รีวิว GPX Legend 250 Twin II เจ้าตำนานสายคลาสสิกไทย เครื่องทวิน ภาค 2

0

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว GPX Legend 250 Twin ได้ถูกเปิดตัวออกมาแล้วสร้างปรากฏการณ์และการตอบรับจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี มาในปี 2020 ทางค่ายก็ได้เผยโฉม GPX Legend 250 Twin II (จีพีเอ็กซ์ เลเจนด์ สองห้าศูนย์ ทวิน มาร์ค ทู) ออกมาด้วยคอนเซปท์ที่เน้นความเป็นตำนานสไตล์คลาสสิคมากกว่าเดิม ซึ่งสัมผัสที่ได้จากการทดสอบโดยพวกเราทีมงาน MotoRival จะเป็นอย่างไรบ้าง เรามาว่ากันใน รีวิว GPX Legend 250 Twin II ครั้งนี้กันเลยครับ

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-20
โดยสำหรับภาพลักษณ์ของ GPX Legend 250 Twin II คันนี้ ก็จะยังคงมาพร้อมกับเอกลักษณ์ของ Legend – Series ที่เน้นในความเป็นคลาสสิคไบค์ผสมความร่วมสมัยเล็กๆอย่างที่เราคุ้นตากันเช่นเดิม ไล่ตั้งแต่

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-07
ชุดไฟหน้าโคมกลมส่องสว่างด้วยหลอด LED ด้านใน และมีแถบไฟ DRL ติดตั้งมาให้ด้วย

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-24
ส่วนไฟท้ายจะเป็นแบบโคม LED ไฟกลมเช่นกัน ซึ่งดูรับกันดีกับไฟหน้า และไฟเลี้ยว

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-29
ด้านมาตรวัดก็เป็นทรงถ้วยกลม แบบ Full Digital ที่ถูกปรับอินเตอร์เฟซใหม่ให้อ่านง่ายมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Legend 250 Twin โฉมแรก และยังคงแสดงผลค่าพื้นฐานต่างๆครบครันเช่นเคย ทั้งวัดรอบ, ความเร็ว, เวลา, ตำแหน่งเกียร์, ระยะทางทั้งหมด, ระยะทางทริป, และระดับน้ำมัน

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-04
ถังน้ำมัน ความจุ 14.5 ลิตร ก็ได้รับการแปะโลโก้ “Legend” แบบใหม่ที่ดูมีความคลาสสิค และพรีเมียมกว่าเดิม พร้อมติดตั้ง Tank Pad มาให้ด้วย

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-11
และหากมองโดยผิวเผินเพื่อนๆอาจจะคิดว่าสีรถ เป็นสีเทาธรรมดาๆ แต่ถ้าลองเพ่งดีๆ เราจะพบกับเกล็ดสะท้อนแสงสีรุ้งซ่อนไว้อยู่ ซึ่งทาง GPX ได้ระบุว่าเป็นเพราะการสะท้อนแสงของแร่ไมก้า หรือ Mica Pigment ที่พวกเขาผสมเข้ามากับสีรถเพื่อให้เกิดลูกเล่นนี้กับถังน้ำมันรถ ขณะที่หากเป็นตัวรถสีดำทั้งดำเงา และดำด้าน ก็จะมีการเล่นเอฟเฟ็คเกล็ดเงาด้วยเช่นกัน แต่จะเป็นเกล็ดเงาจากวัสดุพวก Glass Flakes ออกสีเหลือบแดงๆแทน

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-05
ด้านฝาครอบแบตเตอรี่ด้านข้างรถก็จะมีการทำโลโก้ใหม่เป็น 250 Twin และอักษร Mark II

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-06
เบาะนั่งเป็นแบบตอนเดียวมีมือจับหลังโครเมียมสำหรับผู้ซ้อนด้านล่างมาให้เสร็จสรรพ

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-09
ท่อไอเสียทรง Megaphone ให้สุ้มเสียงที่ทุ้มต่ำ และนุ่มนวล

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-13
ชุดล้ออัลลอยด์ขอบ 17 นิ้ว รัดด้วยยางไซส์ 110/90-17 ด้านหน้า และ 130/90-17 ด้านหลัง

