สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ทีมงาน MotoRival เราจะขอมา รีวิว CF Moto 250 NK /ABS รถแบรนด์น้องใหม่ ในประเทศไทย ที่ถูกเผยโฉมครั้งแรกแบบ Pre Launch ไปในไทย เมื่อช่วงงาน Motor Show 2018 ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่่ผ่านมา บริษัท ไดนามิค มอเตอร์ ได้จัดกิจกรรมทดสอบ CF Moto 250 NK /ABS ใหม่ ขึ้นมาครั้งแรกในประเทศไทย ณ สนามพีระฯ เซอร์กิต
ก่อนอื่นเลย CF Moto 250 NK มาด้วยกัน 2 รุ่น คือ ABS มี 2 สี ดำ-ทอง และเงิน ราคา 95,500 บาท
ขณะที่ STD มี 2 สี แดง และ น้ำเงิน ราคา 87,500 บาท
เริ่มจากดีไซน์ภายนอก
ถ้ามองเจ้า 250 NK แบบเผินๆ แล้วอาจจะดูคล้ายๆ กับ Naked Bike แบรนด์ค่ายส้ม ซึ่งความจริงแล้วนั้น ทาง CF Moto ได้ให้ทาง KISKA สำนักออกแบบชื่อดังของยุโรป ที่ดีไซน์ให้กับทางค่ายออสเตรีย เป็นผู้ออกแบบให้
สำหรับในส่วนของไฟหน้านั้นเป็นแบบ Full LED ประกอบไปด้วยไฟ DRL, ไฟต่ำ, ไฟสูง มีแผ่นบังเรือนไมล์ขนาดเล็ก
ไฟท้ายเป็นไฟแบบ LED เช่นเดียวกับไฟเลี้ยว พร้อมบั้นท้ายโล่งในแบบที่ผู้รักความสปอร์ตชื่นชอบ
ขณะที่ขายึดทะเบียน และตัวบังโคลนถูกยกลงมาติดบนสวิงอาร์ม ซึ่งใช้เป็นพลาสติกที่แข็งแรง
ตัวเบาะนั่งวัสดุโฟม ค่อนข้างนิ่ม นั่งสบาย ตัวเบาะท้าย แยกตอนในแบบรถสปอร์ต
ชุดแฟริ่งครอบถังน้ำมันดูกว้างมีมิติ
และมีชิ้นปีกแฟริ่งอีกชั้น ซึ่งครอบปิดบริเวณหม้อน้ำ ทำให้ดูสวยงาม
ชุดพลาสติกแฟริ่ง มีสติกเกอร์ และลวดลายเคฟล่า
ตัวเฟรมเป็นแบบเฟรมถัก วัสดุเป็นแท่งเหล็กหล่อ
เช่นเดียวกันตัวสวิงอาร์ม ที่มีดีไซน์รับกันกับตัวเฟรม
ชุดมาตรวัดเป็นจอสี TFT (รุ่น ABS)
เป็นจอแบบ Auto Contrast ปรับสีตามกลางวัน กลางคืน พร้อมปรับความสว่างจอได้
มี Interface แสดงผล 2 แบบ
Sport Mode และ Rain Mode
โดยมีรายละเอียดบอกความเร็วเป็นตัวเลข วัดรอบเครื่องเป็นสเกลสีส้มในช่วง 8,500-10,000 rpm (เตือนให้เปลี่ยนเกียร์)
และ Redline 10,000rpm+ เป็นสีแดง
ข้อมูลแสดงผลอื่นๆ ได้แก่ Odo, Trip, อุณหภูมิเครื่อง, วัด Volt Battery, นาฬิกา, ระดับน้ำมันคงเหลือ เลขบอกตำแหน่งเกียร์
ชุดมาตรวัดจอดิจิตอล LCD (รุ่น STD)
แสดงรายละเอียดเหมือนกับรุ่น ABS แต่ เมื่อกดปุ่มปรับโหมด จะเป็น S (Sport) และ E (Eco)
ชุดสวิทช์ไฟ
ด้านซ้าย มีปุ่มไฟต่ำ/สูง, ไฟ Pass, ปุ่ม Mode ปุ่มแตร, ไฟเลี้ยว (ปุ่ม Mode กับแตรใกล้กัน จนอาจทำให้กดปุ่มผิดได้)
ด้านขวา มีปุ่มสตาร์ทซึ่งใช้ดันนิ้วเลื่อนลง สไตล์แบบรถยุโรป, ปุ่มไฟ Hazard, ปุ่มเปิดปิดชุดไฟรถ
ท่อไอเสียออกใต้ท้องดีไซน์แบบพิมพ์นิยม
ตัวล้อเป็นล้ออัลลอยขอบ 17″ รูปดาวห้าแฉก สวมยางไซส์ 110/70/R17 ด้านหน้า และ 140/60/R17 ด้านหลัง
มิติรถ
กว้าง xยาว xสูง = 1,990x780x1,070 มม.
