รีวิว 2017 Yamaha YZF-R6 หมอบที่สุดใน YZF-R Series ทั้งหมด สัมผัสแรก Supersport คันแรกของคนไทย ณ สนามช้างฯ

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา Yamaha Riders Club ได้จัดกิจกรรมเชิญนักข่าวร่วมทดสอบ 2017 Yamaha YZF-R6 ณ สนามช้างฯ เซอร์กิต ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวพร้อมราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปเมื่องาน 2017 Bangkok International Motor Show ที่ผ่านมา โดยมากับ 2 สี คือ น้ำเงิน และ ดำ มีราคาที่ 5.49 แสนบาท

ซึ่งในครั้งนี้ MotoRival เราก็ได้เข้าร่วมทดสอบกันเช่นเคย เราจึงขอพามาพบกับ รีวิว 2017 Yamaha YZF-R6 1^st Impression สัมผัสแรกเจ้า Supersport 600cc คันแรกของไทยกันครับ

รูปลักษณ์
2017 YZF-R6 นับได้ว่าเป็นรถ All YZF-R6 ใหม่ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ซึ่งโดยรวมได้มีการปรับรูปลักษณ์ไปในทิศทางเดียวกับ YZF-R1 ด้วยชุดแฟริ่งใหม่

โดยเฉพาะบั้นท้ายที่ถอดแบบแทบจะจับวาง

ชุดไฟหน้าแบบ LED ทั้ง ไฟ DRL และ ไฟต่ำ/สูง 2 ดวงทางด้านใต้
นอกจากนี้ยังมาพร้อมช่องดักอากาศทางด้านหน้า Ram Air ซึ่งมีรูปแบบเดียวกับ YZR-M1 (ขนาดใหญ่กว่า YZF-R1)

กระจกมองข้างมาพร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว ยกระดับจาก Supersport เทียบชั้น Superbike

ถังน้ำมันมีช่องรีดลมถอดแบบ R1 (ได้ถูกนำไปใช้ใน R15 ใหม่ด้วย)
ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกจะหล่ออย่างเดียว มันยังพัฒนาด้าน Aerodynamic ให้ดีขึ้นอีก 8%

มาตรวัดวงกลม Analog เป็นเข็มใช้วัดรอบเครื่องยนต์
มาตรวัด Digital บอกความเร็ว และแสดงผลค่าต่างๆ อาทิ TCS, D Mode, ตำแหน่งเกียร์ เป็นต้น
ทางด้านบนมีไฟ Shift Light ดวงกลมๆ ตรงกลางขนาดใหญ่ คอยเตือนการเปลี่ยนเกียร์

สวิทช์ไฟซ้าย นอกจากสวิทช์ควบคุมไฟแล้ว มีปุ่มปรับ TCS ให้เลือกปรับใช้งานได้อย่างสะดวก

สวิทช์ไฟขวา นอกจากสวิทช์ Run-Off แล้วมีปุ่มปรับ Mode และ ไฟ Hazard

นอกจากนี้ก้านเบรกยังปรับระยะห่างได้

มิติรถ
2017 YZF-R6 มีน้ำหนัก Wet ที่ 190 กก.
เบาะสูงถึง 850 มม.
ถังน้ำมันทำจากอลูมีเนียมน้ำหนักเบา ความจุ 17 ลิตร

ท่านั่ง
2017 YZF-R6 นั้นแม้เบาะจะสูงถึง 850 มม.

แต่เบาะนั่งที่แคบลงถึง 20 มม. และแบนราบขึ้น จึงทำให้ผู้เขียนซึ่งมีส่วนสูง 174 ซม. วางเท้าได้เหยียดตรงพอดีเต็มฝ่าเท้า

ขณะที่ตำแหน่งแฮนด์นั้น เรียกได้ว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เอาใจสายหมอบโดยเฉพาะ มันดูเป็นรถที่เตี้ยที่สุดคันหนึ่งที่ผู้เขียนได้เคยสัมผัส และดูจะเตี้ยกว่า YZF-R1 เสียอีก

ซึ่งท่านั่งดูจะให้ความกระชับได้ดีในการหมอบขี่บนทางตรง เข่าเหน็บถัง และศอกหนีบถังได้โดยสะดวก

แต่ก็อาจเป็นอุปสรรคหากต้องขี่ Touring ไกลๆ ได้มีเมื่อยหลังอย่างแน่นอน รวมไปถึงการหักเลี้ยวในวงแคบซึ่งดูจะลำบากหน่อยกับแฮนด์ที่เตี้ยมากเช่นนี้

สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ได้มีสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก ได้มาร่วมทดสอบในสนามช้างฯ นี้ ทำให้ต้องมีการจัด Slot เวลาในการแบ่งกลุ่มขี่ถึง 8 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน มีรถทดสอบ 5 คัน (Tmax, R6, MT-09 Tracer, MT-09, MT-10) จึงน่าเสียดายที่จะได้ขี่กันเพียงแค่คันละ 2 รอบเท่านั้น (ผ่านหน้าเส้นชัยเพียงแค่ รอบเดียว)

เครื่องยนต์
2017 YZF-R6 นั้นใช้เครื่องยนต์ความจุ 599cc 4 สูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปรับปรุงจากโฉมเดิม
กำลังอัดอยู่ที่ 13.1:1 พร้อมพัฒนาให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 (สำหรับตัวนี้ยังไม่ใช้แคร้งแบบ CP4 อย่างที่ใช้ใน YZF-R1 ใหม่)
มีกำลัง 118.4 PS @14,500rpm แรงบิด 61.7 Nm@10,500rpm

ควบคุมกำลังด้วยคันเร่งไฟฟ้า YCC-T พร้อมโหมดขับขี่ D Mode 3 แบบ ให้เลือกปรับ
A (แรงสุด), STD และ B (เบาสุดสำหรับขับขี่ขณะพื้นเปียก)
และยังปรับ TCS ได้ 6 ระดับ
นอกจากนี้ยังมี Quick Shifter ของที่ขาดไม่ได้สำหรับสายซิ่งสับเกียร์ไม่ยกคันเร่ง และ เทคโนโลยี Assist & Slipper Clutch ช่วยเบาแรงน้ำหนักนิ้วมือ

เริ่มออกตัว กำคลัทช์น้ำหนักเบามือ แต่ไม่ถึงกับนิ่มมากนัก เปิดคันเร่งออกตัวแน่นอนว่ารถ 4 สูบ พิกัดขนาดกลาง ให้ความสมูทของคันเร่งเป็นอย่างดี อีกทั้งคันเร่งไฟฟ้า ที่ดูจะตอบสนองได้ค่อนข้างดีทันใจติดมือ แต่ไม่เสียจังหวะ จึงดูให้การควบคุมคันเร่งที่ง่าย

ด้วยสไตล์เครื่องที่เน้นรอบจัดจ้านระดับ 10,000rpm + เช่นนี้ เรี่ยวแรงรอบต้นจะไม่มีทอร์คมาให้ใช้มากนัก ไม่ดึงหนัก ไม่หวือหวา (หากคุณพึ่งโดดมาขี่เจ้า R6 นี้ ต่อจากคันก่อนหน้าอย่าง MT-09)

แต่เมื่อเปิดคันเร่งจนรอบเครื่องเข้าสู่ย่านกลาง (8,000rpm+) เสียงเครื่องยนต์ในสไตล์ที่หวานนุ่มลื่นหู ก็ดังเข้ามาในโสตประสาทให้เร้าใจ ตัวรถเริ่มพุ่งทะยานดึงหนักขึ้นอีกหน่อย สำหรับรถ Supersport สายสนามที่รอบจัดเช่นนี้ คุณต้องลากรอบไปเกิน 12,000rpm + จะเริ่มได้ยินเสียงที่แหลมที่แผดดังบาดใจ ยิ่งขึ้น และแรงดึงที่ดุดันมากขึ้นให้ได้สัมผัสกันมากขึ้น มาแบบสมูทเรียบๆ แต่แอบแรง! เตะเกียร์เลยโดยไม่ต้องผ่อนคันเร่ง Quick Shift ตอบสนองได้ดีไม่มีกระตุก เดินคันเร่งต่อได้เนียนสมูท

ผู้เขียนสังเกตุได้นิดหนึ่งว่าถ้าจะสับเกียร์ให้กำลังถ่ายทอดมาอย่างเต็มๆ ต่อเนื่องนั้นดูจะต้องสับในช่วงราวๆ 16,000rpm เพื่อให้เกียร์ต่อมายังอยู่ในช่วง Power Band พร้อมส่งกำลังต่อเนื่อง

สุดทางตรงสนามช้างฯ ผู้เขียนได้ความเร็วที่ราว 230 กม./ชม. ก่อนที่จะต้องเบรกหนัก Shift Down เกียร์เพื่อเข้าโค้ง 3
น่าเสียดายที่ได้กดเต็มๆ เพียงรอบเดียวก็ต้องเข้า Pit แล้ว จึงไม่มีโอกาสแก้ตัวได้ไล่เกียร์ใหม่ พร้อมสัมผัสการทำงานของ Quick Shifter ในช่วงเข้า Redline ราวๆ 18,000rpm

