เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านับจากนี้ ทาง A.P. Honda จะเปิดตัวเจ้า ที่นี่ CBR250RR หลังจากที่ปล่อยให้ชาวค่ายรอคอยกันมานานถึงเกือบ 3 ปีเสียที และด้วยโอกาสนี้เองเราจึงขอพาเพื่อนๆไปดูกันหน่อยดีกว่าครับว่า เมื่อเราเอาสเปค หรือข้อมูลทางเทคนิคของเจ้าสปอร์ตเรพลิก้า 250cc คันนี้ ไปเทียบกับสปอร์ตไบค์คันอื่นๆในพิกัด 300cc-400cc อย่าง Yamaha YZF-R3 และ Kawasaki Ninja 250 ที่เป็นคู่กัดกันมาตลอดแล้ว มันจะเป็นอย่างไรบ้าง
(ส่วน Kawasaki Ninja 400 นั้นถือว่าบลัฟคู่แข่งด้วยขนาด cc ที่มากเกินไป และเมื่อเทียบสัดส่วนแล้วมันควรไปฟัดกับ CBR500R มากกว่า เราจึงขอไม่พูดถึงในการเปรียบเทียบสเปคครั้งนี้ครับ)
เครื่องยนต์
2 สูบเรียง / DOHC / 8 วาล์ว / ระบายความร้อนด้วยน้ำ เหมือนกันทั้งหมด
CBR250RR : 62 x 41.4 มิลลิเมตร (249.7cc)
Ninja 250 : 62 x 41.2 มิลลิเมตร (249cc)
YZF-R3 : 68 x 44.1 มิลลิเมตร (321cc)
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นแน่นอนว่าในที่สุดเราก็จะได้ใช้สปอร์ตไบค์ 2 สูบเรียง จาก Honda เหมือนกับคู่แข่งกันซักที หลังจากที่ใช้แบบสูบเดียวใน CBR250R และ CBR300R มานาน แต่ด้วยความที่ขนาดความจุเครื่องยนต์ของมันนั้น ถือว่าด้อยกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง เพราะยังไงก็เป็นโมเดลที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งติดในเรื่องข้อกฏหมายที่ห้ามไม่ให้รถมอเตอร์ไซค์คลาสนี้มีความจุมากกว่า 250cc โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ YZF-R3 ที่เกิดมาเพื่อวางจำหน่ายในบ้านเรากับประเทศฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะเลยไม่ได้จำกัด cc เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย
ดังนั้นในหัวข้อถัดไปที่ว่ากันถึงแรงม้าและแรงบิดสูงสุด จึงได้ตัวเลขดังนี้
CBR250RR : 38 แรงม้า ที่ 12,500 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 23 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที
Ninja 250 : 39 แรงม้า ที่ 12,500 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 23 นิวตันเมตร ที่ 10,000 รอบ/นาที
YZF-R3 : 41.4 แรงม้า ที่ 10,750 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 29.6 นิวตันเมตร ที่ 9,000 รอบ/นาที
จะเห็นได้ว่าแม้ด้วยความที่ R3 นั้นมีขนาดความจุที่มากกว่าใครเพื่อน จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่มันจะสามารถทำแรงม้า และ แรงบิดสูงสุดได้มากกว่าใครเพื่อน แต่ถ้าดูจากตัวเลขแรงม้าของทั้ง CBR250RR และ Ninja 250 เองก็จะเห็นได้ว่ามันไม่ได้ด้อยกว่าเท่าไหร่นัก แถมเมื่อดูจากย่านแรงม้าที่ทำไว้สูงสุดราวๆ 12,500 รอบ/นาที ดังนั้นฟีลลิงหรือความรู้สึกตอนได้ขี่จริงจึงน่าจะถูกใจนักบิดสายลากรอบพอสมควร
