รีวิว Vespa Raduno สกู๊ตเตอร์ อิตาลี เวอร์ชั่นไทยโดยเฉพาะ กับราคาเริ่มต้นที่จับต้องง่ายขึ้น

0

เมื่อต้นเดือน สค. 2015 ที่ผ่านมาทาง บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) ได้เฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีของ บริษัทฯ เปิดตัวเวสป้าสองรุ่นพิเศษ ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ได้แก่ Vespa Monochrome Limited Series 150cc ทั้งรุ่น Sprint และ GTS กับ Vespa Raduno Edition S-Series ซึ่งเป็นรถสกู๊ตเตอร์เครื่องยนต์ 125cc ที่จะเข้ามาขยายกลุ่มตลาดของเวสป้าให้กว้างขึ้น โดย Vespa Raduno นี้ถือเป็นรถเวสป้าที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในปัจจุบัน และเป็นเวสป้ารุ่นที่ทำตลาดในประเทศไทยเท่านั้น และทาง MotoRival ของเราก็ไม่พลาดที่จะทดสอบกันกับ รีวิว Vespa Raduno ใหม่ คันนี้

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_01
Vespa Raduno ที่จริงแล้ว ก็คือ Vespa S ไฟเหลี่ยมในตำนานที่เคยเป็นที่นิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งมาจับตกแต่งใหม่

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_027
ด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ พร้อมให้คุณได้เลือกออกแบบรถในสไตล์ของตนเองตามคอนเซ็ปต์ Design Your Own Vespa จากการติดสติ๊กเกอร์ด้วยตัวเอง ซึ่ง Vespa Raduno Edition จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีแดง Rosso Dragon, สีขาว Montebianco ซึ่งมีราคาที่ 84,900 บาท และสีเทาด้าน Grigio Titani ที่ราคา 85,900 บาท

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_60
Vespa Raduno คันนี้ยังคงความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ไฟหน้าทรงเหลี่ยมจาก Vespa S ที่ตัดขอบด้วยโครเมียมมอบลุคหรูปนความคลาสสิค
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_033
จุดเด่นของ Raduno คันนี้ที่แตกต่างจาก Vespa S อย่างเห็นได้ชัด คือ เบาะแบบแบนราบ ถูกปรับดีไซน์ ใหม่เป็นแบบนั่งคนเดียว ดูดีมีสไตล์มากยิ่งขึ้น ซึ่งความสูงเบาะเดิมของ Vespa S อยู่ที่ 785 มม. แต่ Raduno คันนี้ ดูจะมีความสูงมากกว่า จากรูปทรงเบาะที่นูนโค้งมากยิ่งขึ้น โดยในจุดนี้หากผู้ที่มีส่วนสูงไม่มาก หรือ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อาจจะเหยียบได้ไม่เต็มเท้าดีนัก

