หลังจากที่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วเราได้รับเชิญจากทาง CF Moto ให้เข้าร่วมการทดสอบเจ้า 250NK ที่สนามพีระจนได้เป็นคอนเทนท์รีวิวตามหลังจากนั้นไม่นานนัก แต่นอกจากการขับขี่ทดสอบที่ว่าแล้ว ทางทีมงาน MotoRival เราเองก็ได้มีการสัมภาษณ์ผู้บริหารถึงแนวทางการทำตลาด, การเซอร์วิสตัวรถ, อะไหล่, และอื่นๆอีกหลายอย่างที่เพื่อนๆน่าจะสงสัยและให้ความสนใจไม่แพ้ตัวรถเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อผลิตภัณท์ของพวกเขาดีหรือไม่ ซึ่งเราก็ได้หาคำตอบเหล่านั้นมาให้ตรงนี้แล้วครับ
เริ่มจากประเด็นแรกนั่นก็คือศูนย์บริการ โดยทางผู้บริหารได้ระบุไว้ว่าก่อนหมดปี 2018 นี้ ทาง CF Moto จะเปิดศูนย์ฯใหม่ทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน ประกอบด้วย พระราม 5, สุขาภิบาล 3, รังสิต, และ Central World ชั้น 5 (เปิดบริการวันที่ 1 ธ.ค.) ส่วนโซนต่างจังหวัดจะค่อยๆเปิดรับรองลูกค้าภายในระยะเวลาอีก 3-4 เดือนนับจากนี้ แต่ระหว่างนั้นอาจจะมีโชว์รูมชั่วคราว ตามความพร้อมของตัวแทนจำหน่ายแต่ละแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดหัวเมือง ทั้ง เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุดรธานี, โคราช, สระบุรี, อยุธยา, หาดใหญ่, และภูเก็ต
และต่อไปในปี 2019 คาดว่าจะมีศูนย์ฯทั่วประเทศ(ที่เป็นศูนย์บริการเฉพาะของ CF Moto) จำนวนทั้งหมด 27 แห่ง ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา โดยจำนวน 27 แห่งที่ว่านี้ ยังไม่นับตัวแทนจำหน่ายรายย่อยอื่นๆ ที่ขายรถมอเตอร์ไซค์หลายแบรนด์รวมกันในศูนย์ฯแห่งเดียวอีก (ตัวแทนจำหน่ายแบบนี้จะพบเห็นได้บ่อยในต่างจังหวัดทั้งน้อยใหญ่)
ส่วนในเรื่องของการให้บริการหลังการขาย เช่น อะไหล่, การเซอร์วิส, และราคา ทางผู้บริหารก็ตอบอย่างสบายใจได้ว่า ตัวอะไหล่สำรองนั้นมีการสั่งมาตุนไว้พอสมควรเพื่อรับรองตรงนี้ ประกอบกับการที่แต่เดิมตัวรถก็ประกอบในไทยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงหายห่วงว่าถ้าเกิดตัวรถเสียหายจากอุบัติเหตุขึ้นมา แล้วจะไม่มีอะไหล่รอเปลี่ยน
และในเรื่องของการเซอร์วิส ก็จะมีการอบรมทีมช่างของแต่ละศูนย์ เพื่อเสริมความพร้อมในเรื่องของการบำรุงรักษาตัวรถ และจะมีการติดตั้งแท่นซ่อมอีกอย่างน้อย 2 แท่น/ต่อศูนย์ เพื่อรองรับกับจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ค่าแรงในการให้บริการจะอยู่ในเรทที่เป็นมิตรกับลูกค้าพอสมควร (แย้มๆมาว่าต่ำกว่าเจ้าตลาดสัญชาติญี่ปุ่นลงไปอีกเล็กน้อย)
ด้านชิ้นส่วนตกแต่ง โดยปกติแล้วทาง CF Moto บริษัทแม่ก็จะมีชิ้นส่วนเสริมตรงนี้ใว้ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเพิ่มอยู่แล้ว และในขณะนี้ทางผู้บริหารประเทศไทยก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะมีการนำชิ้นส่วนเสริมตรงนั้นเข้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในไทยมากน้อยแค่ไหน (ขึ้นอยู่กับกระแสจากลูกค้าอีกที และตอนนี้อยากโฟกัสไปที่การบริหารหลังการขายมากกว่า)
ต่อมาก็คือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่างเช่น ออกทริปเป็นกลุ่มกับลูกค้า โดยมีทาง CF Moto เป็นผู้สนับสนุนนั้น ผู้บริหารก็ยังกล่าวเสริมอีกว่า ทางพวกเขา(บริษัทแม่)ตั้งเป้าว่าอยากจะจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้อย่างน้อย 1-2 ครั้ง/ปี และอาจจะมีกิจกรรมย่อยตามดีลเลอร์ต่างๆเสริมอีกเล็กน้อย ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลใจในเรื่อง Community มากมายนัก
ส่วนยอดจองในเบื้องต้นของ CF Moto ในงาน Motor Expo ที่จะถึงนี้ ทางผู้บริหารก็หวังเอาไว้ว่าจะมียอดจอดเกิดขึ้นราวๆ 200-300 คัน และตั้งเป้าไว้อีกว่าในปี 2019 จะขายได้ประมาณ 5,000 คัน แต่เอาจริงๆแล้ว ขีดจำกัดของโรงงานแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในนิคม Gateway ฉะเชิงเทรา นั้นสามารถผลิตรถออกขายได้จริงถึง 100,000 คันต่อปี ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่โรงงานแห่งนี้จะมีการผลิตตัวรถเพื่อส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ(โซน SEA)ในอนาคต
นอกจากนี้พวกเขายังแย้มออกมาอีกนิดว่า ทาง CF Moto บริษัทแม่ มีแผนที่จะทำตลาดโมเดลพิกัด 1,000cc ในอนาคต(คาดว่าจะเป็นอีกประมาณ 2-3 ปี) และในส่วนของโมเดลสปอร์ต Full-Faring เองก็อาจจะมีการเผยโฉมภายในช่วงเวลาอันใกล้ (ประมาณ 1-2 ปี) นี้ด้วยเช่นกัน ยังไงก็รอชมกันได้เลย
แถมอีกนิดสำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจ CF Moto ทั้ง 4 รุ่นที่จะเปิดให้จับจองในงาน Motor Expo 2018 ทางผู้บริหารได้ให้ข้อมูลกับเราเอาไว้ว่า สำหรับโมเดลเล็กสุด 250NK มีจำนวนในสต็อกมากพอที่จะส่งมอบทันทีหลังจบงานดังกล่าว ส่วน 400NK, 650NK, และ 650MT จะเริ่มมีการส่งมอบไม่เกินเดือนมกราคมปีหน้า
อ่านข่าว CF Moto เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านสัมภาษณ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