รีวิว “Yamaha Finn” มอเตอร์ไซค์แม่บ้านพา “ฟินน์กับน้ำมัน 1 ถัง @สารคาม” พร้อมพิสูจน์อัตราสิ้นเปลือง 73 กม/ลิตร !

0

ย้อนไปเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หากเพื่อนๆคนไหนติดตามที่หน้าเพจ อาจจะพอทราบกันมาหน่อยแล้วว่า ทางทีมงาน MotoRival เราได้รับโอกาสจากทาง Yamaha Motor Thailand ให้เข้าร่วมทดสอบรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้อย่างเจ้า Yamaha Finn ด้วยโจทย์ “#ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทยใช้น้ำมันถังเดียว”

2018-yamaha-finn-review-trip-31
ดังนั้นคงมีเพื่อนๆหลานยคนสงสัยกันอยู่ไม่มากก็น้อยว่า เจ้า Finn คันนี้จะไปได้ไกลและประหยัดแค่ไหนกันแน่ กับน้ำมันหนึ่งถังติดรถที่มีความจุ 4.2 ลิตร ซึ่งเราก็ไม่ขออารัมภบทอะไรไปมากกว่า นี้ และมาเริ่มเล่าถึงบรรยากาศ กับผลการทดสอบแบบ “ฟินน์ๆ” ของมันกันเลยดีกว่าครับ

2018-yamaha-finn-review-trip-05
โดยสำหรับจุดเริ่มต้นของเราในทริปนี้นั้น ถ้าไม่นับตั้งแต่ตอนแรกที่ได้รับกุญแจเจ้า Yamaha Finn จากศูนย์บริการ ก็คงต้องบอกว่าเราจะเริ่มกันตั้งแต่ปั๊มน้ำมันในตัวอำเภอเมือง ของจังหวัดมหาสารคาม เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของทริป และเราจะเติมน้ำมันเจ้ารถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านคู่ใจในทริปนี้ของเรากันที่นี่ พร้อมเริ่มนับเลขไมล์(กิโลเมตร)จากจุดนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆตามแผนกันต่อไป

2018-yamaha-finn-review-trip-02
และจุดหมายแรกของทริป “ฟินน์@มหารสารคาม” ก็คือ “วัดหนองหูลิง” ที่ตั้งอยู่ หมู่ 7 ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม เพื่อไปเยี่ยมชม “อุโบสถรูปทรงเรืออนันตนาคราช” สีทองเด่นเป็นสง่าที่ว่ากันว่าใช้ทุนสร้างมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจุดเด่นของอุโบสถแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ความสวยสดงดงามจากรายละเอียดและความประณีตในการสร้างเท่านั้น

2018-yamaha-finn-review-trip-03
แต่ทางวัดยังแฝงอุบายในเรื่องของ “ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น” ด้วยการสร้างประตูทางเข้า ที่มีชื่อว่า “ประตูความดี” ให้เตี้ยกว่าดับหัวไหล่ เพื่อที่จะให้ผู้เข้ามาสักการะ “องค์พระพุทธมหาชัยมงคลเมทนีดลสารคามพิทักษ์” ซึ่งเป๋็นพระพุทธรุปที่ตั้งองค์ไว้ในอุโบสถแห่งนี้ ได้ก้มหัวทั้งก่อนเข้าและก่อนออกจากบริเวณอุโบสถ

ภาพจากเว็บไซต์เทศบาลเมืองมหาสารคาม

ภาพจากเว็บไซต์เทศบาลเมืองมหาสารคาม

ต่อจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยัง “บ้านแกดำ”เพื่อแวะเวียน “สะพานไม้แกดำ” อันเป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นทอดข้ามพาดผ่านลำห้วยหนองแกดำ สำหรับเชื่อมต่อระหว่างวัดดาวดึงษ์แกดำ บ้านแกดำ และวัดบูรพาวนาราม บ้านหัวขัว เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยในช่วงน้ำลดภายในทุ่งจะเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว มีต้นบัวแดงแซมอยู่เป็นระยะ บรรยากาศเงียบสงบ และสวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงจังหวะเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะยิ่งดูถูกใจคู่รักอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือทั้งหมดของทริปวันแรกด้วยระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ทั้งไป(นับจากปั๊มน้ำมัน) และกลับ (เข้าโรงแรมที่พัก)

