รีวิว Benelli TRK251 แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งไบค์ทางเลือกใหม่สำหรับนักบิด "เริ่มเที่ยว"

ย้อนไปเมื่อปลายปีก่อนทาง Benelli Thailand ได้มีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่หลากหลายรุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้า Benelli TRK251 รถมอเตอร์ไซค์แนวแอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งไบค์รุ่นเล็กที่หลายๆคนกำลังจับตามองว่ามันจะตอบโจทย์การใช้งานในเชิงท่องเที่ยวแบบนี้ได้ดีแค่ไหน ทั้งๆที่ความจุเครื่องยนต์ของมันก็มีแค่เพียง 1/4 ลิตรเท่านั้น ดังนั้น มาชม รีวิว Benelli TRK251 กันเลยครับ

เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกของมันที่จะเห็นได้ว่าเจ้า TRK251 นั้น เปรียบเสมือนกับ TRK502 ที่ถูกย่อส่วนลงมาให้มีความเพรียวบางลงตั้งแต่หัวจรดท้าย ทว่ายังคงเส้นสายที่เน้นความเป็นมัดกล้ามบึกบนไว้เช่นเดิมฉบับ “TRK”

และถ้าเจาะลึกลงไปอีกนิดตรงชุดหน้า ก็จะพบกับชุดวินชิลด์ทรงสูงขนาดด้านกว้างกำลังพอเหมาะ ซึ่งช่วยป้องกันลมปะทะกับตัวผู้ขี่ได้ดี นอกจากนี้ถ้าสังเกตก็จะเห็นได้ว่าบาร์ด้านหลังของมันนั้นสามารถทำเป็นที่จับขายึด GPS หรือโทรศัพท์ได้ด้วย

ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED โคมโปรเจกเตอร์คู่ ไฟต่ำอยู่ด้านซ้าย ไฟสูงอยู่ด้านขวา มาพร้อมแถบไฟ DRL ด้านบน ดีไซน์โคมภาพรวมคล้ายกับเอาโคมไฟหน้าของพี่ใหญ่ TRK502 มาย่อส่วนให้กระทัดรัดลง

ไฟเลี้ยวข้างหน้าเป็นแบบแถบ LED ขนาดใหญ่ ฝั่งอยู่ข้างกาบแฟริ่งข้างหม้อน้ำ

ไฟท้าย LED เช่นกัน ทำโคมทรง 6 เหลี่ยม ขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยว LED เช่นกัน ฝั่งละ 3 ดวง

มาตรวัดฟูลดิจิตอล แสดงผลครบครัน ทั้งวัดรอบ, ความเร็ว, ตำแหน่งเกียร์, ระยะทางรวม (ODO), ระยะทางทริป (A/B), เวลา, ระดับน้ำมัน, และสเกลอุณหภูมิเครื่องยนต์

ชุดสวิทช์ฝั่งซ้ายให้มาครบครันทั้ง ปรับไฟสูง/ต่ำ, ไฟเลี้ยว, แตร, และไฟขอทาง (Pass)

ชุดสวิทช์ฝั่งขวาเองก็ครบถ้วนเช่นกันเพราะมีทั้ง Off-Run, สตาร์ท, และผ่าหมาก

ก้านเบรกปรับระยะได้ 4 ระดับ (ส่วนฝั่งคลัทช์ปรับไม่ได้)

ถังน้ำมันขนาดใหญ่ แต่ไม่เทอะทะจนเกินไปให้ความจุมาที่ 18 ลิตร

มีพอร์ท USB มาให้สำหรับเสียบสายชาร์จโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์จำพวก GPS นำทาง

กุญแจแบบพับเก็บได้ดูสวยงาม

เบาะนั่งเป็นแบบ 2 ตอน บุโฟมมาค่อนข้างหนาทั้งฝั่งผู้ขี่และผู้ซ้อน

กันดีดขนาดกำลังดีติดตั้งไว้กับสวิงอาร์มด้วยขายึดฝั่งเดียวขนาดใหญ่ ดูแข็งแรงทนทาน

ท่อไอเสียทรงคล้ายกับท่อแต่ง ทำสีออกคล้ายๆไทเทเนียมนิดๆ ทั้งที่จริงเป็นวัสดุสแตนเลส ดูสวยงาม

