Ducati Diavel 1260 S 2021 เผยโฉมใหม่ “Black and Steel”

ย้อนไปเมื่อกลางปี 2019 รถ Ducati Diavel 1260 S “Materico” ได้ถูกเผยโฉมออกมาครั้งแรกพร้อมความพรีเมียมนเดียวในโลก จึงทำให้ Ducati Diavel 1260 S 2021 รุ่นใหม่ล่าสุดต้องถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลิ่นอายจากตัวรถรุ่นพิเศษดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมมีชื่อประจำตัวแบบเท่ๆว่า “Black and Steel”

ใช่ครับ สำหรับตัวรถ Ducati Diavel 1260 S 2021 ที่เพื่อนๆเห็นอยู่ตอนนี้ คือตัวที่มาพร้อมกับเฉดสีใหม่ชื่อ “Black and Steel” ซึ่งเป็นเฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Diavel 1260 S รุ่นพิเศษที่ผลิตแบบ One-off หรือคันเดียวในโลก ชื่อ “Materico” ดังนั้นเจ้า Diavel 1260 S 2021 จึงมาพร้อมกลิ่นอายเดียวกัน นั่นคือการทำรถให้เป็นเฉดสี ดำด้าน ในบริเวณถังน้ำมัน, กาบแฟริ่งข้าง, อกล่าง, และชุดล้อ แล้วตัดโทนด้วยเส้นแถบสีเหลืองตามชิ้นส่วนต่างๆที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ เว้นเพียงชุดแฟริ่งปิดใต้เบาะ, แถบอลูมิเนียมกลางเบาะ, กับโครงเหล็กถักเท่านั้น ที่ถูกทำสีเหลืองทั้งชิ้นเพื่อความสะดุดตาที่มากกว่า

แต่ด้วยความที่มันเป็นเป็นเพียงโมเดลปรับสี ดังนั้นสเปคทางเทคนิคต่างๆของมันจึงยังคงเดิมทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องยนต์บล็อค Testastretta L-Twin พิกัด 1,262cc ที่มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน DVT สามารถปั่นแรงม้าได้สูงสุดถึง 159 HP ที่ 9,500 รอบ/นาที กับแรงบิดอีก 129 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ทำงานร่วมควิกชิฟท์เตอร์แบบ Bi-Direction, ระบบช่วงล่างเป็นชุดโช้กหน้าตะเกียบคู่หัวกลับขนาดแกน 48 มิลลิเมตร/ โช้กหลังต้นเดียวปรับได้ทุกค่าจาก Ohlins ทำงานร่วมสวิงอาร์มแขนเดี่ยว, ชุดปั๊มเบรกคู่หน้า Brembo M50 ทำงานร่วมกับจานเบรกกึ่งลอยตัวขนาด 320 มิลลิเมตร, และชุดล้ออัลลอยด์หน้า-หลังก็รัดด้วยยางขนาดด้านหน้า 120/70-17 ด้านหลัง 240/45-17

ขณะที่ระบบความปลอดภัยต่างๆที่ให้มาก็ยังคงครบครันเช่นเดิม ทั้ง Cornering-ABS จาก Bosch ซึ่งจะทำงานร่วมกับโหมดควบคุมตัวรถอีกหลายอย่างทั้ง Riding Modes, Power Modes, Ducati Traction Control Evo (DTC), Ducati Wheelie Control Evo (DWC), Cruise control, และ Ducati Power Launch Evo (DPL) โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้จะถูกนำไปแสดงผลบนหน้าจอ TFT-Full Color ขนาด 3.5 นิ้ว

โดย Ducati Diavel 1260 S 2021 จะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป และจะสนนราคาที่ 23,395 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 727,400 บาท ขณะที่การวางจำหน่ายในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาใดๆทั้งสิ้นในตอนนี้