2018-yamaha-finn-review-trip-18
ต่อมาในวันที่ 2 เราก็ตื่นกันตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้า เพื่อเตรียมตัวและสตาร์ทเจ้า Yamaha Finn ตอน 8 โมงและเดินทางไปยัง “กู่สันตรัตน์” ที่ตั้งอยู่ ต.กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ไกลออกไปจากโรงแรมประมาณ 65 กิโลเมตร โดยกู่แห่งนี้คือปราสาทหินที่สร้างด้วยศิลาแลงเป็นศิลปะขอมแบบ บายน มีมีวัตถุประสงค์เพื่อประดิษฐานรูปเคารพสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นโรคยาศาล หรือพักรักษาพยาบาลคนเจ็บป่วยอีกด้วย ซึ่งเราบอกได้เลยว่าแม้ที่นี่จะไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวที่ดูจะสะดุดตาในแผนที่เท่าไหร่นัก แต่ในภาพรวมแล้วทางผู้เขียนก็ต้องบอกตามตรงว่าที่นี่ “มีความขลัง” ตามฉบับของโบราณสถานขอมโบราณสูงมาก

2018-yamaha-finn-review-trip-16
ถัดจากนั้นไม่ไกลนัก ประมาณ 6 กิโลเมตร เราก็ขี่รถไปยัง “พระธาตุนาดูน” พุทธมณฑลแห่งอีสาน อันเป็นเขตที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน โดยโบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่น

2018-yamaha-finn-review-trip-17
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 13-15 สมัยทวาราวดี รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างพระธาตุนาดูนขึ้นในเนื้อที่ 902 ไร่ โดยบริเวณรอบๆ จะมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม สวนรุกขชาติ สวนสมุนไพร ตกแต่งให้เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา

2018-yamaha-finn-review-trip-20
และหลังจากพักรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านบริเวณพระธาตุเสร็จกันซักพัก เราก็ขยับแถวกันไปอีกนิด (ไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากพระธาตุ) เพื่อแวะชม “พิพิธภัณฑ์บ้านอีสาน” ที่จัดตั้งขึ้นโดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่ออธิบายสภาพชีวิตของสังคมและวัฒนธรรมอีสาน ทั้งในเรื่องของวิถีการดำเนินชีวิต ความสัมพันธ์ของชาวพื้นถิ่นกับสิ่งรอบตัว รวมถึงเป็นการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนในแบบฉบับของคนอีสานไปในตัวอีกด้วย

2018-yamaha-finn-review-trip-21
และเมื่อจบจากการพักผ่อนหย่อนใจถ่ายรูปกันชิลๆในบริเวณพิพิธภัณฑ์ เราก็เคลื่อนพลนักข่าวที่เข้าร่วมทริปครั้งนี้จำนวน 10 กว่าชีวิต เดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองมหาสารคามไปยัง “ห้างสรรพสินค้าเสริมไทย” เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม “Yamaha Club Race” แต่ในการเดินทางกลับครั้งนี้จะเป็นการใช้เส้นทางที่ค่อนข้างอ้อมซักหน่อย เพื่อให้เหล่าผู้ร่วมทริปได้สัมผัสถึงตัวรถ Yamaha Finn กันแบบยาวๆเป็นระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร แล้วจึงขี่กลับเข้าที่พักหลังเสร็จกิจกรรมสุดท้ายของทริปนี้เป็นระยะทางอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งนี่คือทั้งหมดของทริป “ฟินน์@มหารสารคาม” ครั้งนี้

