Honda CB1300 Super Four หรือที่เรารู้จักใช้ชื่อ Big One รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไฟกลมอีกหนึ่งรุ่น ที่ถือเป็นรถในตำนานจากฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งถูกลากขายมานานหลายปีโดยที่แทบไม่มีการปรับโฉม จนเป็นเหมือนคุณปู่ที่คู่บ้านคู่เมืองวงการสองล้อค่ายปีกนก แต่ด้วยความที่ในปีนี้ จะเป็นปีสุดท้ายที่คนปู่จะอยู่กับเรา เราเลยจะขอพาไปดูตำนานของรถรุ่นนี้ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย

ตำนานของ Honda Big One นั้นเริ่มขึ้นในปี 1992 ค่ายปีกนำได้ทำการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไฟกลมรุ่นใหญ่ภายใต้รหัส CB1000 Super Four ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี ที่ยกมาจากรถสายสปอร์ตทัวริ่งในตำนานอีกรุ่นอย่าง CBR1000F Hurricane

ชื่อเล่นของมันอย่าง Big One นั้นก็มีที่มาจากเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1 ลิตร ที่ให้พละกำลังได้สูงสุดที่ 97 Hp และแรงบิด 89 Nm ซึ่งถือว่าใหญ่และแรงมากในยุคนั้น เพราะต้องอย่าลืมว่ารถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสายสนาม ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ WSBK ในยุคนั้น ยังใช้เครื่องยนต์ขนาด 750 ซีซี อยู่เลย

ต่อมาในปี 1998 Big One ก็เริ่ม Bigger เนื่องจากได้รับเครื่องยนต์ลูกใหม่ขนาด 1,284 ซีซี ที่ยกมาจากรถครุยเซอร์สูบเรียงอย่าง Honda X4 พละกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 100 Hp โดยที่พละกำลังและแรงบิดนั้นจะมาด้วยรอบที่ต่ำลงกว่าเดิม กลายเป็น Honda CB1300 Super Four รุ่นแรกอย่างเป็นทางการ และจะเป็นชื่อที่จะอยู่คู่วงการไปอีกนาน

โดยรถร่างเครื่องใหญ่นั้นจะได้รับการปรับโฉมครั้งแรกในปี 2003 โดยมันได้รับการปรับโฉมรอบคัน แฟริ่งรอบตัวรถเป็นของใหม่ทุกชิ้น ทรวดทรงดูมีความกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิม เปลี่ยนจากการจ่ายน้ำมันด้วยคาบูเรเตอร์ เป็นระบบหัวฉีด และลดน้ำหนักตัวลงไปถึง 20 กิโลกรัม แต่คนทั่วไปคงแยกไม่ออกว่ามันต่างจากเดิมตรงไหนบ้าง ความแตกต่างที่เห้นได้ชัดเจนที่สุดจะอยู่ที่หน้าตาของเครื่องยนต์ ซึ่งในรุ่นนี้ได้ทำการเอาครีบระบายความร้อนด้านข้างเครื่องออกแล้ว

ถัดมาในปี 2005 ค่ายปีกนกก็ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ให้สายทัวริ่ง โดยการเปิดตัว CB1300S Bol d’Or ที่ทำการติดตั้งแฟริ่งบังลมครึ่งตัวเข้าไป ซึ่งชื่อดังกล่าวก็มีที่มาจากการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์แบบอึดถึกทด 24 ชั่วโมง Bold’or ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพวกเราในปัจจุบันน่าจะคุ้นชินกับการเห็นมัน ในฐานะรถมอเตอร์ไซค์ของตำรวจญี่ปุ่นที่ใช้มาถึงปัจจุบัน

ตัวรถได้รับการปรับโฉมเล็กน้อยในปี 2010 และอีกครั้งในปี 2014 และครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับโฉมด้านรูปลักษณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งสุดท้ายของมัน แน่นอนว่าหน้าตาของมันก็แทบจะไม่มีความแตกต่างออกไปจากเดิม แต่ถ้า Honda สามารถลากขายรถรุ่นเดิม ด้วยหน้าตาแบบเดิมมาได้นานขนาดนี้ เราก็คิดว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหา

และแล้วก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิตของคุณปู่ในปี 2018 ค่ายปีกนกได้ทำการเปิดตัวรถรุ่นสเปคแน่นอย่าง CB1300 Super Four SP และ CB1300 Super Bol d’Or SP ที่ทำการติดตั้งระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวตั้ง แต่ด้านหลังแบบสปริงคู่พร้อมซับแทงค์จาก Ohlins และคาลิเปอร์เบรกด้านหน้าจาก Brembo ถือเป็นรถที่สเปคแน่นที่สุดของตระกูล Big One

นอกจากนี้รถโฉมล่าสุดยังได้ทำการติดตั้งระบบไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED เพิ่มพละกำลังสูงสุดเป็น 109 Hp และต่อมาในปี 2021 ก็ได้มีการเพิ่มคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ และ Cruise Control เข้ามาเสริม โดยอุปกรณ์พื้นฐานที่ว่ามานี้จะอยู่ในรถรุ่นมาตรฐานด้วยเช่นกัน

และสุดท้ายคือในปี 2025 ค่ายปีกนกได้ทำการเปิดตัวรถรุ่นส่งท้ายเพื่อปิดตำนาน Big One ด้วย CB1300 Super Four SP และ CB1300 Super Bol d’Or SP Final Edition ที่มาพร้อมกับชุดสีแบบเดียวกับ Big One รุ่นแรก แต่น่าเสียดายที่รถรุ่นพิเศษนี้น่าจะมีจำหน่ายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น

อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่