รีวิว สัมผัสแรก Benelli TRK502X และ Benelli Leoncino Trail ลูกสิงโต และ ADV ขาลุย คันล่าสุดจากเบเนลลี่

0

ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า นอกจากกระแสความนิยมในรถมอเตอรไซค์แนวสปอร์ตไบค์ที่ดูโฉบเฉี่ยวโดนใจวัยรุ่นแล้ว ตัวรถมอเตอร์ไซค์กลุ่ม Adventure-Touring เองก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะมันตอบโจทย์ในการเดินทางไกลที่มากกว่า และในขณะเดียวกันนั้นเอง รถมอเตอร์ไซค์แนว Scrambler-Bike ก็มีการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกระแสแฟชันความคลาสสิคที่กลับมาบูมอีกครั้งในปัจุบัน

จากจุดนี้เองจึงทำให้ทาง Benelli เปิดตัว TRK502 และ Leoncino ออกมาเพื่อตีทั้งสองตลาดที่ว่านี้โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนว่าแค่นั้นจะยังไม่ช่วยให้ตัวรถของพวกเขาสามารถใช้งานได้ครอบคลุมเท่าที่ควร จึงได้มีการออกแบบทั้งสองโมเดลขึ้นมาใหม่เพื่อให้มันรองรับกับการใช้งานทางฝุ่นมากขึ้น จึงได้กลายมาเป็นเจ้า TRK502X และ Leoncino Trail ที่เราได้มีการทดสอบกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า และกำลังจะมาเล่าถึงความรู้สึกคร่าวๆของทั้งสองคันนี้ให้เพื่อนๆได้รับทราบกันครับ

*ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า การทดสอบที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการทดสอบที่ทาง Benelli จัดให้สื่อได้ทดสอบตัวรถในสนามเอนดูโร่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเราจึงจะไม่มีการพูดถึงความรู้สึกตอนใช้งานบนถนนดำ เช่นอัตราเร่ง, ความเร็วสูงสุด, ท่านั่งตอนขี่ระยะไกล เนื่องจากไม่ได้มีการเก็บข้อมูลตรงนี้ และจะเน้นไปที่การพูดถึงในส่วนของ การบาลานซ์ตัวรถ และความยากง่ายในการควบคุมรถตอนที่ต้องลุยบนเส้นทางสมบกสมบันจริงๆเป็นหลัก

2018-Benelli-TRK502X-38
เริ่มจากทางฝั่งของ TRK502X ที่แต่เดิมมันก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์แนว Adventure-Touring Bike คันใหญ่อยู่แล้ว แต่พอทาง Beneli ได้นำมันมาตกแต่งใหม่ด้วยชิ้นส่วนที่รองรับกับการใช้งานในทางธุรกันดารมากขึ้น ทั้งชุดระบบกันสะเทือนหน้าหลังที่ถูกยืดความยาวให้มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดจนความสูงของเบาะเพิ่มขึ้นเป็น 840 มิลลิเมตร จากเดิมที่สูงเพียง 800 มิลลิเมตร รวมถึงความสูงใต้ท้องรถก็เพิ่มขึ้นเป็น 220 มิลลิเมตรจาเดิมที่สูงเพียง 190 มิลลิเมตร ใน TRK502 รุ่นธรรมดา ซึ่งเรียนตามตรงว่าในเรื่องความสูงเบาะที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลถึงผู้ใช้ไซส์เล็กมากพอสมควร แต่จะมากยังไงเดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังอีกทีครับ

2018-Benelli-TRK502X-27
ชุดล้อเปลี่ยนจากแบบอัลลอยด์ 17 นิ้วหน้า/หลัง เป็นแบบล้อซี่ขนาดวง 19 นิ้วด้านหน้า และ 17 นิ้วด้านหลัง รัดด้วยยางกึ่งหนาม ขนาด 110/80- R19 กับ 150/70 – R17 ตามลำดับแทน ซึ่งในจุดนี้จะสังเกตุได้อีกอย่างนึงว่าทาง Benelli ได้มีการเปลี่ยนชุดปั๊มเบรกคู่หน้าใหม่จากเดิมที่เป็นแบบเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท เป็นแบบโฟลทติ้งคาลิปเปอร์ 2 พอร์ท ธรรมดา รวมถึงจานเบรกเองที่แม้จะยังมีขนาดเท่าเดิมคือ 320 มิลลิเมตร แต่ก็มีการเปลี่ยนจากชุดจานขอบกลมธรรมดาให้กลายเป็นขอบลอนคลื่นดูสวยงามมากขึ้น และเพื่อความปลอดภัยทางค่ายก็จัดระบบ ABS มาให้เสร็จสรรพ โดยผู้ขี่สามารถสั่งปิดระบบได้หากต้องการจะใช้งานในทางฝุ่นโคลนแบบนี้