2018-yamaha-finn-review-trip-08
สำหรับฟีลลิง หรือความรู้สึกหลังจากที่ได้อยู่กับเจ้า Yamaha Finn คันนี้เป็นระยะมากกว่า 240 กิโลเมตร ต้องบอกตามตรงว่าทาง Yamaha ทำการบ้านในเรื่องของน้ำหนักตัวรถมาดีมากๆ เพราะนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สัมผัส ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าเจ้า Finn มีน้ำหนักตัวที่เบามาก และจะยิ่งเห็นความดีงามเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ก็ตอนที่ต้องหลบหลุมร่องต่างๆบนถนนที่เราใช้เดินทาง ซึ่งตัวผู้เขียนสามารถพลิกรถไปมาได้คล่องแคล่วมากๆโดยที่ไม่ต้องฝืนหรือขืนตัวรถใดๆทั้งสิ้น

2018-yamaha-finn-review-trip-12
ในขณะเดียวกันเอง ตัวระบบกันสะเทือนหน้า/หลังของ Finn ก็ถูกเซ็ทอัพมาแบบกระชับกำลังดี สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วระดับ 70-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ซึ่งเป็นความเร็วพื้นฐานที่เราใช้ในการเดินทางตลอดทริป ถ้าไม่นับช่วงที่ต้องเบรกชะลอตอนอยู่ในเมือง) ได้อย่างมั่นใจไม่พบอาการย้วย แม้ตัวผู้เขียนจะหนักถึง 90 กิโลกรัม แต่ก็ไม่แข็งกระด้างจนกระแทกกระทั้นตอนเจอลอนหรือเจอยางมะตอยปะผิวทางที่พบได้ตามถนนในแถบชนบททั่วๆไป

2018-yamaha-finn-review-trip-09
นอกจากนี้ในเรื่องของระบบเบรกทาง Yamaha ก็เซ็ทมาให้ทำงานได้ดีเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะเบรกหน้าที่ตอบสนองต่อแรงกดบนก้านเบรกได้อย่างสมดุลและนุ่มนวล แต่ก็สามารถชะลอตัวรถได้ตามใจสั่งไปในเวลาเดียวกัน จะติดก็แค่แป้นเบรกหลังที่เซ็ทออกโรงงานมาตื้นไปนิดก็เท่านั้น

2018-yamaha-finn-review-trip-10
ด้านเครื่องยนต์ 115cc ที่ประจำการอยู่ใน Yamaha Finn คันนี้ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวลตั้งแต่ต้นจนถึงรอบปลายๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นข้อดีที่มีให้เห็นตั้งแต่ที่ทางค่ายได้ทำเครื่องยนต์บล็อคนี้ยุคแรกๆออกมาและรักษาเอาไว้จนส่งต่อมาถึงเจ้า Finn ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นล่าสุด ส่วนความรู้สึกในเรื่องของอัตราเร่งก็ถือว่ากำลังพอเหมาะพอดีตามขนาดความจุเครื่องยนต์ (แต่เผลอๆจะแอบไหลนิดๆในช่วงความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป เหมือนแรงบิดกำลังมาอะไรแบบนั้น)

2018-yamaha-finn-review-trip-11
อ้อ ถ้าไม่นับเรื่องหน้าตาที่ต้องเรียนตามตรงว่าจะดีงามหรือไม่ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลล่ะก็ อีกหนึ่งจุดเด่นในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า Yamaha Finn ที่น่าชมคันนี้ก็คือ การที่ทางค่ายได้ออกแบบช่องใส่ของทางฝั่งซ้ายบนของชุดบังลมมาให้ โดยความลึกของมันนั้นสามารถใส่ขวดน้ำอัดลม 15 บาทได้สบายๆแบบไม่ต้องกลัวหล่นอะไรทั้งสิ้น (ถ้าไม่ไปตกหลุมแรงๆเข้า) ซึ่งปกติแล้วช่องใส่ของแบบนี้จะมีให้เฉพาะในรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มออโตเมติกเท่านั้น

