รีวิว Click 160 รถสปอร์ต AT คันใหม่ล่าสุด ขุมกำลัง eSP+ บิดมันส์ เหมือน PCX160 แต่คล่องตัวกว่า
รีวิว Click 160 โดยทีมงาน MotoRival กับการทดสอบครั้งแรกในไทย หลังจากที่มันเพิ่งเปิดตัวไปในวัน Press Day งาน Motor Show 2022 ซึ่งทางทีมงาน MotoRival เราได้นำเสนอคอนเท้นต์ เปิดราคา Click 160 กันไปแล้ว
โยเมื่อวันเสาร์ที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมาทางทีมงานเราก็ได้รับเขิญให้ไปทดสอบกันที่ลานกิจกรรม AKTIV Square เมืองทองธานี ซึ่งก็ถือว่าอยู่ภายในพื้นที่ใกล้เคียงกับงาน Motor Show 2022 โดยการขี่ทดสอบจะได้ขี่ทดสอบสั้นๆ เพียงประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะได้มาถ่ายรีวิวอีกประมาณ ไม่เกิน 20 นาที ซึ่งเวลาค่อนข้างกระชับ
ดังนั้น ผมจะขอเข้าเรื่องที่การทดสอบเลย จะไม่ขอพรีวิว รถซ้ำ ซึ่งเพื่อนๆ รับชมได้ที่นี่
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เริ่มกันเลย ทันทีที่ผมนั่งคร่อมรถ ผมก็รู้สึกว่าท่านั่งมันดูก็คล้ายๆ Click 150i, 125i โฉมเดิมอยู่ตรงบรีเวณช่วงแฮนด์ที่แคบ และระนาบใกล้ๆกัน แต่พอวางเท้าลงตรง Floorboard ผมรู้สึกว่า พื้นที่ Knee Room ดีขึ้นนิดหน่อย จากตัวเดิมเข่าผมจะติดกับชุดบังลมหน้าแล้ว แต่ตัวนี้มีพื้นที่ Knee Room มากขึ้นทำให้ ยังพอมีระยะฟรีๆ ไม่อึดอัด แต่ถ้าใครสูงๆ ระดับ 180 ซม.+ น่าจะติดเข่าเหมือนเดิม
และเริ่มขี่ตามเส้นทาง จุดแรก ลองระบบเบรก ABS กันก่อนเลย ผมกดคันเร่งสุดในระยะประมาณ ไม่ถึง 10 ม. และเบรกหน้าจนสุดบนทางทราย พบว่า ABS จำแบบหยาบๆ ไม่ละเอียด เหมือนตัวพี่ ADV350 ก่อนหน้า ทำให้มันรู้สึกไถลๆ อยู่พอสมควรเลย ถามว่าช่วยคอนโทรลรถได้ไหมก็ต้องบอกว่าช่วยได้ แต่ระยะเบรกผมว่ามันจะยาวไปสักหน่อย
ต่อมาขี่ตามเส้นทาง ซึ่งไลน์สนามจะไม่ค่อยมีอะไรมาก หลักๆ คือ การทดสอบจะเน้นทางตรงเป็นหลัก ทดสอบอัตราเร่ง ก่อนต้องเบรกเพื่อ Uturn เป็นหลักเพื่อทดสอบอัตราเร่งและเบรก และ Uturn เป็นลักษณะเช่นนี้ โดยสุดทางตรงที่ไกลที่สุด ผมทำความเร็วได้ประมาณ 80 กม./ชม.+ ซึ่งก็ต้องถือว่าอัตราเร่งจี๊ดจ๊าด ใช้ได้
โดยรวมผมว่าไม่ได้ด้อยกว่า PCX160 เลย และอาจจะดูดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะ นน.ตัวน้อยกว่า
แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งวาล์วแปรผัน ผมพบว่า ต้น-กลาง น่าจะไล่ๆกัน แต่ ปลาย VVA ดูจะมีกำลังดึงมาต่อเนื่องดีกว่าในช่วง รอบสูงที่วาล์วเปิด