2018-Benelli-TRK502X-34
ขยับขึ้นมาตรงกลางลำตัวรถก็จะเห็นแครชบาร์ขิ้นใหม่ที่ออกแบบให้บานออกด้านข้างมากกว่าเดิม โดยเราพบว่ามันสามารถลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากตอนที่รถลงไปนอนกองตรงพื้นได้จริง เรียกได้ว่าไม่มีรอดขีดข่วนใดๆบนตัวรถให้เห็นเพิ่มหลังจากที่ผู้ร่วมทดสอบตัวรถขณะนั้นพลาดล้มเลยซักนิด (คืออันนี้ตัวผู้เขียนไม่ได้ล้มเองนะครับ ขอไม่ลองของตรงนี้ก็แล้วกัน ฮ่าๆ)

2018-Benelli-TRK502X-31
ขยับไปด้านท้ายก็จะเห็นชุดท่อไอเสียที่ทาง Benelli ได้ปรับย้ายขึ้นมาให้ปลายท่อออกข้างเบาะนั่งผู้ซ้อนจากเดิมที่อยู่ด้านล่างตรงกลางลำตัวรถ นอกจากนี้ยังมีการเสริมชุดโครงเหล็กสำหรับกันขาผู้ซ้อน และเอาไว้เป็นที่กันกระเป๋าปี้บด้านข้างอีกทางหนึ่งด้วย (ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าในส่วนของโครงเหล็กที่ว่านี้จะมีมาให้ตั้งแต่ออกศูนย์เลยหรือไม่ เพราะตอนเปิดตัวเราไม่พบว่ามันมีชิ้นส่วนนี้ติดมาด้วย)

2018-Benelli-TRK502X-22
และสุดท้ายคือชุดแร็คด้านหลังที่ออกแบบใหม่จากเดิมที่เป็นแบบอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ให้กลายเป็นแบบโครงเหล็กพร้อมเจาะรูสำหรับยึดปี๊บหลังเสร็จสรรพ

2018-benelli-leoncino-trail-10
ต่อกันที่ฝั่งของ Leoncino Trail สแครมเบลอร์ไบค์โฉมใหม่ล่าสุดที่พึ่งมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปีที่ผ่านมากันบ้าง หลังจากที่ทาง Benelli ได้นำเอาตัว Leoncino รุ่นธรรมดามาเบิกร่องตลาดเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยหากจะให้พูดถึงจุดเปลี่ยนที่แตกต่างออกไปของเจ้า Trail เมื่อเทียบกับรุ่นธรรมดาก็จะมีแค่เพียง 2 จุดหลักเท่านั้น คือ ชุดระบบกันสะเทือนด้านหลังที่ถูกเซ็ทอัพใหม่ให้ยืดยุบได้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการกระโดดหลุมบ่อต่างๆ โดยในจุดนี้เองก็ได้ส่งผลให้ระยะความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 25 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนแรก

2018-benelli-leoncino-trail-05
และจุดที่ 2 ก็คือ ตัวชุดล้อของตัว Trail ที่เปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกับ TRK502X คือหันไปใช้ล้อซี่รัดด้วยยางกึ่งหนามขนาดเดียวกันทั้งหมด แทนที่จะเป็นล้ออัลลอยด์ขอบ 17 นิ้วหน้า/หลัง เหมือนตัวธรรมดา ด้านชุดจานเบรกก็เปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้เป็นจานขอบลอนคลื่น แม้กระทั่งชุดปั๊มเบรกหน้าก็มีการหันไปใช้แบบโฟลทติ้งคาลิปเปอร์ 2 พอร์ท แทนแบบเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท รวมถึงระบบ ABS เปิด/ปิดได้ก็มีมาให้เช่นกัน