ระบบส่งกำลัง
CBR250RR : คลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่น
Ninja 250 : คลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่น พร้อมระบบ แอสซิสต์ แอนด์สลิปเปอร์คลัทช์
YZF-R3 : คลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่น
ด้านระบบส่งกำลังกลับกลายเป็น Ninja 250 ที่ให้ออพชันมาดีกว่าใครเพื่อน เพราะมีการเสริมระบบแอสซิสต์ แอนด์สลิปเปอร์คลัทช์มาให้ ทั้งๆที่หน้าตาของมันดูมีความเป็ฯสปอร์ต-เรพลิก้าน้อยที่สุดในกลุ่ม
ระบบกันสะเทือน
CBR250RR : โช้กหัวกลับด้านหน้าขนาดแกน 37 มิลลิเมตร จาก Showa และ โช้กเดี่ยวด้านหลัง พร้อมกระเดื่องทดแรง Pro-link ปรับความแข็ง/อ่อนได้ 5 ระดับ พร้อมสวิงอาร์มอลูมิเนียม
Ninja 250 : โช้กตะเกียบคู่หน้า ขนาดแกน 41 มิลลิเมตร และ โช้กเดี่ยวด้านหลัง ปรับความแข็ง/อ่อนได้ 5 ระดับ พร้อมกระเดื่องทดแรง Uni- Trak และสวิงอาร์มเหล็กกล่อง
YZF-R3 : โช้กหัวกลับด้านหน้า ขนาดแกน 37 มิลลิเมตร และ โช้คเดี่ยวด้านหลัง ปรับความแข็ง/อ่อนได้ 5 ระดับ พร้อมสวิงอาร์มอลูมิเนียม
ด้านโช้กหน้าดูเหมืือน Ninja 250 จะเสียเปรียบชาวบ้านที่สุดเพราะ ยังคงเป็นแบบตะเกียบคู่หัวตั้งธรรมดา แต่อย่างน้อยก็ให้ขนาดแกนที่ใหญ่กว่าคือ 41 มิลลิเมตร ขณะที่ R3 และ CBR250RR ได้ขยับไปใช้โช้กหัวกลับแล้วเรียบร้อย โดยที่ฝ่ายหลังดูจะมีภาษีดีกว่านิดหน่อย เพราะมีการการันตีว่าผลิตโดย Showa (ส่วน R3 คาดว่าเป็นของ KYB)
ส่วนโช๊คหลังนั้นเป็นแบบกระเดื่องทดแรง และสามารถปรับระดับความแข็งอ่อนของสปริงได้ 5 ระดับเหมือนกันทั้งหมด แต่จะมีจุดแตกต่างกันนิดหน่อยนั่นคือ สวิงอาร์มของ Ninja 250 นั้นยังคงเป็นแบบเหล็กกล่องทรงมาตรฐานเท่านั้น ในขณะที่ R3 และ CBR250RR ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ขึ้นรูปแบบ Gull Wing หรือจะเรียกว่า Banana ก็ได้ ซึ่งดูสวยงามและให้อารมณ์พร้อมซิ่งกว่าเป็นไหนๆ
ขณะที่ขนาดยางหน้าหลังนั้นให้มาเท่ากันหมดคือ 110/70-17 ที่ด้านหน้าและ 140/70-17 ที่ด้านหลัง โดยจะแตกต่างกันตรงที่ลวดลายนั่นคือ CBR250RR เป็นแบบ 7 ก้านเดียว ในขณะที่ R25 และ Ninja 250R นั้นเป็นแบบ 5 ก้าน
ระบบเบรก
CBR250RR : จานเบรกขนาด 310 มิลลิเมตร ทำง่านร่วมกับปั๊มเบรก 2 ลูกสูบ ด้านหลัง จานเบรกขนาด 240 มิลลิเมตร ทำง่านร่วมกับปั๊มเบรก 1 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS-Dual Channel
