รีวิว Keeway K-Light 202 มินิครุยเซอร์ แดนมังกร สไตล์อเมริกัน-เรโทร ราคาย่อมเยา

0

กลับมาพบกันอีกครั้งกับการรีวิวรถมอเตอร์ไซค์จากทีมงาน MotoRival โดยในบทความครั้งนี้ เป็นคิวของการ รีวิว Keeway K-Light 202 รถมอเตอร์ไซค์น้องใหม่จากผู้ผลิตแดนมังกร ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์แนวครุยเซอร์ และตกแต่งในสไตล์ อเมริกัน-เรโทร ซึ่งรายละเอียดตัวรถ และฟีลลิ่งต่างๆของมันจะเป็นอย่างไร เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ

Keeway-K-light-202-review-19
เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอก ที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าเจ้า K-Light 202 คันนี้ เป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวครุยเซอร์ไซส์มินิ ที่ตกแต่งในสไตล์ อเมริกัน-เรโทร ดังนั้นชิ้นส่วนพวกแฟริ่งจึงไม่มีติดมาให้มากมายนัก ขณะที่รูปทรงและสัดส่วนตัวรถในภาพรวมจะดูมีความบึกบึนในแบบฉบับของอเมริกันชน

Keeway-K-light-202-review-34
โคมไฟหน้า รวมถึงโคมไฟเลี้ยว เป็นแบบโคมกลม ใช้หลอดไส้

Keeway-K-light-202-review-2
แน่นอนว่าโคมไฟเบรก กับไฟเลี้ยวด้านหลังเองก็ไม่ต่าง มีลักษณะเป็นโคมกลม และใช้หลอดไส้เช่นกัน

Keeway-K-light-202-review-4
ข้ามมาด้านหลังที่ ชุดเรือนไมล์ ซึ่งเป็นแบบทรงถ้วยกลม แสดงผลแบบ Full-Digital LCD มีทั้ง วัดรอบที่โชว์เลขสูงถึง 12,000 รอบ/นาที (แต่ใช้จริงไม่ถึง 9,000 รอบ/นาที), ความเร็ว, ระยะทางรวม, ระยะทางทริป (เก็บ 1 ค่า), และระดับน้ำมัน ส่วนไฟเกียร์ว่าง และไฟสูง กับไฟเลี้ยว จะแสดงผลอยู่ด้านล่างตัวจออีกที

Keeway-K-light-202-review-28
แฮนด์บาร์เป็นแบบทรงกว้างและสูงตามสไตล์ครุยเซอร์

Keeway-K-light-202-review-5มีการเสริมตัวจับประทับตรา “202” ตรงกลาง เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี

Keeway-K-light-202-review-31
พร้อมติดตั้งประกับแฮนด์ที่ติดตั้งสวิทช์พื้นฐานมาครบครัน ทั้ง ไฟสูง, ไฟต่ำ, แตร ที่อยู่ด้านซ้าย สวิทช์สตาร์ท, สวิทชด์ดับเครื่อง (Run-Off) ที่อยู่ด้านขวา ขณะที่สวิทช์ไฟเลี้ยว จะแยกฝั่งกัน สวิทช์ไฟเลี้ยวซ้าย ก็อยู่ที่ประกับซ้าย สวิทช์ไฟขวา ก็อยู่ประกับขวา สั่งเปิดด้วยการกดหนึ่งครั้ง สั่งปิดด้วยการกดน้ำอีกครั้ง (หน้าตาประกับและรูปทรงของสวิทช์คล้ายกับของแบรนด์ครุยเซอร์เจ้าดังสัญชาติอเมริกันมาก แม้กระทั่งฟังก์ชั่นพื้นฐานในการใช้งานก็ยังคล้ายกัน)

Keeway-K-light-202-review-27
ตัวเบ้ากุญแจสำหรับใช้สตาร์ทรถวางตำแหน่งอยู่ด้านล้างถังน้ำมัน รวมถึงเบ้ากุญแจสำหรับล็อคคอรถเองก็แยกไปไว้ใต้แกนคอรถ ซึ่งจริงอยู่ว่ามันอาจจะตรงตามฉบับที่รถครุยเซอร์ควรจะเป็น แต่สำหรับเพื่อนๆที่ไม่ชิน อาจจะสตาร์ทรถโดยที่ลืมปลดล็อคคอรถได้เพราะเบ้าอยู่แยกกัน ดังนั้นนี่คือจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ และต้องย้ำตัวเองทุกครั้งก่อนสตาร์ท