เอาละครับเข้าสู่ช่วงของความรู้สึกที่ได้จากการขี่จริง

2018-benelli-trk502x-press-test-oct-06
เริ่มจากเจ้า TRK502X เช่นเดิม ซึ่งสิ่งแรกที่เราสัมผัสได้ก่อนเลยก็คือน้ำหนักตัวรถที่ถือว่ามากเอาเรื่อง แถมหากลองหาบานลานซ์ตัวรถดูดีๆก็จะพบว่าจุดศูนย์กลางน้ำหนักค่อนถ่วงตกไปด้านหน้ามากไปนิด เพราะจะรู้สึกได้ค่อนข้างชัดเจนว่าพลิกหน้ารถยากกว่าปกติ (เมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ล้อหน้าขอบ 19 นิ้ว ล้อหลังขอบ 17 นิ้วด้วยกัน) และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เหล่าผู้ทดสอบหลายๆคนล้มกลิ้งไม่เป็นท่าในช่วงแรก ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนไม่เคยขับรถที่หนักเกิน 170 กิโลกรัมมาก่อน (ตัวรถ TRK502X จริงๆหนักประมาณ 213 กิโลกรัม) จึงต้องระวังและปรับตัวให้ดีกันซักนิดก่อนที่จะนำมันไปบุกตะลุยจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของตัวเพื่อนเอง

ด้านที่ตัวโช้กแม้จะออกแบบมาให้มีระยะยุบเยอะกว่าเดิมก็จริง แต่ยังมีความแข็งกระด้างจนไม่สามารถซับแรงตอนกระแทกหลุมบ่อได้หมดจดขนาดนั้น สังเกตุได้เลยนับตั้งแต่เริ่มนั่งคร่อมว่าตัวรถยุบลงจากก่อนนั่งน้อยมาก (ทั้งๆที่ตัวผู้เขียนหนักเกือบ 90 กิโลกรัม) จึงสรุปเป็นความรู้สึกคร่าวๆได้ว่า การเช็ทติ้งโช้กอัพจากโรงงานมานั้น ทาง Benelli ยังค่อนข้างเน้นให้ TRK502X คันนี้เน้นใช้งานในทางดำมากกว่า โดยเพื่อนๆสามารถปรับเซ็ทให้โช้กหน้าหลังอ่อนลงได้ในภายหลังนะครับ จึงไม่ต้องซีเรียสไป

ขณะเดียวกันนั้นเอง ด้วยตำแหน่งแฮนด์บาร์สูงและกว้างตามฉบับ ADV-Bike ช่วงเบาะใหญ่เต็มก้น จึงทำให้การควบคุมตัวรถในท่านั่งขี่ทำได้ดีมากๆ และน่าจะช่วยลดความเมื่อยล้าในการเดินทางไกลได้ดีเลยทีเดียว ในทางกลับกันนั้นเองถ้าหากขี่ด้วยท่ายืนตรง คงดูจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก เพราะตำแหน่งของแฮนด์อยู่ด้านหน้าไปนิดจึงต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเป็นพิเศษ ประกอบกับความกว้างของช่วงท้ายถังน้ำมันและเบาะนั่งบริเวณโคนขากว้างเกินไป จึงทำให้ใช้ขาหนีบไม่ถนัดนัก (ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ยังระบุเช่นเดิมว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะถ้าจัดตำแหน่งดีๆก็สามารถพาตัวรถบุกตะลุยทางฝุ่นได้สบายๆเช่นกัน)

43627367_753118595035148_868067329232076800_n
ส่วนในฝั่งของ Leoncino Trail เองก็มีน้ำหนักเบา และกดลงไปด้านหน้าน้อยกว่า TRK อย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้มีความคล่องตัวและความสนุกในการขับขี่สูงมาก สามารถหักเลี้ยวรถไปมาได้คล่องมือดีจริงๆ นอกจากนี้ตัวแฮนด์บาร์เองก็ออกแบบมาในฉบับสแครมเบลอร์ ที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งช่วยผ่อนแรงในการหักเลี้ยวไปได้เยอะ

