะ หรือรบกวนเส้นสายการออกแบบภายนอก เพราะถ้าเราย้ายไปดูทางฝั่งของรถยนต์ เราจะเห็นว่าการสร้างลูกเล่นของแอโร่ไดนามิคนั้นไม่ได้มีแค่การติดปีกขนาดใหญ่เข้าไปเท่านั้น เพราะเราสามารถสร้างกระแสของอากาศที่ส่งผลกับตัวรถได้ เพียงแค่ติดตั้ง Gurney Flap หรือ Ducktail Spoiler ที่จะทำการเบี่ยงเบนและควบคุมกระแสของอากาศ ให้วิ่งไปในทิศทางที่เราต้องการในระดับหนึ่ง ไม่ว่าเป็นการทำเพื่อนสร้างแรงกดโดยตรง หรือลดแรงดันลบที่ดูดรถของเราจากด้านหลัง แต่การจะติดตั้ง Gurney Flap และ Ducktail Spoiler รอบตัวรถมอเตอร์ไซค์นั้นคงจะไม่แก้ปัญหาเรื่องงานออกแบบ BMW จึงเลือกใช้วิธีจัดการกับกระแสของอากาศภายใต้แฟริ่งแทน ซึ่งนี่จะไม่ใช่แค่การสร้างแฟริ่งสองชั้นซ้อนกัน แล้วติดปีกขนาดเล็กไว้ด้านใน แบบที่เรามักจะเห็นกันในช่วงที่มีการปรับกติกาแอโร่ไดนามิคของ MotoGP…
Royal Enfield Himalayan 750 รถมอเตอร์ไซค์เรโทรแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่จาก Royal Enfield ที่เราหลายคนต่างรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็มีภาพหลุดขณะวิ่งทดสอบ โผล่มาให้เราเห็นแบบชัดเจนเต็มตาสักที โดยตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ในช่วงท้ายของการพัฒนา และมีรูปร่างที่เกือบจะสมบูรณ์พร้อมผลิตจริงแล้ว ซึ่งเจ้าแพะภูเขารุ่นใหญ่นั้นก็ถูกจับภาพได้ขณะวิ่งทดสอบในทวีปยุโรป โดยมันมาพร้อมกับชุดเฟรมใหม่หมดจด ที่ทำไว้ให้ใช้งานในสไตล์ทั่วริ่งลุยฝุ่น และไม่ได้แชร์ร่วมกับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นของค่ายอย่าง Interceptor หรือ Super Meteor ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวกลับ ด้านหลังแบบสปริงเดี่ยวพร้อมกระเดื่องทดแรง ที่สามารถปรับได้ทุกค่า มีระยะยุบมาก ช่วยให้ลุยได้พอประมาณ จัดเต็มด้วยระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์คู่ ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์แอ็กเซียลเม้าท์จาก Bybre ซึ่งถือว่าจัดเต็มมากสำหรับรถจากค่ายนี้ และในจุดนี้เองก็ทำให้เราสงสัยว่าเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่นั้นจะไม่ใช่เครื่อง 650 ซีซี แต่เป็นเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่มีข่าวลือว่าจะขยายความจุไปเป็น 750 ซีซี แน่นอนว่าจะทำให้มันแรงขึ้นมากกว่าเดิม จดต้องพึ่งพาระบบเบรกที่ดีกว่าเดิม แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ลูกใหม่นั้นยังคงเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ชุดล้อแบบซี่ลวดขนาด 19 และ 17 นิ้ว บ่งบอกว่ารถรุ่นนี้จะทำมาเพื่อการท่องเที่ยวทางไกล ที่ผสมทั้งการใช้งานบนทางดำและทางดิน ไม่ใช้สายลุยเต็มตัวแบบคู่แข่งกระแสหลัก ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากประเภทของเครื่องยนต์ลูกนี้ที่ไม่ได้ทำมาให้ลุยแต่แรก และน้ำหนักของตัวรถที่น่าจะเยอะมากจนโดดเนินลำบาก รูปลักษณ์โดยรวมนั้นเหมือนจะเป็นการผสมระหว่าง Himalayan…