หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเรามีโอกาสพูดถึง รถมอเตอร์ไซค์ที่ปลุกกระแสบิ๊กไบค์ในประเทศไทยอย่าง Kawasaki ER-6N และ Ducati Monster 795 กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความที่คนไทยในยุคนั้นคลั่งไคล้เสียงของเครื่องยนต์ 4 สูบ จนเข้าขั้นก่อตั้งลัทธิ ครั้งนี้พวกเราก็คงต้องพูดถึง Honda CBR650F และ CB650F เจ้าของฉายา 4 สูบ เอื้ออาทรกันสักหน่อย

ก่อนอื่นเราก็ต้องขอเล่าบรรยากาศในช่วงประมาณปี 2010-2015 กันก่อนว่า รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นั้นยังถือเป็นของใหม่สำหรับคนไทย คือถึงมันจะอยู่ในไทยมานานแล้ว แต่ก็ถูกมองเป็นของเล่นค่าตัวแพง เป็นของนำเข้าที่คนทั่วไปยากจะหามาครอบครอง
แต่ด้วยการเปิดโรงงานรถหลายค่ายในไทย รวมถึงการยกเว้นภาษีนำเข้ารถจากญี่ปุ่น รวมถึงการเปิดตัวรถคลาสกลางที่เป็นมิตรมากขึ้น ก็ทำให้ความนิยมของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้สังคมคนเล่นรถบิ๊กไบค์ในตอนนั้นก็ยังไม่เปิดกว้างเท่ากันตอนนี้ ที่มองเห็นสเน่ห์ของเครื่องยนต์ไม่ว่าจะมี 1 หรือ 4 สูบ เพราะในช่วงเวลานั้น รถที่ดีที่สุดในมุมมองของคนส่วนใหญ่ คือรถที่มีสูบเยอะที่สุด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเสียงที่หวานหูมากกว่ารถตลาด แค่ฟังก็รู้สึกว่าพิเศษมากกว่า อีกส่วนอาจเป็นผลมาจากรถแข่งในสนามที่มีเครื่องยนต์ 4 สูบ เหมือนกัน

และนั่นทำให้ในช่วงปลายปี 2013 Honda ก็ได้ทำการเปิดตัวคู่แฝดรถมอเตอร์ไซค์คลาสกลางรุ่นใหม่ ที่มีค่าตัวเป็นมิตรอย่าง CBR650F ในโฉมสปอร์ตฟูลแฟริ่งแบบนั่งสบาย และ CB650F โฉมสปอร์ตเปลือยเน้นความคล่องตัว โดยมันเข้ามาทำตลาดแทนที่ Honda CB600 Hornet ที่คนไทยน่าจะไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไร

มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ศักดิ์สิทธิ์ตามค่านิยมของคนไทย แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 649 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 87 Hp ที่ 11,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 63 Nm ที่ 8,000 รอบต่อนาที มีท่อไอเสียเรียงขนานเป็นแนวสวยงาม

เครื่องยนต์ถูกติดตั้งอยู่ในชุดเฟรมที่ทำจากเหล็ก บวกกับการที่มีเครื่องยนต์ลูกสูบเยอะ ก็ทำให้น้ำหนักตัวของฝาแฝดคู่นี้ขึ้นไปอยู่ที่ 208-212 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างหนักถ้าเทียบกับคู่แข่งคลาสเดียวกัน แต่ขณะเดียวกันมันก็ทั้งมีแรงม้ามากกว่า และเสียงหวานกว่าคู่แข่งที่มีลูกสูบน้อย

ระบบไฟส่องสว่างด้านหน้า และไฟเลี้ยวเป็นแบบหลอดไส้ มีแค่ไฟท้ายที่เป็นแบบ LED, หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล LCD, ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบเทเลสโคปิคหัวตั้ง ด้านหลังแบบสปริงเดี่ยว, ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์คู่ พร้อมคาลิเปอร์แอ็กเซียลเม้าท์
กับตัวช่วยความปลอดภัยเดียวคือระบบเบรก ABS และยังไม่มี Traction Control หลายคนก็อาจจะมองว่าสเปคของมันไม่ค่อยมีอะไร แต่เราบอกได้เลยว่าสเปคนี้ถือว่าทันสมัย และดีพอแล้วสำหรับยุคนั้น จุดเด่นที่สุดก็คือเรื่องของค่าตัว ที่ในตอนนั้นรถโฉมสปอร์ตเปลือยจะเริ่มต้นอยู่แค่ 285,000 บาท กับค่าตัวแค่นี้ แต่ได้เครื่องยนต์ 4 สูบ เราก็ไม่แปลกใจถ้ามันจะได้รับฉายา 4 สูบ เอื้ออาทร


ต่อมาในช่วงปลายปี 2017 ค่ายปีกนกก็ได้ทำการปรับโฉมของมันครั้งแรก โดยเป้าหมายหลักจะอยู่ที่การปรับค่าไอเสียให้ผ่านมาตรฐาน EURO4 ในช่วงเวลานั้น พร้อมกับการปรับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ทั้งคัน แต่ยังคงสไตล์ของไฟหน้าโคมเดียว แต่เปลี่ยนเป็นหลอดไฟ LED ส่วนไฟเลี้ยวยังเป็นหลอดไส้เหมือนเดิม ระบบกันสะเทือนหน้าก็ยังเป็นแบบหัวตั้งเหมือนเดิม และยังได้รับความนิยมเหมือนเดิม

ก่อนที่ในปี 2019 ชื่อของ CBR650F และ CB650F ก็ถึงจุดจบ เพราะมันถูกแทนที่ด้วยรถรหัสใหม่อย่าง CBR650R และ CB650R ซึ่งที่จริงแล้วมันก็คือรถคันเดิมที่ผ่านการปรับสเปคชุดใหญ่ โฉมสปอร์ตได้รับไฟหน้าโคมคู่ โฉมชีเปลือยเปลี่ยนเป็นไฟกลมแบบโมเดิร์น พร้อมกับการติดตั้งระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวกลับ และคาลิเปอร์เบรกหน้าแบบเรเดียลเม้าท์ จัดเต็มเหนือคู่แข่ง

อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่