อย่างไรก็ดี ถึงแม้คันเร่งอาจจะหน่วงไปนิดถ้ากดเรากดแบบกระแทกคันเร่งพรวดเดียว แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ผมจะคลอคันเร่งตอนโค้ง UTurn และค่อยเติมคันเร่งเข้าไปจึงไม่รู้สึกว่ามันหน่วงมากนัก ในจุดนี้
นอกจากทางตรงแล้ว จะมี ให้ลอง Slalom โดย Slalom ทางครูฝึกตั้งช่องไว้กว้างมาก ผมเข้าได้ถึงความเร็ว 40 ถึง 50 กม./ชม. เลย (คาดว่าตั้งเผื่อไว้ให้ ADV350 ด้วย) ซึ่งก็ต้องถือว่าเข้าได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะ Click หน้าเบา พลิกง่าย จนผมว่า ตั้งแคบกว่านี้ลงมาอีก เท่านึงยังพอขี่ไปได้ไม่ยากเย็นเท่าไร
นอกจากนั้น เรื่องของการทดสอบช่วงล่าง แม้จะเป็นลานจอด ที่ดูแล้วเหมือนจะมีแต่ทางราบ แต่ตัวพื้นผิวมันไม่ได้เรียบ เพราะเต็มไปด้วยฝุ่น มีรอยต่อพื้นผิว และมีกองหญ้าเล็กในบางส่วน จึงอาจทำให้ผมอาจจะไม่กล้าซัดขับขี่ได้ไม่เต็มที่ นักเพราะไม่มั่นใจตัว Asphalt ของ Track
และในหลายจังหวะก็มีเจออาการ Bumping ขึ้นมาจากพื้นผิวที่ไม่เรียบ ผมก็พบว่า อาการรถยังดีๆ ทำให้ตัวเราโดดลอยๆ อยู่ ซึ่งก็พอเข้าใจได้กับสไตล์ของโช้กเดิมรถ AT ที่ส่วนใหญ่เป็นประมาณนี้อยู่แล้ว ทางที่ดี อาจไปเปลี่ยนโช้กแต่ง ที่มีความหนืด ที่เหมาะสมกว่านี้ น่าจะไม่ดีดโยนตัวขนาดนี้ จะช่วยให้การยึดเกาะดีขึ้นอีก
และนอกจากนี้ แม้อัตราเร่งโดยรวมดูจะดีกว่า PCX160 อยูเล็กน้อย แต่ผมรู้สึกว่า ถ้าเลี้ยวโค้งเร็วๆ หรือ เทโค้ง แอบรู้สึกว่า PCX160 ที่มีบอดี้ใหญ่กว่า และฐานล้อยาวกว่า จะทำได้ดีกว่าในจุดนี้ โดยเฉพาะโค้งขวา Hi Speed ก่อนจะมาหักโค้งซ้ายแคบๆต่อ ซึ่งในจังหวะแรกๆ ที่ผมมาเร็วๆ และไม่เปิดไลน์ รู้สึกว่าดึงรถเข้ายากเหมือนกัน และไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไร จนอาจต้องหย่อนก้นลงมาช่วย โดยรวมผมว่าแลกกัน Click คล่องตัวกว่า และด้วยความที่ Floorboard มันกว้าง วางเท้าได้สบาย ต่างจากตัวที่มีถังน้ำมันอยู่ตรงกลาง พวกนั้นให้ฟีลลิ่งของช่วง Grip Tank ได้ดีกระชับกว่าในท่าขี่แบบสปอร์ตจึงทำให้ขี่ความเร็วได้มั่นใจดีกว่า
นั่นจึงเป็นอีกจุดที่แลกกัน ในเรื่องความอเนกประสงค์ที่ได้มา แต่ ความมั่นคงในความเร็วสูง หรือ ฟีลลิ่ง Grip Tank ที่กระชับลำตัวก็จะขาดหายไป