Keeway-K-light-202-review-7
ถังน้ำมันทรงเรโทร ขนาดความจุ 11.8 ลิตร ดีไซน์คล้ายครุยเซอร์รุ่นใหญ่แบรนด์อเมริกา เก็บงานละเอียดสวยงาม ทั้งตัวสี และขอบรอบต่อด้านล่างตัวถังน้ำมัน

Keeway-K-light-202-review-6
ฝาถังน้ำมันเองก็เป็นแบบเรโทรเช่นกัน กล่าวคือมีฝาปิดที่สามารถบิดไปมาเพื่อเปิดช่องรูกุญแจได้ โดยหากผู้ใช้ต้องการเปิดถัง ก็เพียงแค่เสียบกุญแจเข้าไป บิด แล้วก็ยกฝาถังขึ้นมา ถ้าจะปิดก็เสียบฝาถังให้ตรงรู แล้วกดฝาถังลงไปจนกุญแจบิดกลับมาองศาเดิมก็จบ

Keeway-K-light-202-review-3
ฝาครอบแบตเตอรี่ดีไซน์ค่อนไปทางโมเดิร์น มีการเจาะรูทรงกลม เรียงกันเป็นแถบด้านหลัง พร้อมสกรีนคำว่า K-Light ช่วยตัดลุคเรโทรที่อาจจะดูเลี่ยนเกินไปให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี

Keeway-K-light-202-review-13
เบาะนั่งเป็นแบบหุ้มหนังสังเคราะห์ตอนยาว แบ่งระดับความสูงชัดเจนระหว่างผู้ขี่และผู้ซ้อน ให้สัมผัสหนาและหนุ่มกำลังดี

Keeway-K-light-202-review-25
มือจับผู้ซ้อนติดตั้งไว้ด้านล่างเบาะ มีขนาดใหญ่ แข็งแรง เก็บงานเรียบร้อย

Keeway-K-light-202-review-11
ช่วงท้ายบังโคลนเหล็กตัดสั้น เนื่องจากมีตัวกันดีดขาเหล็กติดตั้งมาให้ ซึ่งแน่นอนว่ามันถูกใช้เป็นขายึดแผ่นป้ายทะเบียนไปในตัว

Keeway-K-light-202-review-12ท่อไอเสียดีไซน์ ออกข้างปลายสั้น ยิงตรงเกือบขนานพื้น มาพร้อม แผ่นอลูมีเนียมกันร้อน ซึ่งปิดไม่เต็มปลายท่อ

Keeway-K-light-202-review-92
มิติรถรอบคัน
ยาว 2,140 มิลลิเมตร x สูง 1,100 มิลลิเมตร x กว้าง 780 มิลลิเมตร
โดยในส่วนของความกว้างและสูงเป็นเลขรวมกระจกมองข้าง ซึ่งจากการใช้งานจริงแล้ว พบว่าแม้มันจะให้ทัศนวิสัยในการมองสิ่งต่างๆด้านหลังได้กว้าง แต่ในทางกลับกัน ถ้าต้องมุดช่องจราจรขึ้นมา ก็เล่นเอาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน เนื่องจากกระจกมองข้าง ยื่นออกจากตัวแฮนด์บาร์ออกมาเยอะสุดๆ
ขณะที่ความสูงใต้ท้องรถเคลมเลขไว้ 150 มม.
ความสูงเบาะ 715 มม.
น้ำหนักตัวอยู่ที่ 143.5 กก.

