Honda ADV150 สกูตเตอร์ แนวใหม่ ที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตการเดินทางได้ทุกสาย

Honda ADV150 : NEW STREET ADVENTURE A.T ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวสกูตเตอร์ทางเลือกใหม่ที่ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีอย่างมากนับตั้งแต่เผยโฉมเป็นครั้งแรกในอินโดนีเซียเมื่อกลางปี ก่อนที่ทีมงาน MotoRival เราจะได้พาชมกันสดๆ จากงาน Tokyo Motor Show 2019 และลากยาวมาจนถึงตอนนี้ที่ในที่ทาง A.P.Honda ได้ทำการเปิดตัวในบ้านเราออกมาเป็นที่เรียบร้อย นับได้ว่าประสบความสำเร็จไม่เบาเลย กับยอดจองรถกว่า 555 คันในงานเปิดตัวเพียง 2 วันแรก

สำหรับ Honda ADV150 นั้น ถือได้ว่า เป็นรถสกูตเตอร์ แนวใหม่ ที่ถือได้ว่า ยังไม่มีค่ายใดๆ ทำมาก่อน กับสไตล์รถ Scooter ขนาดเล็ก ที่ออกแบบมาสไตล์ Muti-Purpose ตอบโจทย์ การใช้งานแบบหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การขี่ใช้งานในเมือง, หรือ จะขี่เดินทางไกล รวมไปถึงการขี่บนเส้นทางลุยแบบผจญภัย บนทาง Off-Road (รถ Scooter ในตลาดส่วนมาก มักจะทำได้เพียง 2 ข้อ แรกเท่านั้น)

แล้วเจ้า ADV150 คันนี้ มันถูกออกแบบมาเพื่อ ให้เหมาะสมกับ ใครบ้างล่ะ?
อย่างที่บอกไปว่า ที่จริงแล้ว มันเหมาะกับผู้ใช้งานแทบจะทุกคนเลย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงานออฟฟิศ หรือ คนที่เน้นขี่ใช้งานในเมือง
หรือ คนที่ชอบเดินทาง หรือ จะรักการผจญภัย ที่ต้องมีการขี่ลุยเส้นทางที่ไม่ใช่แค่ทางลาดยาง แต่ รถคันนี้จะพาคุณไปได้ทุกที่
นอกจากนี้ หากผู้ที่เป็นเจ้าของกิจกรรม อย่างเสี่ยเจ้าของสวน/ไร่ จะขี่ใช้งานแบบตรวจงาน ก็ย่อมเป็นรถที่เหมาะสมและใช้งานได้ดีทีเดียว

เอาล่ะครับ เราจะขอพาทุกท่าน มาชมรายละเอียด ที่สำคัญของเจ้า Honda ADV150 คันนี้ กันเลยดีกว่า ว่ามันมีคุณลักษณะเด่นอะไรบ้าง

สำหรับจุดเด่นของ Honda ADV150 ที่น่าสนใจแน่นอนว่าก็จะต้องเริ่มจากงานตกแต่งภายนอกที่หยิบยืมเอาดีไซน์ของพี่ใหญ่ X-ADV 750 มาใช้ เพียงแต่จะมีการปรับย่อสัดส่วน และปรับเส้นสายใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น

ส่วนชุดไฟหน้าก็เป็นแบบโคมคู่ หลอด LED ไฟต่ำอยู่ด้านใน ไฟสูงอยู่ด้านนอก ให้แสงสว่างชัดเจนหายห่วงเรื่องการใช้งานตอนกลางคืน แถมยังมีแถบไฟ DRL มาให้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ในยามกลางวัน และไฟเลี้ยว LED ด้านหน้าก็แยกส่วนชัดเจนวางตำแหน่งไว้ด้านบน ซึ่งมีระบบ ESS ที่คอยควบคุมให้ไฟเลี้ยวกระพริบเมื่อเกิดกรณีเบรกฉุกเฉินเอาไว้ด้วย