แม้ว่าเบาะจะดีไซน์มาเพื่อขี่คนเดียว หากจะมีผู้ซ้อนท้ายก็ย่อมได้ แต่ด้วยเบาะตอนท้ายที่สไลด์เอียงไปด้านหลังจึงทำให้ผู้นั่งซ้อนท้าย อาจจะนั่งทรงตัวลำบากไปเสียหน่อย และเมื่อยกับนั่งหลังตรงให้อยู่บนที่นั่ง
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_35
มาต่อที่ชุดเรือนไมล์จะเป็นหน้าปัดทรงกลมฝั่งซ้าย บอกความเร็ว ทั้งแบบ กม./ชม. และ ไมล์/ชม. ฝั่งขวาคือเกจ์วัดน้ำมัน ซึ่งไมล์ทั้ง 2 ฝั่งนี้ จะอยู่ลึกลงไปเพื่อที่จะได้มองเห็นได้ชัดในช่วงเวลากลางวัน
ด้านล่างจะเป็นไฟเตือนต่างๆ เริ่มจากทางซ้าย ไฟ Engine, ไฟเลี้ยว,  นาฬิกา ที่แสดง วัน:เดือน ด้วย, ไฟเตือนน้ำมันใกล้หมด, ไฟเตือนน้ำมันเครื่องพร่อง, สัญญาณไฟสูง
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_38
กระจกมองข้างทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ รับกับชุดไฟหน้า มีตัวหนังสือ “Objects in mirror are closer than they appear” (วัตถุที่มองเห็นในกระจก จะมีขนาดใกล้มากกว่าที่ปรากฏ) มองเห็นชัดเจนไม่หลอกสายตา
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_31
สวิทช์ทางฝั่งซ้ายของแฮนด์ บนสุดจะเป็นไฟต่ำ-สูง ถัดลงมาเป็นไฟเลี้ยว  เอ๊ะแล้วแตรล่ะ?  มันซ่อนอยู่ด้านใต้สวิทช์ไฟเลี้ยวอีกที ซึ่งจะต้องเงื้อมนิ้วโป้งลงไปบีบ ซึ่งการออกแบบเช่นนี้ เพื่อป้องกันการกดถูกแตรสัญญาณโดยไม่จำเป็น แต่ข้อเสียคือ จังหวะที่จะกดใช้งานจริง กลับไม่ถนัดเท่าที่ควร
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_33
ทางสวิทช์ด้านขวา บนจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดไฟ ถัดลงมาเป็นปุ่มติดเครื่องยนต์
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_34
ส่วนปลอกมือ Hand Grip นั้นค่อนข้างมีขนาดใหญ่ อาจจะดูเต็มมือสาวๆ ไปเสียหน่อย พร้อมมีคำว่า Vespa อันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_40
มองลงมาด้านหน้าจะเห็นช่องใส่ของทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งดูขนาดจิ๋วหลิว ไปเสียหน่อย ทางฝั่งขวามีติดป้าย Raduno Edition เสริมความหล่อ นอกจากนี้ยังมีตะขอไว้ให้เกี่ยวของ สามารถใช้ไปจ่ายกับข้าวได้สบาย
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_21
ทางด้านท้ายมีมือจับหลังเป็นวัสดุโครเมียมให้คนซ้อน รวมไปถึงไว้ใช้เข็นรถได้อีกด้วย ชุดไฟท้ายยื่นออกมาเล็กน้อยสีแดงน่ารักตัดกรอบบนด้วยโครเมียม ส่วนไฟเลี้ยวถูกฝังอยู่ในชุดตัวแบบเดียวกับไฟเลี้ยวหน้า
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_28
สำหรับ U-Box ใต้เบาะ มีขนาดเพียงพอหากใส่หมวกกันน๊อคแบบครึ่งใบลงไป ซึ่งยังไม่สามารถที่จะใส่เต็มใบลงไปได้ แต่ก็ถือว่ามีขนาดเพียงพอที่จะเก็บของต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย แต่ก็ควรระวังเรื่องความร้อน อย่าเอาของกิน หรือพวกข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าใส่เข้าไปล่ะครับ
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_074
ขณะที่ล้อหน้าจะใช้ไซส์ 11” สวมยางขนาด 110/70R11 และด้านหลังล้อขนาด 10” สวมยางไซส์ 120/70R10 ซึ่งได้ใช้ยางของ Maxxis

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_084
เครื่องยนต์ 125cc 4 จังหวะ 3 วาล์ว จาก S 125 3 Vie (ฝั่งไอดี 2 วาล์ว และ ฝั่งไอเสีย 1 วาล์ว) แบบ SOHC ความจุจริง 124cc มีกำลัง 11.6 แรงม้า hp @8,250rpm และแรงบิด 10.7Nm@6,500rpm  ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_49
ด้วยเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์แบบ 3 วาล์ว การออกตัว อัตราเร่งในช่วงแรก ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวกับรถสกูตเตอร์ที่มีโครงตัวถังแบบเหล็กกล้า รถดูพุ่งดี ในขณะทั่นเร่งสมูทมาแบบเรื่อยๆ ไม่กระชากเหมือนอย่างสกูตเตอร์ญี่ปุ่น ที่บิดมือหนักไปในช่วงแรกจะดูกระชากไปบ้าง แต่สำหรับ Vespa 3Vie นี้เมื่อความเร็วเริ่มลอยอยู่ตัวแล้ว ที่ระดับ 60 กม./ชม.ขึ้นไป อัตราเร่งต่อจากนี้ไปอาจจะเริ่มตื้อไปบ้าง แต่ความเร็วยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบมาเรื่อยๆ ซึ่ง Top Speed ที่เราทำได้อยู่ที่ 103 กม./ชม. (นั่งตัวตรง) ซึ่งจะว่าไปมันเป็นความเร็วที่มากเกินกว่าที่จะขี่ใช้งานอย่างสบายกับรถสกูตเตอร์ ที่มีขนาดล้อเพียงแค่ 11” ทางด้านหน้า และ 10” ทางด้านท้ายเช่นนี้