Keeyway-K-Light-202-Position_2สำหรับท่านั่ง ในสัมผัสแรกตอนขึ้นคร่อม ด้วยความที่ตัวรถไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นจึงตัดความกังวลในเรื่องการเตะขาข้ามตัวรถไปได้เลย ส่วนตัวเบาะนั่งเองก็เตี้ยใช้ได้ตามฉบับครุยเซอร์ไบค์ เพราะเคลมความสูงไว้ที่ 715 มิลลิเมตรเท่านั้น ประกอบกับการที่ช่วงลำตัวรถไม่ได้หนาเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผู้ขี่ที่มีความสูงน้อยกว่า 170 สามารถใช้เท้าทั้งสองข้างเหยียบนาบไปกับพื้นได้สบายๆ แต่ช่วงเบาะผู้ขี่สั้นไปนิด ทำให้ไม่สามารถขยับตัวแก้เมื่อยเมื่อขี่นานๆได้มากมายเท่าไหร่นัก

Keeyway-K-Light-202-Position_1ด้านเบาะผู้ซ้อน ที่ดีไซน์ออกมาเป็น 2 ชั้นนั้น พบว่า ขนาดเบาะค่อนข้างสั้นและแคบไปสักหน่อย หากผู้ซ้อนที่ตัวไม่ใหญ่มาก ก็คงนั่งได้ไม่ลำบากนัก แต่ผู้ซ้อนที่ตัวใหญ่ อาจจะนั่งยาวๆไม่สะดวกนัก

Keeway-K-light-202-review-22
ส่วนลำตัวช่วงบน ด้วยความที่ตัวรถเป็นแนวครุยเซอร์ ดังนั้นความสูงของแฮนด์จึงอยู่ในระดับเหนือข้อศอกขึ้นมา แถมระยะห่างของแฮนด์เองก็ไม่ได้ไกลจากตัวผู้ขี่เลยสักนิด หรือเอาจริงๆก็เกือบชิดเลยก็ว่าได้ แม้แต่พักเท้าที่เป็นแบบ Front Control เองก็ไม่ได้อยู่ไกลจนเกินไปเลยสักนิด ถือว่าเหมาะสมกับผู้ขี่ไซส์เล็กมาก (อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยขี่รถด้วยท่านั่งแบบนี้มาก่อนอาจจะปวดช่วงขาในตอนแรกนิดๆ เพราะในช่วงความเร็วสูงลมจะต้านขาเป็นพิเศษนั่นเอง)

Keeway-K-light-202-review-8
เครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดียว ขนาดความจุ 197cc 4 วาล์ว มีออยคูลเลอร์ และยังคงจ่ายน้ำมันด้วยระบบคาร์บูเรเตอร์ ทำกำลังได้สูงสุด 12.8 แรงม้าที่ 7,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 13.9 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที สามารถสตาร์ทได้ทั้งระบบไฟฟ้า และคันสตาร์ทเท้าที่ติดตั้งเสริมมาให้ เผื่อกรณีแบตเตอรี่อ่อน

Keeway-K-light-202-review-16
ฟีลลิงหรือความรู้สึกในภาพรวม ถือว่ามีเรี่ยวแรงที่กำลังพอเหมาะกับการใช้งาน อัตราเร่งช่วงกลาง-ปลายทำได้ดีกว่าสกู๊ตเตอร์พิกัด 150cc แบบสัมผัสได้ ทว่าถ้าจะเทียบกับสปอร์ต 150cc สูบเดียว มีหม้อน้ำก็คงไม่ไหว เนื่องจากตัวเครื่องไม่ได้ถูกออกแบบให้มีความจัดจ้านมากมายขนาดนั้น ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทำได้บนทางราบอยู่ที่ราวๆ 122 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามเรือนไมล์ ที่ราวๆ 8,000 รอบ/นาที

Keeyway-K-Light-202
ด้านความสั่นสะท้านของเครื่องยนต์เอง ก็ถือวาทาง Keeway จัดการมาได้ค่อนข้างดี อยู่ในระดับที่รับได้แบบรถมอเตอร์ไซค์สูบเดียว ขณะที่ชุดคลัทช์ที่ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ 5 สปีดนั้น แม้จะให้น้ำหนักสปริงมาหยุ่นกำลังดี แต่ระยะการทำงานของคลัทช์ค่อนข้างยาวไปนิด ทำให้ผู้ทดสอบไม่สามารถใช้แค่สองนิ้วกดก้านคลัทช์เพื่อเข้าเกียร์ได้ หลายครั้งจะต้องใช้สี่นิ้วกดเพื่อให้ก้านคลัทช์เข้ามาติดแฮนด์ที่สุดถึงจะเข้าเกียร์ได้ (ตรงนี้ผู้ทดสอบลองเช็คระยะคลัทช์แล้ว ก็ถือว่าปกติ ไม่ได้เข้ามาลึกเกินแต่อย่างใด)

