Tips Trick : เครื่องยนต์แต่ละแบบมีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง ? มาดูสรุปทำความเข้าใจแบบง่ายๆกัน

0

ในปัจจุบัน รถมอเตอร์ไซค์ทั้งเล็กใหญ่นั้นต่างก็มาพร้อมกับลักษณะเครื่องยนต์ที่ต่างกันออกไปตามการออกแบบของผู้ผลิต ซึ่งหลายครั้งเราก็มักจะสงสัยกันว่า แล้วลักษณะเครื่องยนต์แบบที่เราใช้อยู่ มันดี/ด้อย หรือไม่เหมือนกับเครื่องยนต์แบบอื่นยังไงบ้าง ในบทความ Tips Trick วันนี้ เราจึงจะมาสรุปคุณสมบัติต่างๆของเครื่องยนตืเหล่านั้นให้เพื่อนๆได้ทำความเข้าใจกันครับ

*การเปรียบเทียบคุณสมบัตินี้ เป็นการเปรียบเทียบโดยสมมุตว่าเครื่องยนต์ทุกแบบมีขนาดความจุเท่ากัน และขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก มีอัตราส่วนแบบ 1:1 เพื่อความเข้าใจแบบง่ายๆนะครับ

2018-honda-crf250r-06
1. สูบเดียว

ยกตัวอย่าง : มอเตอร์ไซค์กลุ่มเอนดูโร่ทั้งหมด, สกูตเตอร์, แม่บ้าน, หรือมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไบค์พิกัด 150cc ทั้งหลาย
คุณสมบัติ : เบา, เล็ก, ดูแลรักษาง่าย, มีแรงบิดในรอบต่ำดีกว่าใคร (ส่วนกลางกับปลายลืมได้เลยถ้าเทียบกับแบบอื่น), ประหยัดน้ำมัน, แต่แรงสั่นสะเทือนก็มากสุดในกลุ่มเช่นกันโดยเฉพาะในรอบสูงๆ
เหมาะกับ : การใช้งานในเชิงบุกป่าฝ่าดง, รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กที่มีความจุเครื่องยนต์น้อยๆ และต้องการเน้นอัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำ กับความคล่องตัวในเมือง

bmw-f850gs-f750gs-engine
2. 2 สูบเรียง

ยกตัวอย่าง : Kawasaki Ninja 300/650, Honda CBR250RR, Honda 500-Series, Yamaha YZF-R3
คุณสมบัติ : เบา, เล็ก, มีแรงบิดให้เรียกใช้ในตั้งแต่ช่วงรอบกลาง-ปลาย (เมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์สูบเดียวที่มีขนาดความจุเท่ากัน), อาจมีแรงสั่นสะเทือนบ้าง แตก็ไม่เท่ากับสูบเดียว
เหมาะกับ : การใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่ต้องใช้ความเร็วสูงขึ้น หรือใช้งานในเชิงทัวร์ริ่งบ้างก็ยังไหว เนื่องจากมีช่วงแรงบิดให้เรียกใช้ค่อนข้างกว้าง

harley-davidson-120st-engine-01
3. 2 สูบ วี

ยกตัวอย่าง : Ducati หลากหลายรุ่น , Harley-Davidson ทั้งหมด
คุณสมบัติ : มีความสมดุลระหว่างแรงม้ากับแรงบิด, บางและแคบ แต่ก็แลกมาซึ่งความยาวห้องเครื่องที่มากกว่า 2 สูบเรียงเล็กน้อย และสูบหลังอาจมีปัญหาความร้อน, จุดศูนย์ถ่วงต่ำเนื่องจากเสื้อสูบมีการแพนออกด้านข้าง มากกว่าจะตั้งขึ้นตรงๆเหมือนแบบ 2 สูบเรียง
เหมาะกับ : การใช้งานในรถประเภทครุยเซอร์ หรือที่ต้องการความดุดันในการเรียกแรงบิดที่มากกว่า 2 สูบเรียง

2019-bmw-r1250-engine-01
4. 2 สูบนอน

ยกตัวอย่าง : BMW R-Series
คุณสมบัติ : มีความนุ่มนวลหรือนิ่งในช่วงรอบกลาง-สูง มากกว่าเครื่องยนต์ 2 สูบแบบอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด, แรงบิดมหาศาล, ไม่สามารถเอียงรถได้เยอะ เพราะตัวฝาสูบยื่นออกมาจากลำตัวรถพอสมควร
เหมาะกับ : ก็สาวกผู้ใช้รถ BMW นั่นแหล่ะครับ (ฮ่าๆ) หรือการใช้งานในเชิงทัวร์ริ่งที่ต้องการความนิ่งของเครื่องยนต์ในช่วงความเร็วเดินทางมากกว่า 2 สูบเรียง และ 2 สูบวี