Ninja 250 : จานเบรกขนาด 310 มิลลิเมตร ทำง่านร่วมกับปั๊มเบรก 2 ลูกสูบ ด้านหลัง จานเบรกขนาด 220 มิลลิเมตร ทำง่านร่วมกับปั๊มเบรก 2 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS
YZF-R3 : จานเบรกขนาด 298 มิลลิเมตร ทำง่านร่วมกับปั๊มเบรก 2 ลูกสูบ ด้านหลัง จานเบรกขนาด 220 มิลลิเมตร ทำง่านร่วมกับปั๊มเบรก 1 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS
ด้านระบบเบรกยังคงใช้คาลิปเปอร์ด้านหน้าเป็นแบบโฟลทติ้งเมาท์ 2 พอร์ตเหมือนกันทั้งหมด ส่วนด้านหลังจะมี Ninja 250 ที่ให้คาลิปเปอร์แปลกกว่าชาวบ้าน เพราะเลือกใช้ควาลิปเปอร์ 2 พอร์ท ส่วนขนาดจานเบรกของ CBR250RR นั้นใหญ่กว่าคู่แข่งทั้งด้านหน้าและหลัง ในขณะที่ R3 จะมีขนาดจานเบรกใหญ่เล็กกว่าคู่แข่ง Ninja 250 (ที่เท่ากับ CBR250RR) เล็กน้อย แต่ขนาดจานเบรกด้านหลังเท่ากัน และแน่นอนว่ามีระบบ ABS มาให้เหมือนกันทั้งหมด
โครงสร้างตัวรถ
CBR250RR : Pentagon Truss Frame
Ninja 250 : Diamond Truss Frame
YZF-R3 : Diamond Truss Frame
สำหรับโครงรถนั้น ทางฝั่ง CBR250RR และ YZF-R3 ต่างก็ใช้แบบโครงถักด้วยกันทั้งคู่ ส่วน Ninja 250 เลือกใช้แบบเหล็กดัดท่อกลมดามตรงกลางระหว่างโครงด้านซ้ายและโครงด้านขวาเท่านั้น
มิติตัวรถ
(กว้าง x ยาว x สูง ในหน่วย มิลลิเมตร)
CBR250RR : 725 x 2,065 x 1,095
Ninja 250 : 710 x 1,990 x 1,125
YZF-R3 : 720 x 2,090 x 1,140
จากตัวเลขจะเห็นว่า CBR250RR นั้นกว้างที่สุด และสั้นกว่า R3 เพียง 15 มิลลิเมตร ขณะที่ ความเพรียวบาง ก็ต้องยกให้กับ Ninja 250 ซึ่งอันที่จริงในกลุ่มรถสปอร์ตไบค์จำพวกนี้ หากพับกระจกมองข้างแล้ว ก็ถือว่าสามารถมุดช่องจราจรได้เท่าๆกันหมดอยู่แล้ว
(ระยะฐานล้อ ในหน่วย มิลลิเมตร)
CBR250RR : 1,390
Ninja 250 : 1,370
YZF-R3 : 1,380
ในส่วนนี้ด้วยความที่ทาง Honda ได้เลือกออกแบบให้ CBR250RR มีฐานล้อที่ยาวกว่าปกติ (เมื่อเทียบกับ CBR250R และ CBR300R) เพื่อความเสถียรที่ความเร็วสูง แต่จะแลกด้วยความพลิ้วในการพลิกโค้งไปมาที่ลดลงบ้าง ดังนั้นในขณะเดียวกันนี้เอง ฝั่ง Ninja 250 ก็จะได้เปรียบในเรื่องการเข้าโค้งแคบๆมากกว่าเล็กน้อย
(ความสูงเบาะ ในหน่วย มิลลิเมตร)
CBR250RR : 790
Ninja 250 : 795
YZF-R3 : 780
R3 ยังคงดูเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ที่สุดในส่วนของความสูงเบาะ ส่วน CBR นั้นจะออกไปทางสปอร์ตมากกว่าด้วยความสูงเบาะที่สูงถึง 790 มิลลิเมตร ขณะที่ Ninja กลับมีความสูงเบาะมากกว่าใครเพื่อน ดังนั้นสำหรับผู้ใช้ที่ขาสั้นจึงอาจจะต้องคิดหนักกันอยู่บ้าง ส่วนความเขย่งของปลายเท้าเมื่อนั่งคร่อมบนรถจริงๆ เรายังต้องมาดูอีกทีว่าความแคบของช่วงเบาะนั้น มีมากแค่ไหน
เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับความสูงระหว่างแฮนด์กับเบาะนั่งดังที่เราเห็นในรูป ถ้าลองสังเกตุดีๆแล้วจะพบว่า CBR250RR นั้นมีความสูงแฮนด์ที่ไม่หนีจากตัวเบาะมากนักจึงหมายความว่า ท่านั่งของผู้ขับขี่นั้นค่อนข้างหมอบกว่าชาวบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากการยึดแฮนด์จับโช๊คไว้ใต้แผงคอ ในขณะที่ Ninja 250 ยังคงใช้แฮนด์แบบวางบนแผงคอ ทำให้ตำแหน่งค่อนไปทางสปอร์ต-ทัวร์ริ่งไบค์เสียมากกว่า ส่วน YZF-R3 ที่แม้จะเปลี่ยนมาใช้แฮนด์จับโช้กใต้แผงคอแล้วก็จริง แต่จากประสบการณ์ผู้เขียนพบว่ามันไม่ได้หมอบขนาดนั้น เหมือนอย่างหน้าตาที่บ่งบอกไว้
(น้ำหนัก)
CBR250RR : 167 กิโลกรัม
Ninja 250 : 167 กิโลกรัม
YZF-R3 : 170 กิโลกรัม
แม้ว่าจากการเปรียบเทียบในเรื่องของน้ำหนัก จะเห็นได้ว่า R3 นั้นมีน้ำหนักที่มากที่สุด แต่ก็แค่เพียง 3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับส่วนต่างของแรกบิดที่มากกว่าคู่แข่งอย่างก้าวกระโดดดังนั้น เรื่องอัตราเร่งคงไม่ใช่เรื่องอะไรที่น่าห่วงเท่าไหร่นัก แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าพูดถึงความพลิ้วฝนการพลิกรถ หรือโหนรถไปมา ตัวรถที่เบากว่าอย่าง Ninja 250 และน้องใหม่ในบ้านเราอย่าง CBR250RR ก็ย่อมจะได้เปรียบกว่า
เพิ่มเติม
หากดูจากตัวเลขสเปคทางเทคนิคที่เราได้ไล่เรียงมาก จะเห็นได้ว่า แม้ราคาค่าตัวของ Honda CBR250RR จะโดดจากชาวบ้านไปเยอะพอสมควร จนหลุดคลาสไปไกล (หากอิงตามที่คาดการณ์กันไว้ว่าวิ่งตัวเลขจะวิ่งอยู่ที่ราวๆ 250,000 – 260,000 บาท) แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากของมันก็คือลูกเล่น ระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle-By-Wire ที่มาพร้อมกับโหมดเครื่องยนต์อีก 3 ระดับ ที่แม้ตอนนี้ทั้ง Yamaha YZF-R3 และ Kawasaki Ninja 250 ซึ่งเป็นรุ่นรถใหม่กว่า (นับตามปีที่เผยโฉมครั้งแรกจริงๆ) ก็ยังไม่มีมาให้ ดังนั้น อย่างน้อยในเรื่องความล้ำหน้าของเทคโนโลยีที่ติดตัวรถมา CBR250RR ก็ยังเป็นต่ออยู่ แต่สุดท้ายแล้ว เทคโดนโลยีที่ว่านี้จะใช้งานได้ดี และสร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับคนอื่นๆได้มากแค่ไหน เรายังต้องรอการทดสอบจริงต่อไป และแน่นอนว่าเราจะต้องไม่พลาดที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาบอกเล่าให้เพื่อนๆได้รับทราบกัน รอชอมกันได้เลยครับ
ปิดท้ายด้วยตัวเลขข้อมูลทางเทคนิคทั้งหมดของตัวรถทั้ง 3 รุ่นครับ
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