2018-yamaha-finn-review-trip-40
ส่วนผลทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้องที่เราทำได้หลังจบทริปนั้นปรากฏว่าเจ้า Yamaha Finn นั้นสามารถทำได้ดีเกินคาดไว้พอสมควร เพราะตัวเลขที่ดีที่สุดที่สามารถวัดได้ในทริปนี้นั้นอยู่ที่ 72.99 กิโลเมตร/ลิตร! จากการใช้น้ำมัน 3.37 ลิตร ไปกับระยะทาง 246 กิโลเมตร ซึ่งนี่เป็นตัวเลขที่สามารถทำได้จริง ไม่ได้มีการเล่นตุกติกหรือแอบกรอไมล์แต่อย่างใด

2018-yamaha-finn-review-trip-41
ส่วนค่าอัตราสิ้นเปลืองของตัวผู้เขียนนั้น สามารถทำได้ก็อยู่ที่ราวๆ 59.14 กิโลเมตร/ลิตร จากการใช้น้ำมันไปประมาณ 3.5 ลิตร กับระยะทางอีก 207 กิโลเมตร (หมดก่อนถึงห้างสรรพสินค้า) เพราะแม้ว่าตลอดทริปทุกคนจะขี่ไปเป็นกลุ่มไม่ได้แตกแถวออกจากกัน และใช้ความเร็วเฉลี่ยเท่ากันจริง แต่ยังไงในจังหวะเร่ง/ผ่อน เพื่อออกจากโค้ง เพื่อเร่งแซง หรือคลอคันเร่งเพื่อเลี้ยงความเร็วอาจจะต่างกันไปตามนิสัยของแต่ละคน ประกอบกับที่ตัวผู้เขียนเองอาจจะมือหนัก (และตัวหนัก) ไปหน่อย แถมยังมีบางจังหวะที่อยากทดสอบอัตราเร่งตัวรถ รวมถึงพยายามกดหาความเร็วสูงสุดอยู่พักหนึ่ง และอยากจำลองให้เหมือนการขี่แบบสภาวะใช้งานแบบแม่บ้าน หรือนักเดินทางทั่วๆไปใช้จริงที่สุด จึงทำให้ค่าตรงนี้ต่ำกว่าค่าสูงสุดที่ทำได้ในทริปลงมาพอสมควร

2018-yamaha-finn-review-trip-25
โดยที่ต้องบอกว่าใช้น้ำมันไป 3.5 ลิตร ทั้งๆที่ในรูปขึ้น 3.7 ลิตรเป็นเพราะว่า ในวันแรกที่ให้เติมน้ำมันผู้เขียนไม่ได้ตั้งรถให้ตรงเพื่ออัดน้ำมันเข้าถังให้เต็ม (จอดขาตั้งข้างแล้วเติมทั้งอย่างนั้น เหมือนใช้จริงที่สุด) แต่พอมาเติมรอบตอนใกล้จบทริป ผู้เขียนได้จัดการตั้งรถให้ตรงและอัดน้ำมันเข้าถึงเต็มที่ จึงจำเป็นที่จะต้องตัดน้ำมันส่วนเกินราวๆ 0.2 ลิตร ออกไปและได้ค่าอัตราสิ้นเปลืองดังที่แจ้งไว้นั่นเอง

2018-yamaha-finn-review-trip-33
จึงสรุปได้ว่าอย่างน้อยๆถ้าเป็นการใช้งานแบบคนทั่วไป ยังไงตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของมันก็จะต้องอยู่ในระดับเกือบๆ 60 กิโลเมตร/ลิตร ซึึ่งก็ถือว่าสูงและน่าพอใจมากๆอยู่ดี และเมื่อประกอบกับฟีลลิ่งการขับขี่ที่จัดว่าดีใช้ได้ ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนที่กำลังสนใจรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านซักคันเจ้า Yamaha Finn คันนี้ก็เป็นตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียวครับ

อ่านข่าว Yamaha อื่นๆได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!