แปลจากบทความของ: Kevin Cameron (Cycle World)
เมื่อไม่นานมานี้ ผมย้อนนึกถึงเรื่องราวที่อดีตช่างเครื่องคู่ใจของทีม Kenny Roberts เคยเล่าให้ฟัง บอกว่าปัญหาใหญ่ในยุคนั้นคือ ยิ่งยางแข่งถูกพัฒนาให้ “หนึบ” มากขึ้น นักแข่งก็ยิ่งกล้า “พับรถ” ลงลึกกว่าเดิม จนแฟริ่งครูดพื้นหรือท่อไอเสียแทบจะกระเด็นหลุด สุดท้ายทีมช่างไม่มีทางเลือก ต้อง “ยกความสูง” ของรถแข่งขึ้นเกือบ 2 นิ้ว เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้โดยไม่ติดพื้น

ภาพที่เราเห็นจนชินตาในสนาม MotoGP ปัจจุบันเป็นหลักฐานชัดเจน องศาการเอียงรถแตะระดับ 63-64 องศา ทำให้นักแข่งต้องคิดหาวิธี “ถ่วงดุล” แบบใหม่ ไม่ใช่แค่เพื่อหลบพื้นถนน แต่ยังเพื่อรักษาหน้ายางให้สัมผัสพื้นให้มากที่สุด
จากยุค “เข่าเช็ดพื้น” (Knee-down) ที่เคยฮิต ก็เริ่มไม่พอ นักแข่งต้องขยับก้น บิดเอว จนมาถึงปี 2013 เมื่อ Marc Márquez ปฏิวัติวงการด้วยท่า “ศอกเช็ดพื้น” (Elbow-down) โหนตัวท่อนบนลงจนสุดเพื่อกดรถ และล่าสุดเราได้เห็น Jorge Martin แชมป์โลกที่ไปไกลถึงขั้น “ไหล่เช็ดพื้น” กันแล้ว

ยิ่งรถสูง ยิ่งหนาว (หน้าลอย)
ฟิสิกส์ก็คือฟิสิกส์ มีกฎเหล็กที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า “ยิ่งยกใต้ท้องรถสูงเพื่อเลี่ยงมุมเอียง จุดศูนย์ถ่วง (CG Center of Gravity) ก็จะสูงขึ้นตาม” และ CG ที่สูงนี่แหละคือตัวการใหญ่ที่บั่นทอนสมรรถนะของรถแข่ง
เร่งไม่ออก: เพราะทันทีที่บิดคันเร่ง หน้ารถก็พร้อมจะลอย (Wheelie) จนต้องผ่อนคันเร่ง
เบรกไม่อยู่ดังใจ: เมื่อเบรกหนัก ล้อหลังก็พร้อมจะลอยข้ามหัว (Stoppie) ทำให้แรงกดที่ล้อหลังหายไป
ในอดีต วิศวกรแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมา คือจับนักแข่งขยับมานั่งชิดถังน้ำมันมากที่สุดเพื่อกดหน้ารถ แต่ผลที่ได้ก็มีแค่พอช่วยได้เล็กน้อย ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด

ไม้ตายใหม่: Shapeshifter (Ride Height Device)
แต่ในยุคปัจจุบัน วิศวกรเจอวิธีแก้ปัญหา นั่นคือเทคโนโลยี Ride Height Device
ไอเดียนี้คือการเอาข้อดีของรถ Drag (เตี้ย เร่งดี) มาผสมกับรถ Circuit (สูง เข้าโค้งดี) โดยให้นักแข่งกดปุ่มสั่งการได้ดั่งใจ
- ทางตรง & เบรกหนัก: กดปุ่มปุ๊บ โช้คยุบตัวลง รถเตี้ยติดพื้น CG ต่ำลง ทำให้เปิดคันเร่งได้เต็มข้อโดยหน้าไม่หงาย และเบรกได้หนักหน่วงโดยท้ายไม่ลอย
- เข้าโค้ง: ระบบปลดล็อก ดีดตัวรถกลับสู่ความสูงปกติ เพื่อให้มีระยะ Clearance สำหรับการพับรถลึกๆ
นี่คือการพังทลายกำแพงการประนีประนอมแบบเดิมๆ แม้ระบบนี้จะยังมีจุกจิก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย (บางครั้งล็อกค้างจนนักแข่งแย่) แต่เมื่อมันทำงานเต็มประสิทธิภาพ ก็เป็นอาวุธที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่อง “ความสูง” ได้อย่างอยู่หมัด
อย่าหวังพึ่งแค่ระบบไฟฟ้า
หลายคนอาจเถียงว่า “อ้าว ก็มีระบบกันล้อยก (Anti-wheelie) อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ขอย้ำอีกทีว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้น “ไม่ได้ช่วยให้รถเร็วขึ้น” แต่จะทำงานโดย “ตัดกำลังเครื่องยนต์” เพื่อป้องกันการหน้าหงาย หรือพูดง่ายๆ คือมัน “ตัดแรงม้า” ของคุณทิ้งไป
ในขณะที่ระบบโหลดต่ำ (Shape-shifter/Holeshot device) เป็นการแก้ปัญหาทางกายภาพจริงๆ ช่วยให้คุณใช้แรงม้าได้เต็มที่โดยไม่ต้องพึ่งระบบตัดกำลัง และนี่คือความแตกต่างอย่างแท้จริง
แต่กฎใหม่ของ MotoGP ปี 2027 เตรียมโบกมือลาอุปกรณ์ปรับความสูงสุดล้ำเหล่านี้ไปอย่างถาวร ซึ่งแปลว่า “กางเกงใน” ของเหล่าวิศวกรจะได้กลับมาซิ่งเข้าเส้นอีกครั้ง วัฏจักรการคิดค้น แก้เกมก็จะหมุนวนเหมือนล้อต่อไป
งานนี้ต้องลุ้นกันว่า “ท่าไม้ตาย” ฉากต่อไปบนเวทีความเร็ว จะเป็นสูตรลับแบบไหน!
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมที่นี่