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-17
และที่เป็นจุดเด่นสุดๆในตัวรถ Legend 250 Twin II รุ่นนี้ ก็คือชุดแฮนด์ที่เปลี่ยนจากแบบจับโช้ก ทรงคัสตอมคาเฟ่ต์ ในรุ่นแรก เป็นแบบแฮนด์บาร์แล้วเสริมตุ๊กตาขึ้นมา เพื่อให้ตัวรถกลับไปมีภาพลักษณ์ดั้งเดิม หรือมีความเป็นออริจินอล อย่างที่ Legend ควรจะเป็น

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-16
และถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าตัวครอบตุ๊กตาแฮนด์มีการหล่อลายให้เป็นโลโก้สัญลักษณ์ GPX Legend Series ด้วย

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-25
แม้แต่กระจกมองข้างทรงกลมเองก็ยังกลับมาติดตั้งที่ขาจับปั๊มเบรก แถมยังสามารถปรับมุมมองได้มากกว่า ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองยานพาหนะข้างหลังด้วย

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-19
มิติตัวรถ
ความกว้าง x ความยาว x ความสูง : 785 x 2,040 x 1,120 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 1,340 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะนั่ง : 790 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ : 180 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวรถ : 156 กิโลกรัม

2020-gpx-legend-250-twin-ii-riding-01
ในส่วนของท่านั่ง จากการเปลี่ยนชุดแฮนด์จับโช้กในตัวรถ Legend 250 Twin โฉมแรก มาเป็นแฮนด์บาร์ยกสูงใน Legend 250 Twin II คันนี้ จึงทำให้เราสามารถควบคุมรถด้วยท่าทางที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น มีความนั่งหลังตรงมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ระดับความสูงแฮนด์บาร์เองก็อยู่ในระดับกำลังดี เรียกได้ว่าสามารถใช้งานแบบยาวๆ หรือขี่ในระยะทางไกลๆได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในเรื่องความกว้างแฮนด์จากที่เคยต้องพะวงเรื่องระยะกระจกปลายแฮนด์ก็หายห่วง มุดได้ง่ายขึ้นพอสมควร และแม้น้ำหนักตัวรถจะมากขึ้นกว่ารุ่นแรกอีก 2 กิโลกรัมเป็น 156 กิโลกรัม แต่ด้วยแฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น จึงทำให้เราสามารถใช้แขนดึงแฮนด์ไปมา พร้อมทิ้งน้ำหนักที่พักเท้าซ้ายขวาเพื่อซอกแซกได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น

2020-gpx-legend-250-twin-ii-riding-02
นอกนั้นในด้านตำแหน่งท่านั่งช่วงล่าง ด้วยความสูงเบาะ 790 มิลลิเมตร กับลำตัวช่วงกลางที่ค่อนข้างอวบนิดๆ จึงทำให้ผู้ขี่ที่สูงไม่เกิน 170 เซนติเมตร อาจจะต้องยกส้นเท้านิดหน่อยเวลาจอด แต่ถ้าสูงมากกว่า 170 เซนติเมตรขึ้นไปก็สามารถเหยียบสองเท้าได้สบายๆ ขณะที่ตำแหน่งการวางเท้าก็ไม่ได้อยู่ข้างหน้า/ข้างหลัง หรือสูง/ต่ำมากเกินไป ประกอบกับช่วงเบาะนั่งที่ค่อนข้างกว้างจึงทำให้หายห่วงเรื่องอาการปวดก้น พอประกอบกับท่านั่งช่วงบนอย่างที่เรากล่าวไปก่อนหน้านี้ จึงถือว่า Legend 250 Twin II รุ่นนี้สามารถใช้งานแบบยาวๆ หรือขี่ในระยะทางไกลๆได้เหมาะสมยิ่งขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