ไฟท้ายก็เป็นแบบแถบ LED วางแนวยาวคาดผ่านช่วงท้ายรถเต็มแนวสว่างชัดเจนแม้เวลากลางวัน

วินชิลด์ทรงสูงปรับระดับได้ 2 สเต็ป ด้วยการดึงหมุดล็อคด้านหลังเข้า/ออกเพื่อขยับชิลด์ขึ้น/ลง สามารถช่วยแหวกลมได้พอประมาณ และไม่ได้สูงจนบดบังทัศนวิสัยของผู้ขี่แต่อย่างใด

เรือนไมล์ Full LCD Meter จัดวางตำแหน่งการแสดงผลได้อย่างสวยงามและครบครันทั้ง ความเร็ว, รอบเครื่องยนต์, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, แรงดันแบตเตอรี่, อุณหภูมิแวดล้อม, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งแบบเฉลี่ยและตามอัตราการเปิดคันเร่ง ณ ขณะนั้น (Real Time), ระยะทางรวม, ระยะทางทริป A/B, วันที่, เดือน, และเวลา

เทเปอร์แฮนด์บาร์ทรงกว้างสไตล์แอดเวนเจอร์

ระบบกุญแจ Keyless พร้อมทั้งระบบระบุตำแหน่งรถ สัญญาณกันขโมยและการเปิด-ปิดสัญญาณรีโมท

พอร์ทชาร์จไฟ AC (กระแสจริงเป็น DC = Direct Current) ซ่อนอยู่ด้านในช่องเก็บของขนาดใหญ่ตรงคอนโซลหน้า สามารถใส่โทรศัพท์สมาร์ทโฟนและกระเป๋าสตางค์ได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่

ถังน้ำมันวางกลางลำตัวรถ ขนาดความจุ 8 ลิตร

ชิ้นส่วนช่างบอดี้พาร์ทกลางลำตัวรถมีโป่งกว้างออกมาทำให้ดูมีมิติ เพื่อเสริมมัดกล้ามแต่ก็เสริมแถบพลาสติกสีเงินที่ช่วยทำให้รถดูหรูหราขึ้นด้วยเช่นกัน

เบาะนั่งแบ่งสองตอนชัดเจนเน้นความสะดวกสบายของผู้ขี่ พร้อมเคลมความสูงตำแหน่งเบาะผู้ขี่ที่ 795 มิลลิเมตร

Ubox (ช่องเก็บของใต้เบาะ) ปริมาตรความจุ 28 ลิตร สามารถใส่หมวกเต็มใบได้หนึ่งใบและมีพื้นที่เก็บแกดเจทส่วนตัวต่างๆได้อีกพอประมาณ

พักเท้าผู้ซ้อนเป็นแบบชิ้นงานอลูมิเนียมดูหนาและแข็งแรง

ท่อไอเสียจัดตำแหน่งให้ทำมุมเแหงนขึ้น 45 องศาเหมือนของพี่ใหญ่ X-ADV 750

มิติตัวรถ
ยาว x กว้าง x สูง = 1,950 x 763 x 1,153 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 1,324 มิลลิเมตร
ระยะความสูงใต้ท้องรถ : 165 มิลลิเมตร ถือว่า มีพื้นที่ Ground Clearance ที่ค่อนข้างมาก ทำให้ตัวรถสามารถใช้ปีนป่ายเส้นทางธุระกันดาร ได้ดี

เครื่องยนต์ eSP 4 จังหวะ, 149.3cc SOHC, ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมระบบ Idling Stop System, จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI กำลัง แรงม้าสูงสุด 10.7 กิโลวัตต์ (14.5 PS) ที่ 8,500 รอบ/นาที และ กำลังแรงบิดสูงสุด 13.8 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ส่งกำลังทั้งหมดไปยังล้อหลังด้วยชุดคลัทช์แห้งและระบบเกียร์ CVT