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_23
ในด้านของท่านั่ง

จากพื้นฐานของ Vespa S ซึ่งเป็นรถขนาดเล็ก เหมาะแก่ผู้มีสรีระขนาดตัวที่ไม่ใหญ่นัก แต่ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่นับว่าค่อนข้างสูงทีเดียว
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_068
ร่วมกับ Handgrip ที่ใหญ่หนาพอสมควร ดูๆไปแล้ว Vespa Raduno คันนี้ ซึ่งยังคง Concept ของ S Series เอาไว้ อาจจะเหมาะแก่นักขี่ไซส์เล็กฝั่งยุโรปเสียมากกว่า ซึ่งหากเป็นผู้หญิงที่มีขนาดตัวเล็กอาจพบว่า เบาะนั่งจะสูงไปเสียหน่อย ในขณะที่การวางเท้าจัดท่านั่งนั้น Vespa Raduno นี้หากขี่คนเดียวก็ถือได้ว่านั่งสบายพอสมควรเบาะนั่งดีไซน์ใหม่นี้ มีส่วนโค้งเว้าดูกระชับรับกับสรีระช่วงก้นกบได้ดีกว่าเบาะแบนราบใน Vespa S รวมไปถึงท่านั่งการวางแขนกางข้อศอกก็จัดได้ว่าอยู่ในมุมองศาที่พอดีไม่กว้างเกินไปจนต้องถ่างแขนกางจนเมื่อยข้อศอก เรียกได้ว่าขี่คนเดียวไกลๆ ก็ยังนั่งได้สบาย
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_22
จากการที่ผู้เขียนได้ลองทดสอบเป็นผู้ซ้อนด้วย พบว่าเบาะที่ Slope ท้ายนี้ทำให้การนั่งซ้อนลำบาก และตำแหน่งวางเท้าผู้ซ้อนดูจะยังเหยียบได้ไม่เต็มเท้าเท่าที่ควร ซึ่งผู้ขี่อาจจะต้องล่นตัวไปทางด้านหน้าเพื่อไม่ให้ตำแหน่งวางเท้าชิดกับผู้ซ้อนมากไปซึ่งส่งผลต่อระยะของตำแหน่งแฮนด์ที่หดชิดเข้ามามากเกินไป ทำให้การเลี้ยวควบคุมแฮนด์นั้นดูจะค่อนข้างลำบาก

สรุปได้ว่าการปรับรูปลักษณ์เบาะใน Vespa Raduno นี้เน้นเพื่อการขี่คนเดียวสบายๆ ชิลๆ หล่อ ดูดีมีสไตล์มากกว่า การมีผู้ซ้อนด้านหลัง

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_088
ในส่วนของการควบคุม Handling เราพบว่า ตามสไตล์ของ Vespa นั้นมักจะมีอาการหน้าไว จากน้ำหนักส่วนหัวรถที่เบา ทำให้การเลี้ยวโค้งอาจดูหวิวๆ ไร้น้ำหนักไปบ้าง แต่ถือว่าเป็นรถที่เลี้ยวได้ง่าย และคล่องตัวมากระดับหนึ่งในการใช้งานในเมือ งตำแหน่งของรถที่ดูสูง ทำให้ตำแหน่งแฮนด์สูงตามไปด้วย ซึ่งมักจะสูงกว่ากระจกมองข้างรถยนต์ขนาดเล็ก จึงทำให้มุดได้คล่องตัวดีในการจราจรที่ติดขัด  แต่หากขี่รถที่ความเร็วสูงระดับ 90 กม./ชม. ขึ้นไป จะพบอาการหน้าส่าย แกว่งไปบ้าง รวมไปถึงแฮนด์ที่แคบ จึงทำให้การขี่ด้วยความเร็วสูงควรต้องจับควบคุมแฮนด์ให้มั่นคง

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_092
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าแบบสวิงอาร์มเดี่ยม พร้อมโช้คอัพเดี่ยว ด้านหลังโช้คอัพเดี่ยวไฮโดรลิก ปรับระดับได้ 4 ระดับ
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_075
ถือว่าแข็งทีเดียว แต่แน่นเฟิร์มดี ซึ่งผู้เขียนชอบอาการช่วงล่างแบบนี้ (เมื่อขี่คนเดียว) แต่หากขี่ผ่านลูกระนาด หรือทางรถไฟ ต้องชะลอความเร็วและหย่อนรถลงช้าๆ เพื่อป้องกันการสะเทือน  เพราะต้องระวังเรื่องพื้นที่ใต้ท้องรถ (Ground Clearance) ที่ต่ำด้วย โดยเฉพาะด้านท้ายที่โช้คอัพหลังเดี่ยวยึดติดกับตัวเครื่องยนต์โดยตรง ซึ่งควรต้องระวังในจังหวะ Bumping ของโช้คอัพหลังอย่างรุนแรง   แต่ด้วยการเซ็ทช่วงล่างที่ค่อนข้างแข็งนี้ หากที่ผ่านเส้นทางที่มีพื้นผิวขรุขระ สามารถทำได้ดีกว่ารถญี่ปุ่นเนื่องจากระยะการเคลื่อนตัวที่ต่ำกว่า และอาการช่วงล่างที่เฟิร์มมั่นคงกว่า

