เปิด ประวัติ Maverick Viñales เจ้าหนู “Top Gun” ว่าที่นักบิดมือหนึ่งคนใหม่แห่ง Yamaha Factory Team

0

หลังจากที่เราได้นำเสนอประวัติโดยคร่าวๆของ Valentino Rossi ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ในคราวนี้เราขอนำเสนอประวัติของนักบิดอีกหนึ่งคนที่อยู่ในซุ้ม Yamaha Factory MotoGP กันบ้าง นั่นก็คือว่าที่นักบิดมือหนึ่งในทีมคนใหม่อย่างเจ้าหนู Top Gun –
ดังนั้นมาดู ประวัติ Maverick Vinales ไปพร้อมๆ กันเลยครับ

marverick-vinales-motogp-2019-yamaha-pic-01
Maverick Viñales Ruiz (ชื่อเต็ม) เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม ปี ค.ศ. 1995 ที่เมือง Figueres ประเทศสเปน ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้พ่อหนุ่มคนนี้ได้มาเดินทางสายมอเตอร์สปอร์ตนั้นก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขาอายุพึ่ง 3 ขวบเท่านั้นด้วยการเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ประเภท Minimotos หลังจากนั้นจึงข้ามฟากไปแข่งโมโตครอสจนในที่สุดก็ได้กลับมาแข่งบนโลกเซอร์กิตเรซอย่างจริงอีกครั้งในปี 2002


ต่อจากนั้น Vinales ก็คอยเก็บประสบการณ์ในการแข่งขันระดับประเทศ Catalonian Championship จนกลายเป็นแชมป์อยู่หลายปี ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 50cc, 70cc, และ 125cc จนกระทั่งในปี 2008 เขาก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแข่งในเวทีระดับยุโรปอย่างศึก German IDM 125GP Championship แต่จบอันดับไปแค่เพียงอันดับ 7 เท่านั้นในตารางสะสม

อย่างไรก็ดีในปี 2009 Vinales ก็ได้รับโอกาสให้เลื่อนเข้ามาแข่งในศึก CEV Buckler 125GP ภายใต้สังกัดทีม Blusens-BQR จับคู่กับ Miguel Oliveira ที่ตอนนี้ได้กลายเป้นนักแข่งในทีม KTM Tech3 MotoGP ซึ่งในปีดังกล่าวนั้น Vinales สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆจนกลายเป็นนักบิดหน้าใหม่แห่งปี ทั้งการทิ้งห่างคู่แข่งถึง 4 วินาทีที่เฆเรฐ, สามารถขึ้นโพเดี้ยมได้ต่อเนื่อง 4 สนามติด, และเป็นแชมป์ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาโดยเฉือนอันดับสองไปเพียง 4 คะแนนเท่านั้น


พอเข้าสู่ปี 2011 Vinales ได้เลื่อนมาสู่การเป็นนักบิดอาชีพในเวทีระดับโลกอย่างศึก MotoGP เสียที ซึ่งในปีนั้นการแข่งรุ่นเล็กสุดยังใช้ตัวรถ 2 จังหวะพิกัด 125cc อยู่ ซึ่งเขาก็สามารถกดเวลาได้ดีตั้งแต่การเทสก่อนเปิดฤดูการที่สนามวาเลนเซีย และจบการแข่งขันนัดเปิดฤดูการที่กาตาร์ได้เป็นอันดับ 9, จบอันดับ 4 ที่โปรตุเกส เพราะถูก Johann Zarco เฉือนเข้าเส้นชัยตัดหน้าไปเพียง 0.02 วินาที, ไม่เพียงเท่านั้นยังกลายมาเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่สามารถคว้าแชมป์สนามได้ในการแข่งขันระดับ WorldGP ด้วยวัย 16 ปี กับอีก 123 วัน และจบการแข่งขันฤดูกาลนั้นด้วยอันดับ 3 บนตารางคะแนนสะสม


ในปี 2012 Vinales ต้องปรับตัวใหม่อีกครั้งเนื่องจากตัวแข่งรุ่นเล็กสุดจะต้องเปลี่ยนสเปครถเป็นแบบที่ใช้เครื่องยนต์สูบเดียว 4 จังหวะ พิกัด 250cc หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Moto3 ซึ่งในปีนี้เขาได้คว้าแชมป์สนามไปถึง 5 ครั้ง ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล แต่จู่ๆก็ฟอร์มรูดเนื่องจากไม่สามารถต้านทานฟอร์มอันร้องแรงของแชมป์ประจำรุ่นในปีนั้นอย่าง Sandro Cortese ได้ไหวแถมยังโดนทีมปลดฟ้าผ่าอีกเนื่องจากดีันไปให้สัมภาษณ์ว่าทีมที่ตนอยู่ตอนนี้เป็นเพียงทีมกลุ่มล่างเท่านั้น จึงทำให้เขาไม่สามารถแข่งต่อในอีก 2 จาก 3 สนามที่เหลือได้และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ในตารางคะแนนสะสมในที่สุด


มาถึงปี 2013 คราวนี้ Vinales ได้ย้ายมาร่วมกันต้นสังกัดใหมที่ดูจะพร้อมสรรพกว่าเดิม จนทำให้เขาสามารถคว้าแชมป์สนามได้ 3 สนาม จบอันดับ 2 ไปอีก 8 สนาม และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 ไปอีก 4 สนาม นอกนั้นก็จบอันดับ 4 กับ อันดับ 5 แค่อย่างละ 1 สนามเท่านั้น จึงทำให้เขาสามารถคว้าแชมป์ ที่นี่ Moto3 ปีดังกล่าวไปได้ โดยเฉือนชนะ Alex Rins ไปแค่เพียง 12 แต้มเท่านั้น