ชุดล้อเป็นแบบอัลลอยด์หล่อขึ้นรูป 12 ก้าน รัดด้วยยางกึ่งหนาม (ยางเทรลที่รองรับการใช้งาน ออนโรด กับ ออฟโรด แบบ 50/50) โดยด้านหน้าจะใช้ยางไซส์ 100/80-R17 ด้านหลัง 130/70-17 ซึ่งการยึดเกาะของตัวยางนั้น สามารถเบรก, เลี้ยว, เร็วบนทางดำได้ดีระดับหนึ่ง หรือถ้าจะเอาไปลุยบุกตะกรุยฝุ่นก็ทำได้หายห่วง

มิติตัวรถ
– ยาว x กว้าง x สูง : 2,100 x 840 (ไม่รวมกระจก) x 1,320 (ไม่รวมกระจก) มิลลิเมตร
– ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 835 มิลลิเมตร

– ความสูงใต้ท้องรถ : 170 มิลลิเมตร
– ระยะห่างล้อ : 1,380 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก(แห้ง) : 173 กิโลกรัม

ส่วนท่านั่งและความคล่องตัว คงต้องเริ่มจากความสูงเบาะ 835 มิลลิเมตรที่อาจจะดูสูงไปสักนิด จนทำให้พอผู้ทดสอบที่สูง 168 เซนติเมตรขึ้นคร่อมแล้ว ไม่สามารถวางเท้าได้เต็มฝ่าเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเอาเท้าขึ้นฝั่งนึงแล้วเอียงตัวนิดหน่อยก็เอาเท้าลงได้เต็มแล้ว ขณะที่พอนั่งเอาเท้าขึ้นมาเหยียบบนที่พัก ส่วนตัวผู้ขี่มองว่าทาง Benelli ออกแบบมาค่อนข้างต่ำ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถนั่งขี่ได้สบาย ใช้งานในเชิงทัวร์ริ่งได้ดี ส่วนข้อสังเกตคืออาจจะรู้สึกช่วงต้นขาไม่กระชับกับถังน้ำมันเท่าไหร่แทน (ก็แลกๆกันไปครับ)

ด้านลำตัวช่วงบนด้วยแฮนด์บาร์กว้างและสูงตามฉบับรถแอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่ง จัดตำแหน่งคล้ายพี่ใหญ่ TRK502/TRK502X คือนั่งหลังตรง ตำแหน่งข้อมือสูงกว่าศอกเล็กน้อย โดยรวมเมื่อรวมกับตำแหน่งเบาะนั่งกับพักเท้าแล้วช่วยให้นั่งขี่ได้สบาย หรือจะออกแอคชันเวลาขี่ลุยๆก็ทำได้เช่นกันด้วยท่ายืน เนื่องจากลำตัวไม่ต้องก้มลงเท่าไหร่นัก

ทีนี้หากถามต่อว่า แล้วแฮนด์บาร์ที่กว้างออกมานั้นมีผลในเรื่องการมุดช่วงรถติดๆหรือไม่ ? ตอบตรงๆเลยว่ามี แต่ก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่นัก เนื่องจากความสูงของแฮนด์ที่ Benelli ออกแบบไว้ ดันพ้นช่วงบนของกระจกมองข้างรถยนต์นั่ง(รถเก๋ง)ได้พอดีๆ ถ้าเคยชินแล้วกะระยะซ้าย/ขวาได้สามารถขี่แทรกผ่านข้ามไปเลยโดยไม่ต้องหักแฮนด์หลบ (แต่ถ้าเจอรถกระบะยกสูง/SUV/PPV/รถตู้ที่ใช้กระจกมองข้างบานใหญ่ ก็อาจจะต้องมีหักหลบเล็กน้อยเท่านั้น) ส่วนความกว้างของตัวรถแทบไม่ต้องพะวงเลยครับ เพราะมันอยู่กึ่งกลางระหว่างรถสปอร์ตสกูตเตอร์กับพรีเมียมสกูตเตอร์พอดีๆนั่นเอง

เสริมอีกนิดในส่วนของเบาะนั่งผู้ซ้อน ด้วยความที่เบาะนั่งด้านหลังของ TRK251 นั้นบุมาค่อนข้างหนา และกว้างพอสมควร รวมถึงวางองศามาแบบไม่ชันเท่าไหร่นัก ทำให้ผู้ซ้อนหายห่วงได้เลยเรื่องความเมื่อยล้าของบั้นท้าย ติดแค่เรื่องเดียวคือความสูงที่หากนั่งแล้วอาจจะหวิวๆสักหน่อย แต่ถ้าปรับตัวได้ก็หายห่วงครับ