โช้กหน้าตะเกียบคู่ ช่วงยุบ 130 มิลลิเมตร

โช้กหลัง Showa แบบแก๊สคู่ ช่วงยุบ 120 มิลลิเมตร และยังปรับเซ็ทค่าพรีโหลดไม่ได้ แต่เนื่องจากมันเป็นโช้กอัพแบบแก๊สมีซับแทงค์แยก ซึ่งช่วยลดฟองอากาศเมื่อขี่ใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ ทำให้ความเสถียรของตัวโช้กมีสูงกว่าโช้กน้ำมันทั่วๆไป

วงล้ออลูมินัมอัลลอยด้านหน้าขนาด 14 นิ้ว ด้านหลังเป็นขนาด 13 นิ้ว รัดด้วยยางกึ่งหนามไร้ยางใน (ทูบเลส) ไซส์ 110/80 – 14 M/C กับ 130/70 – 13 M/C ตามลำดับหน้าหลัง

จานเบรกหน้าขนาด 240 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกโฟลทติ้งเมาท์ 2 พอร์ท และมีระบบ ABS มาให้เรียบร้อย

จานเบรกหลังขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกโฟลทติ้งเมาท์ 1 พอร์ท ไม่ใส่ ABS เพราะ ทาง Honda ตั้งใจให้ตอบโจทย์การขี่แบบทางฝุ่นด้วย สามารถให้ล้อล็อกปัดได้ตามแบบฉบับสายลุย Enduro

จากการที่ทีมงานเราได้ไปทดสอบมาบ้างแล้วนั้น พอจะสรุปได้ว่า
แม้จะต่อยอดรถสกูตเตอร์สายลุยพี่ใหญ่อย่าง X-ADV 750 แต่ เจ้า ADV150 คันนี้ ที่ขนาดตัวค่อนข้างกระทัดรัด ทำให้มันสามารถขี่ใช้งานในเมืองได้แบบสบายๆ

ด้านสมรรถนะการขี่ เจ้า ADV150 คันนี้ อาจไม่ได้บิดติดมือมากมาย ตามแบบฉบับออกตัดจี๊ดจ๊าด แนว Sport Scooter แต่ มันมีความเป็นผู้ใหญ่ และตามสไตล์ของนักเดินทาง ที่จะให้กำลังย่านกลาง-ปลาย ที่ค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งจากการที่ใช้เม็ดตุ้มแรงเหวี่ยง ที่มี นน. มาก

นอกากนี้ ตัวระบบกันสะเทือนของ ADV150 เอง ก็ถูกเซ็ทมาให้มีช่วงยุบและความหนืดที่เรียกว่าเอาไว้ขี่ลุยได้สบายๆ ตามแบบฉบับ Adventure ที่ปีนป่ายได้ มีช่วงยุบให้ใช้อย่างเพียงพอ
แต่โดยรวมก็ไม่ถือว่าย้วยจนเกินไป ยังให้อารมณ์ แน่นเฟิร์มแบบฉบับสปอร์ตอยู่ด้วย จึงทำให้ขี่เร็วๆ แล้วรถยังคงนิ่งไม่ส่าย

ขณะที่ออปชั่น ต่างๆ ก็ถือว่า มาในสไตล์ Premium Scooter ทั้งช่องจ่ายไฟ, วินชิลด์ปรับระดับได้, หน้าจอฟูลดิจิตอล, กุญแจ Keyless เป็นต้น

สรุปแล้ว เจ้า All-New Honda ADV150 คันนี้ ถือได้ว่าเป็นรถ Scooter ที่ไม่ได้เหมาะกับคนทุกประเภท ไม่ได้ต้องการแค่ขี่รถไปทำงาน ในชีวิตประจำวันในเมืองเพียงเท่านั้น
เพราะ มันยังเป็นมอเตอร์ไซค์ ที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็ม Lifestyle ของคุณได้อีกด้วย

Honda ADV150 มีราคาแนะนำที่ 97,900 บาท โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง-ดำ, ดำ-เทา, และ น้ำตาล-เทา
สำหรับผู้ที่สนใจ แล้วล่ะก็ไปรับชมตัวจริง กันได้ที่ Honda Wing Ceter ทั่วประเทศ