ระบบกันสะเทือน
2017 YZF-R6 ใช้โช้กหน้าหัวกลับ KYB ขนาดแกน 43 มม. ที่ยกมาจาก YZF-R1 สามารถปรับ Preload, Rebound Compression ได้จากแกนโช้กด้านบน

โช้กหลังเดี่ยว KYB พร้อมกระปุก Piggy Back

ุการควบคุมรถนั้นพบว่า ช่วงเฟรมท้ายของรถที่เพรียวบางและถังน้ำมันที่ดูไม่เทอะทะ กระชับท่อนขา จึงทำให้การพลิกโค้งทำได้ง่ายคล่องตัว และรถดูน้ำหนักเบาไปในทันที

ขณะที่ระบบกันสะเทือนนั้น การทดสอบในสนามนี้พบว่ามันแข็งแน่นเฟิร์ม กับการขี่ในสนามที่ผิว Track ค่อนข้างดีอย่างสนามช้างฯ ซึ่งผู้เขียนยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบช่วง Damping หนักๆ ซึ่งหากขี่ออกถนน หรือ Track ที่ผิวไม่ราบเรียบ น่าจะได้สัมผัสอาการกระด้าง หรือ การซับแรงของรถได้มากกว่านี้

อย่างไรก็ดีขอบคุณที่ตำแหน่งท่านั่งสุดเตี้ยจึงทำให้ด้านหน้ารถมีความมั่นคงสูง แม้ความเร็วระดับ 230 กม./ชม. เมื่อเบรกหนักช่วงล่างยุบตัวได้ค่อนข้างกระชับ ก่อนที่โช้กจะคลายตัว ซึ่งฟีลลิ่งที่ได้ ดูจะทำให้ผู้ขี่สามารถเปิดคันเร่งหนัก ออกจากโค้งได้อย่างมั่นคง

ระบบเบรก ABS
ด้านหน้าจานดิสก์คู่ขนาด 320 มม. พร้อมคาลิปเปอร์แบบ Radial Mount 4 สูบ ของ Advics (ปั๊มตราดาว)

เบรกหลังจานเดี่ยวขนาด 220 มม. ปั๊มเบรก Nissin 1 ลูกสูบ

การใช้งานเบรกนั้น ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีในระดับที่ควรจะเป็น เพียงพอกับรถ Supersport พิกัดขนาดกลาง
จังหวะเบรกมีน้ำหนักที่ดูหนักแน่น แม้ฟีลลิ่งจะยังไม่จิกมือเท่ากับรุ่นพี่นัก

ในช่วงสุดทางตรงผู้เขียนได้เบรกหนักๆ พบว่า ABS ที่ล้อหลัง ทำงานได้ไวไปนิด แอบเสียดายที่ปิด ABS ไม่ได้

สรุป 2017 Yamaha YZF-R6 ใหม่ ถือเป็นรถ Supersport คันแรก สำหรับคนไทย หลังจากที่หลายคนรอคอยการมาของรถคลาสนี้กันอย่างยาวนาน Yamaha ได้เลือกที่จะทำตลาดเป็นเจ้าแรกในไทยเนื่องจาได้อานิสงค์ของ Euro4

ด้วยรูปลักษณ์สุดหล่อ เทคโนโลยีที่ควรจะมีใส่มาให้ครบ จึงทำให้ยอดจองที่ผ่านมาในช่วง Motor Show 2017 ถือได้ว่ากระแสตอบรับดีเยี่ยม

ขณะที่สไตล์ของตัวรถ ต้องบอกว่ามันเกิดมาเพื่อเป็นสายสนามโดยเฉพาะ หากคุณเน้นจะซื้อมาเพื่อขี่ Track Day ชอบ Racing เป็นจิตใจ พลิกโค้งคอนโทรลง่าย น้ำหนักเบา และเป็นสายลากรอบแล้วล่ะ YZF-R6 นี่ล่ะใช่เลย

แต่ถ้าคุณกะเอามาขี่หล่อๆ ใช้งานในชีวิตประจำวัน ก็ต้องทนเมื่อยกันหน่อยกับท่านั่งหมอบเตี้ยเรี่ยดิน และการออกตัวที่รอบต่ำ อาจจะไม่มีทอร์คให้ใช้งานทันใจนัก เพราะต้องเค้นรอบรีดกำลังพอสมควร

จุดเด่น