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_098แต่สำหรับการเลี้ยวโค้งนั้น ยังไม่ควรเลี้ยวเข้าด้วยความเร็วมากไปนัก เนื่องจากหน้าไว ซึ่งหากขี่รถเข้าโค้งด้วยความเร็วอาจพบอาการท้ายแกว่งออกมาได้ เนื่องจากหน้าเข้าแต่ท้ายหนัก เหมือนหลังจะดื้อ (Understeer) ไปบ้างจึงทำให้การเข้าโค้งด้วยความเร็วและไวไป อาจพบอาการแกว่งออกมาให้เห็นบ้างในบางจังหวะ

เอาเป็นว่าช่วงล่าง แน่นเฟิร์มขี่หล่อๆ คนเดียว นั้นทำได้ดี ไม่น้อยหน้ารถญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_59
ระบบเบรก หน้าดิสก์ขนาดจาน 200 มม. ปั๊มเบรกไฮโดรลิกเดี่ยว  ด้านหลังแบบดรัมเบรกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 110 มม. (Vespa 150 จะมีขนาด 140 มม.)

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_041
ฟีลลิ่งในการเบรกนั้นดูจะแข็งทื่อไปเสียบ้าง ตามสไตล์ของดรัมเบรก  รวมไปถึงน้ำหนักในการกดก้านเบรกนั้นดูจะแข็งไปหน่อยไม่มีระยะในการกดก้านเบรก ซึ่งจะว่าไปก็เป็นสไตล์ของรถ Vespa อยู่แล้ว อารมณ์เดียวกับที่ผู้เขียนเคยลอง Primavera 150 เมื่อประมาณ ปีที่แล้ว ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาในการปรับคุ้นชินมือสักระยะ
รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_017
การชะลอรถลงสามารถใช้เบรกหน้าในการจิกชะลอความเร็วลง แต่หากขี่มาด้วยความเร็วก็อาจต้องลงน้ำหนักที่เบรกทางฝั่งซ้าย มากกว่า รวมไปถึงควรต้องมีการเผื่อระยะเบรกเพิ่มเอาไว้อีกเล็กน้อย

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_19
สรุป Vespa Raduno รถสกูตเตอร์ AT ที่อิงพื้นฐานมาจากรถ Vespa S 125 3Vie แต่มากับรูปลักษณ์ใหม่ ปรับปรุงโดนใจคนไทยมากยิ่งขึ้น แถมกลับทำราคาถูกลงแทนที่จะแพงกว่าร Vespa S ปกติ  นับได้ว่าทำมาเอาใจ เน้นขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรถสกูตเตอร์ระดับพรีเมียมจากญี่ปุ่นในพิกัด 150cc ก็จะนับว่า Vespa Raduno ใหม่ นี้มีราคาแพงกว่า ราว 1 หมื่นบาท ซึ่งก็อาจทำให้ผู้คนที่มองหารถสกูตเตอร์ ญี่ปุ่นระดับพรีเมียม อาจพิจารณาอัพเกรด มาเป็นการขี่รถชิลๆ สบายๆ หล่อๆ ได้แบรนด์เวสป้า อย่าง Vespa Raduno ใหม่คันนี้

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_15นอกจากนี้ Vespa Raduno ยังถือว่าเป็น เวสป้าราคาย่อมเยาที่สุดพร้อมโปรโมชั่นดาวน์ต่ำสุดเพียง 5,800 บาท ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 เท่านั้น

รีวิว-Vespa-Raduno-MotoRival_57ขอขอบคุณ บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) สำหรับรถทดสอบ Vespa Raduno สีเทาด้าน ราคา 85,900 บาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Vespa เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

รีวิว Vespa Raduno

7 สกูตเตอร์ มีระดับ ดีไซน์โดน

สกูตเตอร์รุ่นเริ่มต้นจาก เวสป้า โดยการนำ Vespa S มาปรับรูปลักษณ์ให้โดนใจคนไทยมากยิ่งขึ้น แต่ทำราคาถูกลง
แบบนี้สายสปอร์ตต้องหามาไว้เป็นรถขี่ชิลสักคันล่ะ

  • User Ratings (2 Votes) 6.9
Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!