เปิดประสบการณ์ทริปหน้าฝน เที่ยวแม่กำปอง-เชียงใหม่กับ "แพะภูเขา : Royal Enfield - Himalayan"

ย้อนไปเมื่อราวๆซัก 2 สัปดาห์ที่แล้วเห็นจะได้ ทาง MotoRival ของเราได้รับเชิญจากทาง Royal Enfield ให้บินขึ้นเหนือเพื่อเข้าร่วมงานเปิดตัว Exclusive Showroom แห่งที่ 3 ของแบรนด์ ที่ตั้งอยู่ บนถนนโชตนา จังหวัดเชียงใหม่ และร่วมท่องเที่ยวไปกับเหล่าสื่อมวลชนเจ้าอื่นๆโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ของทางค่ายเป็นพาหนะหลัก ซึ่งในวันนี้เราจะมาเล่าถึงประสบการณ์ดีๆในครั้งนี้กับทาง Royal Enfield กันครับ

เริ่ม..

ก็อย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นครับว่าการเดินทางของผู้เขียนในครั้งนี้เป็นการขึ้นไปร่วมงานเปิดตัวโชว์รูมแห่งใหม่ของทาง Royal Enfield ดังนั้นในวันแรกผู้เขียนจึงวุ่นอยู่กับการเก็บบรรยากาศของ Exclusive Showroom แห่งใหม่นี้เป็นส่วนใหญ่

ซึ่งบอกได้เลยว่าบรรยากาศภายในโชว์รูมถือว่าผ่อนคลาย สบายๆและน่าไปเยี่ยมชมอย่างมาก เพราะไม่ได้มีแต่การจัดแสดงโมเดลรถที่ทำตลาดอยู่เท่านั้น แต่ยังมีการจัดแสดงของจุกจิกจำพวกเสื้อผ้าลายสวยๆ หมวกแก็ป และหมวกกันน็อคดีไซน์คลาสสิคให้ลูกค้าที่ชื่นชอบในแบรนด์นี้ได้เลือกซื้อกันอีกด้วย

และนอกจากมุมดูของจุกจิกที่เราบอกไปแล้ว ทางโชว์รูมยังได้จัดพื้นที่ม้านั่งขนาดใหญ่ด้านหน้าไว้ให้ลูกค้าได้นั่งจิบกาแฟไปพร้อมกับชมของตกแต่งที่อยู่รอบๆตัว ซึ่งมีทั้ง กรอบรูปประวัติศาสตร์ของ Royal Enfield, ชิ้นส่วนของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Continental GT แยกแปะไว้ฝาผนังตรงข้ามกับกรอบรูป (โดยการตกแต่งนี้เป็นแบบเดียวกับโชว์รูมที่ทองหล่อ), และถ้าแหงนขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นชุดโคมไฟที่ทางผู้บริหารของค่ายที่มาร่วมงานในวันนั้นบอกกับเราว่า ไฟทุกโคมที่แขวนอยู่ทำขึ้นจากชิ้นส่วนโคมไฟของรถ Royal Enfield จริงๆทั้งหมด

ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะด้านหลังของโชว์รูมนี้ยังมีพื้นที่สำหรับเซอร์วิสต์ดูแลตัวรถ Royal Enfield โดยช่างผู้ชำนาญ ซึ่งผู้เขียนก็ได้แอบไปแคะแกะเกาเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ก็พบว่าล้วนแต่เป็นของดีๆ ใหม่ๆทั้งนั้น

ต่อมาเมื่อพ้นจากพิธีเปิดโชว์รูมไปแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงปาร์ตี้ที่ทาง Royal Enfield ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นงานพบปะสังสรรค์ของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งน่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่ได้อยู่ร่วมงานนานเท่าไหร่นัก เพราะต้องรีบกลับไปพักผ่อนร่างกาย สำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น…

คร่อก..

โอเค ตื่นมากับเช้าวันศุกร์ที่เพื่อนหลายคนคงกำลังลั้นลาที่เสร็จงานวันนี้จะได้พักผ่อนหย่อนใจเพราะเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน แต่กับตัวผู้เขียนแล้ว นี่ถือเป็นวันทำงานอีกวันที่ตื่นเต้นเช่นกัน เพราะมันคือวันที่ผูเขียนจะได้ขี่รถเล่นยังไงล่ะ อิอิ

แต่ก่อนที่จะเดินทาง เราก็ต้องมาบรีฟเส้นทาง และสัญญาณ รวมถึงกฏกติกา ข้อปฏิบัติที่จะใช้ระหว่างเดินทางกับทางมาแชลกันซะก่อน

บรีฟเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาแต่งตัวเตรียมตะลอนไปแม่กำปองกัน

เอาล่ะครับ ในเมื่อภาพมาขนาดนี้คงไม่ต้องเดากันแล้วว่าผู้เขียนได้รถมอเตอร์ไซค์คันไหนมาใช้ในการร่วมทริป เพราะแค่เห็นทันทีก็รู้แล้วว่ามันคือ Royal Enfield Himalayan รถมอเตอร์ไซค์แนวแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจากทางค่ายที่มีการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย โดยตลอดเส้นเวลาที่ทั้งผู้เขียนและพี่ๆนักข่าวคนอื่นกำลังเดินทางอยู่นั้น ปรากฏว่าสภาพอากาศ หรือฟ้าข้างบนดูกึ่งๆจะไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก เพราะเล่นครึ้มฝนกันมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ก็ยังดีที่มาเบาช่วงเช้า และเหลือเพียงเมฆสีเทาๆให้หวั่นใจกันเล่นๆเท่านั้น