อย่างไรก็ดี ในปี 2014 ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากๆเลยทีเดียว เพราะแม้ปีนี้จะเป็นปีแรกที่ Marverick Vinales จะพึ่งได้เลื่อนขั้นมาแข่งในคลาส Moto2 โดยมีสัญญากับทางต้นสังกัดอย่าง Pons Racing อยู่ 2 ปีด้วยกัน นั่นก็คือจะไปหมดตอนจบปี 2015 แต่จู่ๆทาง Suzuki Factory ที่กำลังมองหานักบิดหน้าใหม่ในขณะนั้น กลับเลือกที่จะประกาศเซ็นสัญญากับนักบิดหนุ่มรายนี้ทันทีพร้อมฉีกสัญญาและเตรียมแผนให้เจ้าหนู Top Gun ได้กลายเป็นนักบิดในคลาส MotoGP กับทีมในปีหน้า ซึ่ง ณ ตอนนั้นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใจมากๆที่จู่ๆนักบิด Moto2 จะได้เลื่อนขั้นมาสู่รุ่นใหญ่เร็วขนาดนั้นทั้งๆที่เขายังแข่งไม่ทันจบฤดูกาลแรกที่ได้แข่งในรุ่นกลางเลยด้วยซ้ำ (และ Vinales ก็จบอันดับบนตารางคะแนนสะสมในปีนั้นไปด้วยอันดันดับ 3)


หลังจากนั้นในปี 2015 ดูเหมือน Marverick Vinales จะยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับตัวแข่งที่มีแรงม้ามากกว่าเดิมถึง 100 ตัวตอนยังขี่ตัวแข่ง Moto2 ที่อันที่จริงเขาก้ได้สัมผัสมันแค่ปีเดียวเท่าไหร่นัก จึงทำให้เขาไม่เคยเข้าเส้นชัยได้ดีกว่าอันดับที่ 6 เลย แถมส่วนใหญ่ยังไปป้วนเปี้ยนอยู่อันดับที่ 10-12 ด้วย จนต้องจบอันดับตอนสิ้นปีไปด้วยอันดับที่ 12 แต่นั่นก็ดีพอที่จะทำให้เขากลายเป็นนักบิดหน้าใหม่แห่งปีได้ เพราะนักบิดหน้าใหม่คนอื่นๆในปีนั้นแทบไม่เคยเข้าเส้นชัยในอันดับตัวเลขหลักเดี่ยวได้เลยนั่นเอง

maverick-vinales-AusTest_3
ทว่าในปี 2016 Marverick Vinales ก็ได้ทำผลงานที่น่าสนใจมากๆออกมา นั่นก็คือการพาตัวแข่ง Suzuki GSX-RR ขึ้นโพเดี้ยมเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่เลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศส ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถคว้าชัยชนะให้กับทีมได้อีกที่ซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ แล้วก็ขึ้นโพเดี้ยวได้อีก 2 ครั้ง (อันดับ 3 ทั้งคู่) ที่สนามทวินริงโมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น และฟิลิปไอซ์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จนจบอันดับในตารางคะแนนสะสมปีนั้นด้วยอันดับที่ 4 และอันที่จริงก่อนหน้านั้นตั้งแต่ช่วงปลายปี ทาง Yamaha Factory ก็ได้มาขอเซ็นสัญญากับเขาเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้เจ้าตัวได้เป็นตัวตายตัวแทนคนใหม่ของ Jorge Lorenzo ที่เลือกไปอยู่กับ Ducati หลังจบการแข่ง MotoGP ในปีนี้


แน่นอนว่าพอเข้าสู่ปี 2017 นักบิดรายนี้ก็สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจอย่างมากจนหลายคนคิดว่าเขาอาจจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญคนใหม่ของ Marc Marquez ได้ เพราะ Vinales สามารถคว้าชัยชนะไปได้ถึง 3 จาก 5 สนาม แต่หลังจากที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ในสนามซิลเวอร์สโตน ฟอร์มของเขาก็เริ่มดรอปลงเรื่อยๆ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเพราะตัวนักบิดเอง แต่เป็นเพราะตัวแข่ง Yamaha YZR-M1 ที่เริ่มหาจุดสมดุลได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถสู้กับตัวแข่งของทีมอื่นๆอย่าง Ducati และ Honda ได้ ซึ่งทางทีมวิศวกรของ Yamaha เองก็ได้ออกมายอมรับจุดนี้จริงในปี 2018 ที่ผ่านมา


แต่ถ้าหากเพื่อนๆได้ติดตามการแข่งขัน MotoGP ในปี 2019 ก็คงจะพอเห็นว่าถึงแม้เจ้าหนู Fabio Quartararo จะกลายเป็นนักบิด Yamaha ที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุด ทว่าถ้าดูจากผลคะแนนแล้ว Marverick Vinales ต่างหากที่สามารถเก็มแต้มสูงได้อย่างต่อเนื่องจนคว้าแชมป์สนามไปได้ 2 ครั้ง และขึ้นโพเดี้ยมได้อีก 5 ครั้งและจบอันดับในตารางคะแนนสะสมเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งเราคงต้องมาดูกันว่าในปี 2020 นี้เขาจะทำผลงานได้ดีขึ้นอีกแค่ไหนกันครับ

สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณ เพื่อนๆ กับการรับชม ประวัติ Maverick Viñales ในครั้งนี้ สัปดาห์ถัดไปเราจะมาแนะนำประวัตินักบิดคนไหนกันต่อ รอติดตามกันเลยครับ

อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!