ฐานล้อ 1,360 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 795 มม.
ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง 150 มม.
น้าหนักตัวรถไม่รวมน้ามันเชื้อเพลิง 152 ก.ก. (ABS) 151 (Non ABS)
ขนาดถังน้ำมัน 12.5 ลิตร
ท่านั่ง
เริ่มจากเบาะนั่งที่ทาง CF Moto ออกแบบมาไว้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะความสูงเบาะที่ให้มาระดับ 795 มิลลิเมตร ถือว่ามีความเป็นมิตรกับตัวผู้ขี่ที่มีส่วนสูงระดับกลางขึ้นไป (สูงเกิน 165 เซนติเมตรขึ้นไป) สามารถวางอุ้งเท้าทั้งสองเข้าซ้าย/ขวาได้พอดี ขนาดเบาะช่วงหลังมีความกว้างและนุ่มสามารถรองรับบั้นท้ายผู้ขี่อย่างพอเหมาะ ส่วนช่วงเบาะด้านหน้าที่ติดกับถังน้ำมันมีการออกแบบให้แคบลงส่งผลให้ผู้ขี่สามารถใช้ขาหนีบถึงได้กระชับ ขณะที่ตัวพักเท้าเองก็วางตำแหน่งไว้ไม่ถอยไปด้านหลังหรือด้านหน้ามากเกินไป ความสูงก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม คืออาจจะดูต่ำไปนิดหน่อยจนต้องพะวงว่าเซนเซอร์จะขูดพื้นง่ายไปมั้ยอยู่บ้าง แต่ถ้ามองในมุมของท่านั่งตอนตั้งตรงก็จัดว่ากำลังดี
และในส่วนของท่านั่งท่อนบน สำหรับตัวแฮนด์บาร์ติดรถที่ให้มาถือว่ากว้างไม่มากไม่น้อยจนเกินไป โดยที่ความสูงก็อยู่ในระดับต่ำกว่าศอกนิดหน่อย และระยะห่างจากตัวผู้ขี่ก็ไม่ได้ไกลจากตัวมากมายนักจนสามารถนั่งหลังตรงได้สบายๆ อันเป็นมาตรฐานของรถมอเตอร์ไซค์แนว Street/Sport Naked อยู่แล้ว จะมีจุดให้ติงเล็กน้อยก็ตรงที่องศาการงุ้มของแฮนด์ที่นอกจากจะหักเข้ามาอย่างเดียวไม่พอ มันยังหักสูงขึ้นราวกับเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวซุปเปอร์โมโต ซึ่งพอมาเจอกับบททดสอบในสนามที่ต้องเบรกหนักๆแบบนี้ ก็จะทำให้เกิดความปวดเมื่อยบริเวณข้อมือมากกว่าปกติแทน แต่ถ้ามองกลับกันการออกแบบแฮนด์แนวนี้จะช่วยให้การพลิกรถไปมาเพื่อมุดช่องจราจรต่างๆทำได้ง่ายมากๆ ดังนั้นก็คงอยู่ที่เพื่อนๆแหล่ะครับว่าจะมองในมุมไหน
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์สูบเดียว ขนาดความจุ 249.2cc DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ควบคุมการสั่งการทั้งหมดด้วยกล่อง ECU จาก BOSCH ทำกำลังได้สูงสุด 26.14 แรงม้า (HP) ที่ 9,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดอีก 22 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบ/นาที ระบบคลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่น พร้อมชุดเกียร์ 6 สปีด