ด้านระบบกันสะเทือนเองต้องเรียนตามตรงว่า ตัวโช้กหน้าเดิมๆโรงงานมานั้น เซ็ทแข็งไปนิด อาจจะด้วยความที่มันคือชุดเดียวกับของ TRK502X ที่หนักกว่า จึงทำให้พอมันมาอยู่กับ Leoncino Trail ที่เบากว่าราวๆ 10 กิโลกรัม ตัวโช้กหน้าเลยออกอาการกระด้างมากเป็นพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าหากเพื่อนๆคนไหนซื้อไปแล้วพบว่ามันแข็งไปอย่างที่เราว่าจริงๆก็สามารถปรับเซ็ทใหม่ได้เช่นกันครับ ส่วนโช้กหลังโดยส่วนตัวถือว่ากำลังดีแล้วกับการทดสอบลุยร่องเบิกหลุมครั้งนี้ ไม่มีอะไรต้องติเลย (แต่ต้องมองในมุมของโช้กที่เซ็ทมาเผื่อทางดำมากกว่าเอามาลุยนะครับ)

ปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นแบบ 2 สูบเรียง, แคมคู่ (DOHC), ระบายความร้อนด้วยน้ำ, จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด, เปิดปิดลิ้นเร่งด้วยระบบสายเคเบิ้ล (ก็คันเร่งธรรมดานี่แหล่ะครับ) ที่สามารถทำแรงม้าได้สูงสุด 48 ตัว (HP) ที่ 8,000 รอบ/นาที กับแรงบิดอีก 45 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที เหมือนกันทั้งคู๋ ซึ่งบุคลิกของเจ้าเครื่องยนต์ลูกนี้ตอนอยู่กับทั้ง TRK502X และ Leoncino Trail ต่างก็มีนิ่มนวลไม่กระโชกโฮกฮาก และมีแรงบิดในรอบต่ำที่กำลังดีพร้อมจะส่งตัวรถขึ้นเนินได้ทุกเมื่อที่ต้องการแม้ว่าในตัว TRK จะหนักถึง 200 กว่ากิโลกรัมก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันหากพูดถึงอัตราการตอบสนอง่อคันเร่งนั้น ยังถือว่าตอบสนองช้าไปนิด ซึ่งอาจจะขัดใจผู้ใช้สายบู้ไปบ้าง แต่ก็น่าจะพอเหมาะพอดีกับผู้ขี่หน้าใหม่พอสมควรเลยทีเดียว

2018-benelli-trk502x-leoncino-trail-press-test-01
สรุป

สำหรับ TRK502X และ Leoncino Trail ที่ทาง Benelli ได้นำมาให้เราทดสอบนั้น อาจจะมีข้อติงในเรื่องน้ำหนักและความกระด้างของโช้กที่มากเกินไปนิดหากต้องการใช้งานบนเส้นทางธุรกันดาร แต่โดยรวมถือว่าทั้งสองคันนี้ก็สามารถทำหน้าที่ของมันได้ดี สามารถบุกตะลุยฝ่าอุปสรรคบนทางข้างหน้าได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก ซึ่งเราเชื่อว่าหากมีการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่แล้วล่ะก็ มันน่าจะเพิ่มความสนุกในการขี่แนวนี้ได้อีกหลายขุมเลยทีเดียว

เพราะในส่วนของท่านั่งเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนัก และยังอยู่ในจุดที่สามารถปรับตัวเข้าหาได้สบายๆ ขณะที่เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 499cc 48 แรงม้าที่ติดรถมาก็มีเรี่ยงแรงที่กำลังดี ไม่น้อยจนรู้สึกว่ารถเหนื่อย และไม่ได้เยอะจนรู้สึกว่าจะดุดันสำหรับมื่อไหม่จนเกินไป ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนสนใจหรือกำลังตามโมเดลนี้อยู่ล่ะก็ เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองพิสูจน์กันดูจริงๆครับ แล้วจะพบว่ามันไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งรายอื่นๆไปซักเท่าไหร่เลย

รณกฤต ลิมปิชาติ Test Rider + Writer

อ่านรีวิว อื่นๆ ได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Benelli เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!