แต่เพราะสุดท้ายแล้วฝนก็ไม่ยอมตกสักนิด แถมแสงแดดซักเปรี้ยงก็ยังไม่มีนั่นแหล่ะครับ ทำให้การเริ่มทริปครั้งนี้เป็นไปอย่างสบายๆ เนิบๆ และเมื่อประกอบกับการที่ทาง Royal Enfield ทำการบ้านมาดีมากๆในเรื่องการซับแรงสั่นสะเทือนของเครืื่องยนต์ ทำให้ตัวผู้เขียนแทบไม่รู้สึกอาการสะท้านสะเทือนอะไรจากเครื่องยนต์สูบเดียวขนาดความจุ 411cc ลูกใหม่นี้เลยแม้แต่นิดเดียว สามารถชมทัศนียภาพป่าเขาที่อยู่ข้างทางได้อย่างสบายก้น สบายแขน

ด้านการตอบสนองของเครื่องยนต์เมื่อต้องมาเจอทางชันๆเอง ก็ต้องเรียนกันตามตรงว่า มันไม่ได้พุ่งปรื้ดปร้าดขึ้นเขาเหมือนรถมอเตอร์ไซค์แรงบิดสูงทั่วไป แต่จะออกแนวไต่ไปเรื่อยๆมากกว่า ซึ่งมันอาจจะไม่ถูกใจเพื่อนๆสายเถื่อนไปบ้าง และน่าจะถูกใจกับเพื่อนๆสายชิลที่ต้องการความนิ่มนวลในการใช้งานมากกว่า

ถึงตัวหมู่บ้านแม่กำปองแล้วก็ขอพักเที่ยงกันสักนิด กับร้านขันโตกชื่อดังประจำหมู่บ้าน

ง่ำๆๆๆ

บรรยากาศร้านใกล้ชิดธรรมชาติมาก ระหว่างรับประทานมื้อเที่ยงกันอย่างเฮฮากับพี่ๆท่านอื่นก็ได้ยินเสียงน้ำตกคลอไปเบาๆ

หลังรับประทานมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้วก็ถือน้ำออกมากันคนละแก้วยืนคุยกันข้างนอก ชิลๆต่อไปอีกสักพัก…

แต่ผ่านไปได้ไม่นานนักก็ถึงเวลาต้องกลับกันแล้ว เนื่องจากมาแชลเห็นว่าบรรยากาศฟ้าฝนวันนี้ยังดูไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่นัก แม้ว่าช่วงเช้าที่ผ่านมาจะมีแค่เมฆสีครึ้มลอยอยู่เหนือหัวเท่านั้น เราเลยไม่รอช้ารีบตั้งขบวนและบึ่งกลับกันทันที

แน่นอนว่าด้วยความที่ต้องรีบบึ่งกลับ ทำให้ผู้เขียนเองได้มีโอกาสทดสอบระบบช่วงล่างด้วยการสาดโค้งซ้าย-ขวาแคบๆ แบบหนักๆเร็วๆไปในตัว

และจากการทดสอบในช่วงขากลับ ตัวผู้เขียนก็พบว่า แม้โดยพื้นฐานแล้วตัวรถจะเป็นแบบแอดเวนเจอร์ ซึ่งต้องมาพร้อมกับการเซ็ทช่วงล่างแบบนุ่มนิ่มเป็นของคู่กัน แต่จากการลองใช้งานเจ้า Himalayan แบบจริงๆจังๆบนถนนเส้นแม่กำปอง ก็พบว่าตัวรถมีอาการยวบแค่พอให้เราไม่รู้สึกถึงหลุมบ่ออะไรเท่านั้น และเมื่อถึงจังหวะที่ต้องสาดโค้งด้วยความเร็วเดินทางแล้ว ตัวรถแทบจะไม่มีอาการย้วยแบบท้ายโยกไปมาแต่อย่างใดเลย

แถมยางกึ่งหนามที่ให้มาก็ยังเกาะถนนได้ดีแม้พื้นจะเปียกชิ้น และแอบมีฝุ่นดินบ้างนิดหน่อย ทำให้การขี่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกครั้งที่เข้าโค้งอย่างมาก และกลับถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวให้รู้สึกเลยแม้แต่น้อย

เอาล่ะครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนเองก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้มีโอกาสถ่ายภาพสวยๆของหมู่บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ มาให้เพื่อนๆได้ชมมากนัก เพราะติดปัญหาในเรื่องสภาพอากาศ ซึ่งมีผลต่อมาในเรื่องของเวลาของทริป จนทำให้แว้บออกไปถ่ายภาพความสวยงามของหมู่บ้านไม่ทัน ไว้ยังไงถ้ามีโอกาสหน้าเราจะมาทำบทความท่องเที่ยวที่จัดเต็มกว่าน้ให้เพื่อนๆได้รับชมกันแน่นอน