Keeway-K-light-202-review-15
ระบบกันสะเทือน โช้กหน้าแบบจะเกียบคู่ธรรมดา ระยะยุบ 120 มิล

Keeway-K-light-202-review-9
ส่วนด้านหลังเป็นโช้กคู่มีซับแทงค์ ระยะยุบ 53 มิล ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแขนเหล็กคู่ ดีไซน์ขอบโค้งมน สวยงาม

Keeway-K-light-202-review-20โดยรวมเซ็ทมาค่อนข้างเฟิร์ม กระชับ ประกอบกับน้ำหนักตัวรถ ที่แม้จะหนัก 143.5 กิโลกรัม แต่ก็มีศูนย์ถ่วงที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้สามารถพลิกโค้งไปมาได้อย่างคล่องตัว ไม่มีการเหวอ ฝืน หรือขืนแม้แต่น้อย จะติดก็แค่ตรงโช้กหลังที่ดูจะยุบน้อยไป หรือ อาจจะเซ็ทสปริงแข็งเกินไปนิด ทำให้เวลาขี่ไปเจอหลุม ร่องบนถนนแล้ว จะมีแรงกระแทกส่งขึ้นมาที่ก้นกบให้รู้สึกพอสมควร

Keeway-K-light-202-review-23
โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เกินคาดเกี่ยวกับการควบคุมด้วยอีกอย่างสำหรับเจ้า Keeway K-Light 202 คันนี้ก็คือ ชุดล้ออัลลอยด์ ที่รัดด้วยยางไซส์ 90/90-17 ด้านหน้า และ 130/90-15 ที่แม้จะให้ดอกยางมาแบบกึ่งหนาม แต่กลับให้สมรรรถนะการยึดเกาะที่ดี เรียกได้ว่าดีเกินกว่าที่คาดไว้พอสมควร ซึ่งนี่คือจุดที่น่าชมอย่างมากสำหรับเจ้า Keeway K-Light 202 คันนี้

Keeway-K-light-202-review-96
ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบจานเดี่ยวขนาด 280 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มโฟลทติ้งเมาท์ 2 พอร์ท ที่แม้จะต้องใช้ระยะในการกดก้านเบรกลึกสักนิด เพราะเหมือนปั๊มจะจับช้า และไม่ถนัดมืออยู่บ้างในช่วงแรก เนื่องจากก้านเบรกใหญ่พอสมควร แต่ก็แลกมาซึ่งความรู้สึกในการหยุดชะลอตัวรถที่ทำได้อย่างนุ่มนวล

Keeway-K-light-202-review-10
และถ้าหากเสริมด้วยการกดเบรกหลังที่เป็นแบบ จานเดี่ยวขนาด 240 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มโฟลทติ้งเมาท์ 2 พอร์ท ก็จะยิ่งหยุดชะลอตัวรถด้วยระยะเบรกที่สั้นลงไปอีก เรียกได้ว่าสามารถฝากผีฝากไข้ได้แน่นอนหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา (แต่อย่ากดแรงไปล่ะครับ เพราะเบรกทั้งหน้าและหลังถ้ากดแรงๆก็จับจานจนล้อล็อคได้เหมือนกัน)

Keeway-K-light-202-review-21
สรุป รีวิว Keeway K-Light 202 รถมอเตอร์ไซค์เลือดมังกร แต่มีดีไซน์แนวครุยเซอร์ลุค อเมริกัน-เรโทร คันนี้นั้น ถือว่าทางค่ายทำออกมาได้ดีเกินคาดพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบช่วงล่าง ที่ให้ความมั่นใจและคล่องตัวในการควบคุมอย่างมาก แม้ว่าเครื่องยนต์อาจจะแรงหมดไวไปนิดบ้าง แต่ในภาพรวมเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าตัวที่ตั้งไว้ 61,500 บาทแล้วก็จัดว่าสมน้ำสมเนื้อ โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจ ก็สามารถติดต่อศูนย์บริการของ Keeway ได้ทุกแห่งทั่วประเทศเลยครับผม

Keeway K-Light 202 ราคา 61,500 บาท

อ่านรีวิว อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Keeway เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!