แต่อีกจุดหนึ่งที่ผมชื่นชอบ Click160 มากกว่า PCX160 อย่างชัดเจน คือ แฮนด์ เพราะของตัว PCX แผงคอตรงตุ๊กตาแฮนด์มันให้ตัวได้ ทำให้เวลาเบรกหนักๆ จนถึงขั้น abs ทำงาน แฮนด์จะส่าย และผมแอบเหวอหลายครั้ง แต่ Click แฮนด์แคบสั้น และไม่มีอาการส่ายผมจึงรู้สึกว่ามันจับคอนโทรลได้มั่นคงกว่า และโดยรวมก็น่าจะขี่ในเมืองได้เหมาะสมกว่า จากบอดี้ และนน. ตัวที่เบาคล่องตัวกว่า
และนอกจากนี้ เรื่องเบรกที่ผมได้ลองเบรกตรงสุดทางตรง พบว่า ABS ด้านหน้าทำงานหยาบๆ แต่พอลงน้ำหนักเบรกหลังเยอะก็แอบมีล้อล็อกเหมือนกันเนื่องจากพื้นมันมีฝุ่นด้วย ดีที่ไม่เปียกถ้าเปียกน่าจะมีอาการแบบที่ผมเคยเจอใน PCX160 ล้อหลังปัดเลยบนถนน ซึ่งผมว่า เผลอๆ ตัว STD ที่เป็นระบบเบรกด้านหลังดรัม แต่มี CBS ข่วยกระจายแรงเบรก ก็อาจทำได้ดีกว่าช่วยกระจายไม่ให้เรากดลงน้ำหนักที่ด้านใดด้านหนึ่งมากไป
สรุป รีวิว Click 160 ใหม่ ครั้งแรกในไทย สั้นๆ แบบ 1st impression พอได้ใจความว่า เป็นรถ Sport AT ที่แรงเบอร์ต้นๆ ของคลาสนี้ เทียบกับ PCX160 ที่หัวใจเดียวกัน แรงเหมือนกัน แต่ Click เบา แฮนด์แคบ พลิกไว และคล่องตัวกว่า แต่ก็แลกมาด้วยความมั่นคงที่น้อยกว่าในการเทโค้ง หรือ เข้าโค้ง Hispeed ส่วนท่านั่งก็ปรับปรุงใหม่ ให้นั่งได้สบายขึ้นเล็กน้อย แต่เสียดายระบบเบรก แม้จะจานดิสก์หน้า-หลัง มาในตัว ABS แต่ ABS ก็ทำงานเฉพาะล้อหน้าเท่านั้น และจับแบบหยาบๆ ด้วยไม่ละเอียด ทำให้ผมรู้สึกว่าอาจจะเบรกแล้วไหลๆ อยู่
เอาเป็นว่าถ้าคุณมองหารถ AT ใช้งานในเมือง ขี่คล่องตัว สนุก น้ำหนักเบา แถมอเนกประสงค์เนื่องจาก Floorboard วางของได้ด้วย Click 160 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า PCX160 หรือ คู่แข่งเครื่อง VVA เพราะ VVA ได้ความสปอร์ต ดึงสนุกกว่าที่รอบปลายๆ แต่แน่นอน กินน้ำมันกว่าด้วย และด้วยท่านั่งที่มีถังน้ำมันกลางลำตัว อาจได้ฟีลลิ่งเรื่อง Grip ที่ขี่ได้สปอร์ตกระชับกว่า แต่ก็ขาดความอเนกประสงค์ในพื้้นที่วางเท้าไป
ถ้าขี่ใช้งานไม่เร็วมาก STD ที่เป็น CBS ผมว่าก็คงพอ แต่ถ้าใครอยากได้ความมั่นใจ ดิสก์หลังด้วย และ ABS ด้านหน้า ก็เพิ่มเงินอีกหน่อย
Click 160 STD ราคา 63,500 บาท มี 3 สี แดง, ขาว, ดำ
Click 160 ABS ราคา 69,900 บาท มี 2 สี ขาว และดำ ล้อทองทั้งคู่ (น่าเสียดายนิด เพราะผมชอบสีแดง แต่อยากได้ตัวท็อป ABS เลย)
และถ้ามีโอกาสทางทีม MotoRival เราจะรีบมาทำฟูลรีวิว และ TopSpeed Test ให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันโดยเร็วครับ
อ่านรีวิว อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