ท่านั่งผู้ซ้อนเหมือนกันทั้ง Mark I และ Mark II

ท่านั่งผู้ซ้อนเหมือนกันทั้ง Mark I และ Mark II

ด้านเบาะนั่งช่วงผู้ซ้อนด้านหลัง หากเป็นผู้ซ้อนตัวเล็กหุ่นเพรียวก็สามารถนั่งได้เต็มก้นสบายหายห่วง เพราะเบาะที่ให้มามีความกว้าง และตำแหน่งพักเท้าก็อยู่ในระยะที่นั่งสบายไม่แพ้ผู้ขี่ แต่ถ้าหากเป็นผู้ซ้อนที่ตัวหนาหรืออวบขึ้นมา งานนี้อาจจะรู้สึกว่าเบาะเล็กไปบ้าง เพราะช่วงเบาะผู้ซ้อนที่ยื่นออกมาจะค่อนข้างสั้น และที่สำคัญคือมือจับด้านหลังยังคงรู้สึกว่าเตี้ยไปนิดอยู่ดี ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เกาะเอวผู้ขี่ตอนซ้อนไว้ก่อนดีกว่า

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-01
แน่นอนว่าในเมื่อเป็นตัวรถ Legend 250 Twin Series ดังนั้นเจ้าเรโทรไบค์สไตล์ออริจินัลคันนี้ ก็จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ความจุ 234cc แคมเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ผสานชุดหม้อออยคูลเลอร์ขนาดใหญ่ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด GPX-Fi จากแบรนด์ Delphi ประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ 16 ตัว ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดอีก 15 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที

และด้วยความที่อัตราส่วนความกว้างของกระบอกสูบ กับช่วงชัก เป็นแบบ Square หรือเท่ากันทั้ง 2 อย่าง ประกอบกับองศาการจุดระเบิดแบบ 360 องศา จึงทำให้นิสัยของเครื่องยนต์ลูกนี้จะมีความนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก สามารถไล่รอบขึ้นเนียนๆและต่อเนื่องตั้งแต่รอบต้นจนรอบปลายที่ราวๆ 8,500 รอบ/นาที เหมาะสำหรับสายชิลที่เน้นขี่แบบกินลมชมวิวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงความเร็วประมาณ 80-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่เกียร์ 6 ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการใช้งานรถคันนี้มากที่สุดเพราะสามารถเรียกกำลังเพื่อเร่งแซงได้กำลังดีนั่นเอง

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-12
ด้านอัตราเร่งและความเร็วปลาย ส่วนตัวเรามองว่าอัตราทดช่วงเกียร์ 1-3 ของมันค่อนข้างจัดไปนิด จึงทำให้เพื่อนๆอาจจะต้องเตะเกียร์ขึ้นบ่อยเล็กน้อย ส่วนอัตราทดเกียร์ 4-6 นั้นกำลังดีไม่ชิดและไม่ห่างจนเกินไป เพราะสามารถไต่ความเร็วตั้งแต่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง – 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามเรือนไมล์ได้อย่างไม่มีอึดอัด

ที่สำคัญคือเกียร์ค่อนข้างนุ่ม และกระชับ กับคลัทช์ที่มีน้ำหนักกำลังดี ไม่เปลืองแรงตอนที่ต้องขี่ในช่วงเจอการจราจรติดขัดแล้วต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงบ่อยๆแน่นอน แต่ด้วยความเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงที่มีพิกัดราวๆ 250cc จึงทำให้อัตราสิ้นเปลืองของรถคันนี้จะอยู่ที่ราวๆ 20-22 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งหากเพื่อนๆเป็นคนมือเบา ขี่แบบไม่ลากรอบ ไม่บิดหมดปลอกก็อาจจะทำตัวเลขได้ดีกว่านี้อีก

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-08
ฝั่งระบบกันสะเทือนของ Legend 250 Twin II ก็จะยังคงจัดเต็มเช่นเคยในสไตล์ GPX นั่นคือด้านหน้าจะเป็นแบบโช้กตะเกียบคู่หัวตั้ง และในส่วนของด้านหลังที่เป็นของ OEM จาก YSS จะมีการปรับให้พิเศษกว่าตัว Mark I ก็ตรงที่เปลี่ยนจากแบบโช้กคู่แก๊สชาร์จ เป็นแบบโช้กแก๊สคู่มีซับแทงค์แยก สามารถปรับพรีโหลดได้ด้วยการขันสตรัทปรับเกลียวบนสปริง

และจากการใช้งานบนถนนสาธารณะเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 200 กิโลเมตร ผู้ทดสอบพบว่าทาง GPX เลือกเซ็ทระบบกันสะเทือนของเจ้า Twin Mark II คันนี้มีความนุ่มนวล และหนืดมากขึ้นอย่างรู้สึกได้ โดยเฉพาะกับด้านหลัง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณการใช้โช้กหลังแบบมีซับแทงค์แก๊สแยก ที่ช่วยทำให้โช้กทำงานได้หนึบยิ่งขึ้น จนถึงขนาดที่ว่า แม้เราจะลองโดดคอสะพานเบาๆแล้ว ตัวโช้กหลังกลับยังซับแรงได้ดี ไม่ค่อยรู้สึกสะท้าน และดีดกลับขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือว่ากำลังเหมาะสมกับความเร็วใช้งาน หรือถ้าหากเพื่อนๆอยากได้ความดิบมากขึ้น ก็สามารถเซ็ทขันสตรัทด้านบนสปริงเพื่อปรับพรีโหลดให้แข็งขึ้นอีกก็ได้

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-03
และสำหรับระบบเบรกที่ทาง GPX จะให้มาในลักษณะของ ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 276 มิลลิเมตร ทำงานร่วมโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 2 พอร์ทซ้าย/ขวา และสายเบรกถักกับปั๊มบนขนาดใหญ่ ทางด้านหน้า

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-10
กับดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับโฟลทติ้งคาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ ใช้สายเบรกถักเช่นกันทางด้านหลัง
โดยจากการใช้งาน หากหลังจากที่เราได้ลองรันอินเบรกด้วยวิธีย้ำใช้ในช่วงแรกหลายๆครั้ง เราก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าระบบเบรกของเจ้า Legend 250 Twin II คันนี้ ถูกปรับเซ็ทมาให้มีความนุ่มนวลในการไล่น้ำหนักก้านเบรกค่อนข้างดี ขณะที่ความหนึบเองก็จัดว่าเอาอยู่กับความแรง, ความเร็ว และน้ำหนักของตัวรถ หายห่วงแน่นอนสำหรับในจุดนี้

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-SideBack
สรุป รีวิว GPX Legend 250 Twin II คันนี้ ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิคเรโทรไบค์ ที่นำเสนอความเป็นออริจินัลได้สมกับที่ทางค่ายเคลมไว้จริง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหน้าตาที่ให้กลิ่นอายแบบดั้งเดิมในฉบับที่ GPX Legend ควรจะเป็น, แฮนด์บาร์ที่ยกสูงขึ้นมาให้อยู่ในระดับที่สามารถนั่งขี่กินลมชมวิวสบายๆ รวมถึงระบบกันสะเทือนกับระบบเบรกที่หายห่วง, และที่พลาดไม่ได้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงที่มีคาแรคเตอร์นุ่มนวล ทั้งการไล่รอบและสุ้มเสียง ในราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุด

ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆกำลังอยากได้รถมอเตอร์ไซค์ทรงเรโทรไบค์สไตล์ดั้งเดิมทั้งภาพลักษณ์ และเน้นสมรรถนะในการใช้งานฉบับออริจินอลสักคันอยู่ล่ะก็ เจ้า GPX Legend 250 Twin II คันนี้ จะต้องเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เพื่อนๆตามหาอยู่อย่างแน่นอน

Review-GPX-Legend-250-Twin-II-21
โดย สำหรับ 2020 GPX LEGEND 250 TWIN II จะวางจำหน่ายด้วยราคาเปิดตัวแนะนำที่ 81,900 บาท มาพร้อมกับ 3 เฉดสี ด้วยกัน ได้แก่

2020 GPX Legend Twin 250 สีเงิน
· SILVER SPACE เฉดสีเทาเงา

2020 GPX Legend Twin ดำเงา
· BLACK PHOENIX เฉดสีดำเงา

2020 GPX Legend Twin 250 ดำด้าน
· MATT BLACK PHOENIX เฉดสีดำด้าน

GPX-Legend-250-Twin-II-launch-promotion-01
แต่ถ้าหากเพื่อนๆรีบจองรถ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม หรือจำนวนจำกัด 400 คันแรก ผ่านระบบออนไลน์ ทาง GPX จะมอบส่วนลดพิเศษให้อีก 2,000 บาท เหลือเพียง 79,900 บาท และยังมีของแถมอีก 5 รายการ มูลค่ารวม 9,000 บาท ยังไงก็อย่าช้าแล้วกันนะครับ

อ่านข่าวสาร GPX เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!