ในที่สุดก็มาถึงเรื่องของเครื่องยนต์ซึ่งเพื่อนๆหลายคนคงสงสัยไม่น้อยว่ามันจะทำงานได้ดีสมกับปริมาตรซีซีที่ให้มาหรือไม่ ซึ่งเราต้องเรียนกันตามตรง ณ จุดนี้เลยว่า “ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ” เพราะในภาพรวมถือว่าเครื่องยนต์สามารถทำงานได้ดีในทุกย่านกำลังโดยเฉพาะช่วงรอบต่ำ-กลางที่สามารถสัมผัสถึงแรงบิดสูงสุดจำนวน 22 นิวตันเมตรของมันได้ชัดเจน และเมื่อบวกกับอัตราทดเกียร์ช่วงต้นที่ค่อนข้างจัด จึงทำให้หลายครั้งในช่วงจังหวะออกตัว ผู้ทดสอบพบว่าตัวรถมีอาการหน้าเบาเพราะล้อเหินขึ้นได้ง่ายมาก แถมยังเหินยาวอยู่อย่างนั้นจนเข้าสู่ช่วงปลายเกียร์ 2 เลยทีเดียว
ด้านอัตราเร่งในจังหวะช่วงความเร็วกลาง-ปลาย ซึ่งจะสัมผัสได้ตอนที่ต้องเทคตัวออกจากโค้ง เราพบว่าอาจจะต้องเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมซักหน่อย โดยเฉพาะจากเกียร์ 4 ไป เกียร์ 5 ที่ค่อนข้างห่าง จึงทำให้ตัวรถมีอาการหน่วงเล็กน้อยถ้าไม่เปิดคันเร่งตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วนช่วงความเร็วสูงๆอาจจะมีอาการตื้อบ้างเล็กน้อย แต่ก็เป็นปกติของรถสูบเดียว และถือว่าไม่น่าแปลกใจกับแรงม้าที่ให้มา 26 ตัว ที่มาตั้งแต่ 9,000 รอบ/นาที
ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นไม่สามารถวัดได้เนื่องจากทางตรงของสนามที่ใช้ทดสอบยาวไม่พอ แต่อย่างน้อยๆเราก็สามารถยืนยันได้ว่าเพื่อนๆจะต้องเห็นเลขความเร็วหลัก 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนหน้าจอมาตรวัดของมันแน่นอน
ช่วงล่าง
ด้านหน้า โช้กหัวกลับ Up Side Down ทำงานร่วมกับล้ออัลลอยด์ขอบ 17 นิ้ว หน้ากว้าง 3.5 นิ้ว รัดด้วยยางไซส์ 110/70-17
ด้านหลัง โมโนช็อก ปรับแข็ง/อ่อนสปริงได้ ด้วยการขันสตรัท ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มเหล็กถัก ทำงานร่วมกับล้ออัลลอยด์ขอบ 17 นิ้ว หน้ากว้าง 4 นิ้ว รัดด้วยยางไซส์ 140/60-17
สำหรับการทำงานในส่วนของระบบกันสะเทือน เราคงต้องแยกเป็นสองโจทย์ด้วยกัน คือ ถ้ามองเป็นโจทย์สนามที่ต้องใช้ความเร็วสูงๆ (ตามที่ทาง CF Moto ให้เราเอามาทดสอบ) ต้องบอกว่าช่วงล่างของเจ้า 250NK ตัวนี้ ในตอนที่ต้องเบรกหนักๆไม่มีอะไรต้องติง เพราะโช้กหัวกลับด้านหน้าทำงานได้ค่อนข้างดี คืออาจจะยุบตัวเร็วไปนิด แต่ก็ถือว่ามั่นคง
แต่ตัวโช้กหลัง มีความแข็งและหนืดที่น้อยไปนิดจนทำให้บางครั้งตัวรถจะมีอาการท้ายโยกขึ้นลง หรือ ย้วย เมื่อต้องออกโค้งแรงๆ ซึ่งเอาจริงๆเราก็สามารถปรับเซ็ทแก้เรื่องตรงนี้ได้ด้วยการขันปรับสตรัทโช้กด้านหลัง และถ้าหากเอียงรถเยอะๆ ในหลายๆครั้งอาจจะมีการพบว่าตัวรถไถลออกไปหน่อยๆบ้าง แต่ในจุดนี้เรามองว่าเป็นเพราะหน้ายางติดรถที่ให้มาไม่สมส่วน(เล็กไป) กับขอบล้อมากกว่าเลยหมดไวไปนิด จึงไม่ใช่จุดที่ต้องติงอะไร