ด้านเครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดียว 249cc แคมคู่ (DOHC) 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ เคลมกำลังสูงสุดไว้ที่ 25.48 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 21 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบ/นาที โดยรวมมีกำลังให้เรียกตั้งแต่รอบต่ำ และจะติดมือยิ่งขึ้นในช่วง 6,000 รอบ/นาทีขึ้นไป แล้วไหลขึ้นจนแตะเรดไลน์ที่ 10,000 รอบ/นาที ได้ไวมากโดยเฉพาะช่วงเกียร์ 1-5 แต่ส่วนตัวผู้ทดสอบรู้สึกตัดไวไปนิดเนื่องจากพ้นช่วงแรงม้าสูงสุดมาแค่ 750 รอบ/นาที ทำให้รู้สึกว่าในแต่ละเกียร์เครื่องรถน่าจะปั่นรอบไปต่อได้มากกว่านี้อีก แต่ดันโดนกล่อง ECU ตัดก่อนเสียอย่างนั้น (กำลังเครื่องยังไม่ทันตกเลย)

ส่วนช่วงความเร็วที่เหมาะสำหรับการเดินทาง ของ TRK251 คันนี้ จริงๆก็ถือว่ากว้างพอประมาณ เพราะมีกำลังให้เร่งเซงในหลายย่านความเร็วตั้งแต่ช่วง 110 – 130 กิโลเมตร/ชั่งโมง และรอบเครื่องยังเหลือ ไม่รู้สึกว่าทรมานเครื่องเท่าไหร่นัก หรือจะขี่ที่ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ยังไหว เพราะกำลังเครื่องใต่ขึ้นได้สบายๆ

ขณะที่ความเร็วสูงสุดที่เราทำได้คือ 157 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามเรือนไมล์ แต่ถ้าวัดจาก GPS ก็จะได้ 144 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเพี้ยนในระดับที่ยอมรับได้ (ถ้าเรือนไมล์ขึ้น 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง GPS จะขึ้น 92 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือเพี้ยนราวๆ 8%)

ด้านอัตราสิ้นเปลืองแม้ทาง Benelli จะเคลมไว้ว่า TRK251 กินน้ำมันราวๆ 24.4 กิโลเมตร/ลิตร แต่จากการใช้งานจริงผู้ทดสอบสามารถทำได้ที่ราวๆ 28-29 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งๆที่ไม่ได้ขี่แบบตั้งใจประหยัดขนาดนั้น (ส่วนใหญ่ออกจะขี่แบบมือหนักด้วยซ้ำ) ซึ่งถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก และเมื่อประกอบกับขนาดถังน้ำมันที่จุได้ 18 ลิตรแล้ว มันจึงสามารถรองรับการใช้งานเพื่อเดินทางได้ใกลถึง 500 กิโลเมตร/ถัง เลยทีเดียว (แต่ถ้าเอาเซฟๆ เผื่อฉุกเฉินขี่ไปซัก 400 กว่ากิโลเมตรก็เติมได้เลยครับ เพราะในที่กันดารจริงๆปั๊มน้ำมันไม่ได้ตั้งถี่ขนาดนั้น)

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับ ขนาดแกน 41 มิลลิเมตร ช่วงยุบ 120 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร ดังนั้นจึงหายห่วงหากต้องนำไปปีนป่ายอุปสรรคต่างๆ แล้วในช่วงขาลงโช้กจะมีอาการยันหรือไม่ ส่วนความหนืดในการยืดยุบนั้น เน้นไปที่ความเฟิร์มเพื่อเน้นการใช้งานบนทางดำเป็นหลักมากกว่า ทำให้ยังไม่สามารถนำไปรูดดินแดงได้จ๋าขนาดนั้น เพราะโช้กไม่สามารถซับแรงกระแทกในระดับ “หลุมหรือเนินลึกๆ” ได้หมดจดขนาดนั้นถ้าขี่มาเร็วๆ ยังไงก็ต้องคลานไต่อุปสรรคไปเรื่อยๆอยู่ดี

