ประเด็น “ท่อดังเกินไป(ตามดุลยพินิจของตำรวจ)” นั้นถือเป็นปัญหาที่ทำให้เพื่อนๆหลายคนที่เปลี่ยนท่อไอเสียรถมอเตอร์ไซคฺมาปวดหัวกันบ่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ซื้อรถติดท่อไอเสียแต่งมาจากศูนย์บริการ และมั่นใจอยู่แล้วว่ายังไงท่อก็ไม่ดังเกิดนกฏหมายกำหนด แต่ดันถูกเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่าท่อไอเสียของเราดังเกินไปเสียอย่างนั้น ดังนั้น ในวันนี้ทีม MotoRival เราขอมา แนะนำการ ตรวจวัดความดังท่อไอเสีย ตรวจท่อดัง ตรวจความดังท่อ ที่ถูกต้องต้องทำยังไง? จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ
อย่างไรก็ดี หากอิงตามกฏหมายแล้ว ความผิดหรือข้อหาเกี่ยวกับความดังของท่อไอเสียนั้น มีการระบุตัวเลขไว้อย่างชัดเจนว่าจะต้อง “เปล่งเสียงออกมาไม่เกิน 95 เดซิเบล” ดังนั้นการวัดเสียงแค่หูอย่างเดียวแล้วบอกว่า “รู้สึก” ดังเกินไปในความรู้สึกจึง “เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล” เท่าไหร่นัก ทว่าครั้นพอเจ้าหน้าที่จะวัดเสียงท่อไอเสียด้วยอุปกรณ์ที่พวกเขามีก็ดันทำวิธีไม่ถูกต้องตามที่กรมขนส่งกำหนดเอาไว้อีก
ดังนั้นในคราวนี้เราจึงจะมานำเสนอวิธีวัดเสียงท่อไอเสียที่ถูกต้องตามคำแนะนำของกรมขนส่งทางบกกันดังนี้
1. พื้นที่ ที่ใช้ในการตรวจวัดต้องเป็นที่โล่ง ไม่มีกำแพง หรือวัตถุอื่นในระยะ 3 เมตร เพื่อป้องกันเสียงสะท้อนเข้าเครื่องวัดเสียง
2. ตรวจสอบระดับเสียงรวมถึงลมในสภาพแวดล้อมของบริเวณที่จะทำการวัดก่อน ว่าจะต้องดังไม่เกิน 85 เดซิเบล
3. ตัวรถต้องจอดห่างจากขอบทางที่ใช้สัญจรอย่างน้อย 1 เมตร
4. เข้าเกียร์ว่าง อุ่นเครื่องจนร้อนปรกติ หรือไม่น้อยกว่า 5 นาที
5. วางตำแหน่งเครื่องวัด ให้สูงในระนาบเดียวกับปลายท่อไอเสีย, ห่างจากปลายท่อออกไปในรัศมี 0.5 เมตร แต่ต้องไม่น้อยกว่า 0.2 เมตรและ เอียงหลบจากแนวปากท่อเป็นมุม 45 องศา
6. ทั้งนี้ต้องไม่มีบุคคลหรือสิ่งกีดขวางใดๆ ตั้งอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ 0.5 เมตร จากไมโครโฟนของเครื่องวัดระดับเสียง (เพื่อลดเสียงสะท้อนเช่นกัน)
7. เมื่อถึงเวลาวัด เจ้าหน้าที่หรือผู้ขี่ จะต้องเร่งเครื่องยนต์แช่ไว้เพื่อวัดเสียงทั้งหมด 2 ครั้ง แค่จะต้องแบ่งวิธีการวัดตามรอบกำลังแรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์ดังนี้
7.1 สำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงสุด ไม่เกิน 5,000 รอบ/นาที
จะต้องบิดไปที่ความเร็วรอบ 3/4 ของรอบเครื่องยนต์ที่ให้แรงม้าสูงสุด เช่นหากเครื่องยนต์ของรถคันนั้นๆมีแรงม้าสูงสุดที่ 4,500 รอบ/นาที ก็ให้บิดวัดที่ราวๆ 3,375 รอบ/นาที เป็นต้น (รอบคลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 5%)
7.2 สำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงสุด ไม่เกิน 5,000 รอบ/นาที แต่ไม่เกิน 7,500 รอบ/นาที
จะต้องบิดเครื่องยนต์ไปวัดเสียงที่ราวๆ 3,750 รอบ/นาที เท่านั้น (ไม่ควรต่ำหรือสูงกว่านี้)
7.3 สำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงสุด เกิน 7,500 รอบ/นาที ขึ้นไป
จะต้องบิดเครื่องยนต์ไปวัดเสียงที่ราวๆ 1/2 ของรอบแรงม้าสูงสุด เช่น หากเครื่องยนต์ของรถคันนั้นๆมีแรงม้าสูงสุดที่ 10,000 รอบ/นาที ก็ให้บิดวัดที่ราวๆ 5,000 รอบ/นาที เป็นต้น (รอบคลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 5%)
ส่วนผลที่ได้จากการวัดทั้ง 2 ครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเลือกค่าที่ดังที่สุดเป็นค่าอ้างอิง แต่ค่าเสียงที่ต่ำกว่าจะต้องเพี้ยนจากค่าแรกไม่เกิน 2% หากมากกว่านั้น หมายความว่ามีตัวแปรที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการวัดมากเกินไป แนะนำให้วัดใหม่จนกว่าจะได้ค่าเสียง 2 ค่าที่ใกล้เคียงกันมากพอ
โดยข้อมูลทั้งหมดที่เรานำเสนอในครั้งนี้เป็นไปตามคำแนะนำของกรมขนส่งทางบกทั้งสิ้น ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่วัดผิดวิธี เพื่อนๆสามารถนำไปใช้ชี้แจงได้ หรือถ้าไม่เช่นนั้น เราขอแนะนำให้เพื่อนๆ นำรถที่พึ่งไปเปลี่ยนท่อมา ไปตรวจวัดเสียงกับศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์ หรือ ตรอ. ใกล้บ้าน (เสียค่าบริการไม่ถึงหลักร้อย แล้วแต่ที่) แล้วเก็บเอกสารไว้ใช้อ้างอิงกับเจ้าหน้าที่ก็ได้เช่นกัน
เอาเป็นว่าในวันนี้ ก็ขอจบเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ ตรวจวัดความดังท่อไอเสีย ตรวจท่อดัง ตรวจความดังท่อ ที่ถูกต้องต้องทำยังไง? แล้วสำหรับ Tips Trick ครั้งต่อไปจะเป็นอะไร รอติดตามกันได้เลยครับ
อ่าน Tips Trick เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