ดังนั้นด้วยการเซ็ทอัพแบบนี้ ถ้าหากมองในมุมการใช้งานชีวิตประจำวัน ตัวรถน่าจะให้ความกระฉับกระเฉงตอนพลิกเลี้ยวไปมาได้ดีเลยทีเดียว เพราะนอกจากการหวดรถรวดเดียวทั้งสนามในช่วงบ่ายแล้ว ตอนช่วงเช้า ทาง CF Moto ก็ได้จัดด่านทดสอบแบบสลาลอม (ขับหลบกรวยไปมา) เอาไว้ ซึ่งเราพบว่าตัวโช้กอัพมีอาการยืดยุบตัวได้อย่างมีชีวิตชีวา ไม่ขืน และไม่ฝืนแต่อย่างใด แถมบาลานซ์ซ้ายขวายังถือว่าสมดุลดีต่างหาก
เบรก
ด้านหน้า เรเดียลเมาท์ คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับจานเบรกเดียวขนาด 300 มิลลิเมตร (และมีระบบ ABS มาให้เฉพาะรุ่น 250NK-ABS)
ด้านหลัง โฟลทติ้งคาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับจานเบรกขนาด 245 มิลลิเมตร (และมีระบบ ABS มาให้เฉพาะรุ่น 250NK-ABS)
ในส่วนของระบบเบรกเอง ก็ต้องแยกเป็นสองส่วนอีกเช่นกัน เพราะค่อนข้างน่าแปลกใจไม่น้อยที่ความรู้สึกที่เราสัมผัสได้ระหว่างตัว 250NK ธรรมดา กับ 250NK-ABS นั้นต่างกัน กล่าวคือ ตัว 250NK รุ่นธรรมดาที่ไม่มีระบบ ABS ตอนที่กำก้านเบรก จะรู้สึกว่าค่อนข้างตึงมือหน่อยๆ ขณะที่ตัวปั๊มหน้าก็จะทำงานแบบกระชับจับค่อนข้างไว ให้อารมณ์สปอร์ตกว่าเมื่อเทียบกับตัว 250NK-ABS ให้สัมผัสตอนกำก้านเบรกมานุ่มนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัด (ต้องลงน้ำหนัก และกำกันจนลึกพอสมควร) ส่วนการจับจานเบรกของตัวปั๊มก็มาแบบนิ่มๆ
ถ้าหากพูดถึงการทำงานของ ABS ผู้ทดสอบพบว่าตัวระบบทำงานค่อนข้างยากและเนียนน้อยไปนิด ซึ่งถ้าเป็นโจทย์การใช้งานในสนามก็อาจจะถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะคงไม่มีนักแข่งท่านไหนอยากให้ ABS มากวนตอนเบรกเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อนๆอาจจะรู้สึกหวิวนิดๆ และลุ้นว่าเมื่อไหร่ ABS จะทำงาน (คือมันทำงานจริงๆนั่นแหล่ะครับ แต่แค่อาจจะจวนเจียนหน่อยเท่านั้น)
สรุป รีวิว CF Moto 250 NK / ABS สัมผัสแรกกับการขี่ในสนามครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นแบรนด์ใหม่ที่ดี
สมรรถนะและคุณภาพงานโดยรวมที่ได้ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว กับราคาค่าตัวเริ่มไม่ถึง 9 หมื่นบาท ขณะที่แบรนด์เจ้าตลาดหลายแบรนด์ คลาส 150 เริ่มทะลุ 9.5 หมื่น กันแล้ว
สำหรับ CF Moto 250 NK พร้อมเปิดรับจองและส่งมอบกันได้เลยภายในเดือนหน้า
สำหรับ เรื่องข้อมูลศูนย์บริการ อะไหล่ต่างๆ รวมไปถึงความพร้อมและแผนการทำตลาด ทางเรา MotoRival เราจะรีบเรียงข้อมูลมาอัพเดทกันในเร็วๆ นี้ (อีกไม่กี่วันข้างหน้า)
ฝากเพื่อนๆ แฟนๆเพจ เรากด Like ติดตามแบบ See First รอรับชมและติดตามกัน
ภณ เพียรทนงกิจ Editor + Photo
รณกฤต ลิมปิชาติ Tester
ขอขอบคุณ บริษัท ไดนามิค มอเตอร์ สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
อ่านรีวิว อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว CF Moto เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