Triumph Engine-Moto2_Cover
5. 3 สูบเรียง

ยกตัวอย่าง : Triumph Speed Triple/Tiger, Yamaha MT-09 / Tracer 900 / Niken
คุณสมบัติ : มีความนุ่มนวลหรือนิ่งในช่วงรอบกลาง-สูง ด้วยคุณสมบัติจากลักษณะองศาเพลาข้อเหวี่ยงแบบ 120 องศา, เป็นจุดลงตัวระหว่างเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง และ 4 สูบเรียง
เหมาะกับ : ผู้หลงไหลในการรีดรอบแบบเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง แต่ก็ยังอยากได้แรงบิดให้เรียกใช้ติดมือเหมือนเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ซึ่งเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงนี่แหล่ะครับ คือคำตอบ

kawasaki-zx-6r-engine-01
6. 4 สูบเรียง

ยกตัวอย่าง : ซุปเปอร์ไบค์ตัวพันจากค่ายญี่ปุ่นทุกรุ่น, Honda 650-Series / CB400
คุณสมบัติ : เป็นที่นิยมสูงสุด ด้วยความนุ่มนวลที่มากกว่าใครตั้งแต่รอบต่ำยันรอบปลาย แถมยังมีกำลังแรงม้าให้รีดอย่างสนุกมือในช่วงความเร็วสูงๆ, เสียงเพราะ, แต่ก็แลกมาซึ่งขนาดความกว้างของลำตัวรถที่มากกว่าใคร (แพ้ก็แค่เครื่องยนต์ 2 สูบนอน), และแรงต้น หรืออัตราการตอบสนองต่อคันเร่งในช่วงรอบต่ำ-กลางที่สู้กับเครื่องยนต์สูบน้อยกว่าโดยเฉพาะ 2 สูบเรียงไม่ได้เลย
เหมาะกับ : ผู้หลงไหลในการรีดรอบเครื่องยนต์และอารมณ์แรงไหลปลายที่ความเร็วสูงๆ

V4-Ducati-Desmosedici-Stradale-Engine
7. 4 สูบ วี

ยกตัวอย่าง : Ducati Panigale V4, Aprilia RSV4
คุณสมบัติ : มีความนุ่มนวลในระดับหนึ่ง แต่ก็มีแรงบิดที่หนักหน่วงกว่า 4 สูบเรียง ด้วยลักษณะองศาของเพลาข้อเหวี่ยงแบบไม่สมมาตร, บาง (เพราะเสื้อสูบแพนออกด้านข้างน้อยกว่าแบบ 4 สูบเรียงเกือบครึ่ง) ทำให้สัดส่วนตัวรถค่อนข้างเพรียว ไม่ต่างจากรถ 2 สูบเรียง, แต่ก็มีน้ำหนักที่มากกว่าเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ต้องใช้ชิ้นส่วนยิบย่อยและซับซ้อนเยอะกว่า รวมถึงอาจมีปัญหาในเรื่องความร้อนสะสมบริเวณเสื้อสูบหลังเหมือน 2 สูบวี ถ้าจัดการเรื่องการไหลเวียนอากาศไม่ดี
เหมาะกับ : การใช้งานในเชิงสปอร์ตทัวร์ริ่ง หรือสายสนามที่หลงไหลในแรงบิดช่วงกลาง-ปลาย มากกว่าแรงม้าตอนปลายอย่างเดียวเหมือน 4 สูบเรียง

honda-goldwing-engine-01
8. 6 สูบนอน

ยกตัวอย่าง : Honda Gold Wing
คุณสมบัติ : หนัก, ซับซ้อน, แต่ก็มีความทนทาน แถมนุ่มนวลชนิดที่ว่าแทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน (4 สูบเรียงว่านิ่มแล้ว ลองมาเจอ 6 สูบนอนนี่นิ่มกว่าเยอะครับ)
เหมาะกับ : นักทัวร์ริ่งสายป๋า เน้นความสะดวกสบายทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อน

bmw-k1600-engine-01
9. 6 สูบเรียง

ยกตัวอย่าง : BMW K-Series (ยุคเก่าหน่อยก็ Honda CBX)
คุณสมบัติ : นุ่มนวล (น้องๆ 6 สูบนอน), รีดรอบได้จัดจ้าน, เสียงเพราะ(มาก), กว้าง(มากๆ), ซับซ้อน(กว่า 4 สูบนิดหน่อย), แต่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เหมาะกับ : นักทัวร์ริ่งสายป๋า เน้นการทำเวลานิดๆ และต้องมีเงินในบัญชีหนาพอสมควร (เพราะค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูงนั่นเอง)

2018-suzuki-hayabusa-engine
เพิ่มเติม* สำหรับเพื่อนๆที่อาจจะงงๆหรือยังไม่เข้าใจ เราจึงจะขอไล่เรียง แรงม้า, แรงบิด, และความสั่นสะเทือน
ตามลำดับเครื่องยนต์ต่างๆเพื่อความเข้าใจง่ายๆดังนี้ (สมมุติให้เครื่องยนต์ทุกชนิดมีขนาดความจุและช่วงชักเท่ากันเหมือนเงื่อนไขด้านบน และลำดับตรงนี้สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต ทางผู้เขียนเรียงลำดับเพื่อให้มองเห็นภาพคร่าวๆเท่านั้นนะครับ)

แรงม้า (แปรผกผันกับแรงบิดในช่วงรอบต้น)
6 สูบเรียง = 6 สูบนอน > 4 สูบวี > 4 สูบเรียง > 3 สูบเรียง > 2 สูบวี > 2 สูบเรียง = 2 สูบนอน > 1 สูบ
แรงสันสะเทือน
1 สูบ > 2 สูบวี > 2 สูบเรียง > 4 สูบวี > 3 สูบเรียง > 4 สูบเรียง >= 2 สูบนอน > 6 สูบเรียง > 6 สูบนอน

อ่าน Tips Trick อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!