ด้านหลังเป็นแบบโมโนช็อค ปรับเซ็ทพรีโหลดได้ด้วยการขันสตรัท มีช่วงยุบ 51 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มโครงเหล็ก เซ็ทความแข็ง และอัตราการยืดยุบไม่ต่างจากโช้กหน้ามากนัก ทำให้หากใช้งานบนทางดำแล้ว เวลาพลิกโค้งหรือซอกแซก ตัวรถจะค่อนข้างให้ความมั่นใจกับผู้ขี่ได้ดีพอสมควร (ถ้าไม่ห่วงเรื่องยางที่เป็นแบบเทรล) ส่วนการบุกตะลุยด้วยความรวดเร็วก้ไม่ต่างจากโช้กหน้าครับ

ตัวระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เดี่ยว ขนาด 280 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท มี ABS เผื่อฉุกเฉินมาให้เรียบร้อย สามารถไล่น้ำหนักเบรกในการทำงานได้ดี แต่ก้านเบรกแม้จะตั้งระยะต่ำสุดก็ยังรู้สึกไกลมือไปนิด ประกอบกับน้ำหนักปั๊มค่อนข้างสู้มือ ทำให้ต้องใช้แรงนิ้วในการกดพอประมาณเบรกถึงจะทำงานตามสั่ง (นอกจากนี้ผู้ทดสอบยัังแอบเห็นว่าดุมล้อกับกระบอกโช้กอีกฝั่งมีจุดไว้สำหรับยึดจานเบรกและคาลิปเปอร์ด้วย ดังนั้นถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากแปลงใส่ดิสก์คู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นักแค่เบิกอะไหล่มาแล้วทำสายเบรกใหม่ก็จบแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนล้อเปลี่ยนโช้กให้วุ่นวายงบบาน)

ขณะที่เบรกหลัง ก็จะเป็นจานเดี่ยวเช่นกันแต่ให้ขนาดเล็กกว่าคือ 240 มิลลิเมตร (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ) ทำงานร่วมกับปั๊มโฟลทติ้งเมาท์ สูบเดียวขนาดใหญ่ และตัว ABS ที่ให้มาก็ทำงานแยกกันกับล้อหน้า ฟีลลิ่งขั้นต้นค่อนข้างนิ่มนวล และปั๊มจับจานได้ค่อนข้างดี ทว่าระยะฟรีมากไปหน่อย เลยต้องกดเท้าลึกเบรกถึงจะทำงาน ส่วนนึงผู้ทดสอบมองว่าเป็นเพราะตัวยางรองพักเท้าที่ให้มา ถ้าถอดออกระดับก้านเบรกเท้ากับพักเท้าน่าจะอยุ่ในตำแหน่งที่พอดี หรือไม่เช่นนั้นเพื่อนๆจะตั้งระยะก้านเบรกใหม่ก็ได้นะครับ ขันน็อตไม่กี่จุดก็ทำได้แล้ว)

สรุป รีวิว Benelli TRK251 ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวแอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งไบค์ที่เหมาะอย่างมากสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากจะเดินทางสายนี้ เนื่องด้วยรูปทรงภายนอก, ลักษณะท่านั่ง, และการเซ็ทติ้งช่วงล่าง ที่สามารถใช้เดินทางได้ดี ขณะที่เครื่องยนต์เองแม้จะเป็นสูบเดียวและมีพิกัดเพียง 250cc แต่ในภาพรวมเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอและตอบโจทย์สำหรับการใช้งานเชิงทัวร์ริ่งระดับบีกินเนอร์แล้ว

ดังนั้นเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวที่ตั้งไว้ 113,000 บาท จึงถือว่าคุ้มค่าอย่างมากกับสิ่งที่ติดรถมา หรือหากอยากจัดเต็มยิ่งขึ้นทาง Benelli ก็มี TRK251 รุ่นติดตั้งปี๊บอลูมิเนียม 3 ใบตั้งแต่ออกจากโรงงานให้ลูกค้าได้เลือกซื้อด้วย ในราคาเพียง 129,000 บาทเท่านั้น โดยตัวรถแอดเวนเจอร์ไบค์รุ่นนี้จะมีสีให้เลือก 2 เฉดด้วยกันได้แก่สี Glossy Black หรือสีดำที่เราเอามาเป็นนายแบบและรีวิวครั้งนี้ กับสี Glossy White หรือสีขาว ซึ่งหากเพื่อนๆสนใจก็เชิญรับชมตัวรถของจริงที่ศูนย์บริการ Benelli Thailand ทั่วไปเทศได้เลยครับ