ขณะที่เชื้อไวรัส COVID-19 ยังคงระบาดหนักในบ้านเรา นั่นก็ย่อมส่งผลให้ใครหลายๆคนไม่สามารถนำรถคู่ใจของตนไปออกทริปไกลๆได้อย่างที่เคย ดังนั้นในวันนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆมาดูกันสักหน่อยดีกว่าครับว่า เราสามารถสังเกตดุแลรักษารถมอเตอร์ไซค์ของเราด้วยตนเองได้อย่างไรบ้าง เมื่อต้องจอดไว้นานๆในช่วง Work From Hone เพื่อให้รถของเรายังคงพร้อมสำหรับการเดินทางในครั้งต่อไป (ซึ่งจะได้เริ่มเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้)
1. เช็คระบบไฟ การทำงานของสวิทช์ไฟต่างๆ
สิ่งที่เราอยากจะให้เพื่อนๆลองเช็คกันก่อนเป็นอันดับแรกๆ ก็คือสวิทช์ไฟต่างๆ เราก็ควรเช็คเช่นกันว่ายังคงสามารถใช้งานได้ปกติหรือเปล่า ทั้งสวิทช์ไฟสูง/ไฟต่ำ, แตร, ไฟเลี้ยว, แม้แต่สวิทสตาร์ท เพราะในหลายๆครั้งเมื่อรถต้องจอดไว้นานๆ เราก็มักจะพบกรณีมีหนูเข้ามากันสายไฟ จนทำให้ระบบไฟของรถรวนแล้วใช้ไม่ได้ไปเลยก็ได้
2. เช็คระดับของเหลวต่างๆ
อันที่จริง ข้อนี้ก็มีรายละเอียดที่ไม่ต่างจากข้อก่อนหน้าเท่าไหร่นัก เพราะอย่างที่เราบอกไปว่าเมื่อชิ้นส่วนจำพวกท่อยาง เกิดกรอบ แตก หรือรั่วขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ของเหลวซึ่งอยู่ภายในจะไหลรั่วออกมาได้ ดังนั้นในบางจุดที่เราไม่สามารถสังเกตุได้ว่าท่อยางเหล่านั้น มีความผิดปกติหรือไม่ เราก็ควรจะเช็คว่าระดับของเหลวต่างๆที่มีอยู่ในรถยังคงอยู่ในระดับปกติหรือเปล่า ทั้งระดับน้ำมันเบรก, ระดับน้ำในหม้อน้ำ (ในกรณีนี้ก็ควรเช็คด้วยว่าหม้อน้ำมันการรั่วซึมหรือไม่ ?)
หรือแม้แต่น้ำมันเครื่องเองก็ต้องเช็คด้วยเช่นกัน เพราะแม้รถเราจะไม่ได้ถูกใช้งาน แต่น้ำมันเครื่องก็มีโอกาสจะรั่วซึมไปตามรอยต่อต่างๆของเครื่องยนต์โดยเฉพาะบริเวณน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือถ้าให้ดี ก่อนนำรถกลับไปใช้อีกครั้ง ก็ควรเช็คแล้วเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมดจะดีกว่าเพื่อความพร้อมในการใช้งาน
3. น้ำมัน ควรเต็มถัง
หากจอดไว้นานๆ แต่น้ำมันดันไม่เต็มถัง ความชื้นจากน้ำที่ซึมเข้าไปอยู่ในถังก็อาจจะทำให้ถังเกิดสนิมบริเวณที่น้ำมันท่วมไปถึงก็ได้ แต่ถ้าจอดนานไป ก็อาจจะต้องถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทิ้งด้วยนะครับ เพราะน้ำมันที่ใช้อาจจะเสื่อมสภาพ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “น้ำมันบูด” ได้ (แต่เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์หรอกครับ)
4. แรงดันลมยาง หากต้องจอดนาน ควรแข็งเข้าไว้
ในส่วนของยางล้อรถ นอกจากเราก็ต้องเช็คสถาพว่ามันมีการกรอบ แตกลายงา หรือบวม เหมือนกันกับชิ้นส่วนอื่นๆที่ทำขึ้นจากวัสดุชนิดเดียวกันในข้อ 3 เนื่องจาก ถ้าหากยางล้อรถที่เราใส่อยู่เกิดอาการดังกล่าวขึ้นมา มันก็ย่อมไม่คุ้มที่จะเสี่ยงนำมาใช้อยู่แล้ว ในบางกรณี หากคุณไม่มีสแตนด์ตั้งรถให้ล้อลอยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อเป็นการรักษาสภาพยางให้ยังคงกลม เหมาะสมสำหรับการใช้งาน เราจึงควรจะอัดลมยางให้แข็งๆไว้แต่เนินๆ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ยางไม่ถูกน้ำหนักของตัวรถกดทิ้งไว้จนเสียรูปไป
5. ให้เครื่องยนต์(และรถทั้งคัน)ได้ขยับบ้าง
หากเพื่อนๆคิดว่าการที่เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานเป็นเวลาๆนานๆ ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อตัวมันเองล่ะก็ งานนี้เพื่อนๆอาจจะชะล่าใจมากเกินไปก็ได้ เพราะแม้เครื่องยนต์จะไม่ได้ถูกใช้สตาร์ทใดๆ แต่ชิ้นส่วนภายในของมัน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นกลไกโลหะก็ยังจะเป็นที่จะต้องได้รับการหล่อลื่นจากน้ำมันเครื่องอยู่ เพื่อไม่ให้มันเกิดการฝืดเคืองสำหรับการใช้งานในครั้งต่อๆไป ดังนั้นหากเป็นไปได้ เพื่อนๆจึงจ้องนำรถออกมาสตาร์ทเพื่อวอร์มเครื่องยนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ให้น้ำมันเครื่องได้ไหลเวียนไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆของมันบ้าง
หรือถ้าให้ดี ก็เอารถไปขี่เล่นช้าๆสัก 10-20 นาทีข้างนอกบ้านได้ยิ่งดี เพื่อให้ชิ้นส่วนอื่นๆของรถได้ขยับเช่นกัน แถมยังเป็นการเช็คสถาพรถ รวมถึงชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ไปในตัวด้วย เพราะแม้รถจะไม่ได้ถูกสตาร์ทใช้งาน แต่ประจุไฟในแบตฯก็ยังสามารถลดลงจนหมดได้อยู่ดี และที่สำคัญที่สุด เพื่อนบ้านจะได้ไม่หนวกหูจากเสียงท่อไอเสียของรถเรานั่นเองครับ (ท่อของเราไม่ได้เพราะสำหรับทุกคน)
6. จอดเก็บในที่ร่ม
เมื่อเช็คสภาพต่างๆของรถเสร็จแล้ว เราก็ควรจะเช็ดล้างขัดถูรถ แล้วจอดเก็บในที่ร่มให้ดี เพื่อรักษาสภาพรถให้สมบูรณ์ และลดอัตราการเสื่อมของชิ้นส่วนจากสภาพอากาศอันร้อนอบอ้าวในบ้านเราให้สุดๆนั่นเอง
อ่านบทความ Tips Trick เพิ่มเติมได้ที่นี่
