ได้เวลาแห่งความสนุกเร้าใจ สำหรับสาวก Honda CBR Series เตรียมพบกับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยการเปิดประสบการณ์การขับขี่ในสนามแข่งขันระดับโลก ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายนนี้ ฮอนด้าเชิญชวนเจ้าของสุดยอดสปอร์ตไบค์ในตระกูล CBR Series ได้แก่ CBR1000RR, CBR650R, CBR500R, CBR250RR และ CBR150R มาร่วมสร้างความทรงจำครั้งสำคัญกับการสัมผัสสมรรถนะที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งขัน ภายใต้รูปแบบ Track Xperience บนสังเวียนดวลความเร็วที่ใช้จัดศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์อย่าง “โมโตจีพี” โดยมีนักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพของฮอนด้าพร้อมให้คำแนะนำการขับขี่อย่างใกล้ชิด ด่วน! เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม CBR Series Track Xperience ได้ที่ศูนย์บริการ Honda Wing Center ใกล้บ้าน หรือคลิกที่ https://bit.ly/3gEnozq อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่…
Author: admin
หลังจาก Brad Binder สร้างประวัติศาสตร์ได้หลายอย่างในการแข่งขันเมื่อวาน ทั้งการเป็นนักบิดหน้าใหม่คนแรกในรอบ 7 ปี ที่สามารถคว้าชัยชนะในรุ่นใหญ่ได้แม้พึ่งแข่งไปเพียง 3 เรซ และการเป็นนักบิดคนแรกที่สามารถพาตัวรถของ KTM จบการแข่งขันเป็นอันดับ 1 ได้ จึงทำให้นักบิดผู้มีเขี้ยวเสน่ห์คนนี้ดูน่าจับตามองขึ้นมาอีกพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะขอพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักเขาเพิ่มกันหน่อยดีกว่าครับว่า ประวัติ Brad Binder นักบิดคนนี้จะมีความเป้นมาน่าสนใจอย่างไรบ้าง? Brad Binder เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1995 ที่เมือง พอตเชฟสตรูม ประเทศแอฟริกาใต้ เริ่มชีวิตในเวทีมอเตอร์สปอร์ตด้วยการแข่งรถโกคาร์ทจนได้แชมป์ระดับประเทศตั้งแต่อายุแค่เพียง 8 ขวบ และเพื่อหาความท้าทายใหม่จึงทำให้เขาเลือกมาแข่งรถมอเตอร์ไซค์ตอนอายุ 10 ขวบ แล้วไม่หันหลังกลับไปจับรถ 4 ล้ออีกเลย หลังจากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในเวทีการแข่งขันระดับประเทศที่แอฟริกาใต้ Brad ได้รับเลือกให้มาแข่งขันในเวที Red Bull MotoGP Rookies Cup ในปี 2009…
ขณะที่ผู้ผลิตค่ายอื่นๆทยอยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อควมปลอดภัย แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ดูเหมือน BMW Motorrad จะมีความสนใจเป็นพิเศษในการพัฒนาชุดเฟรมใหม่ๆเพื่อรถมอเตอร์ไซค์ของพวกเขาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบเฟรมแบบล่าสุดที่พวกเขาพึ่งคิดค้นขึ้นมานั้น ก็เป็นเฟรมคาร์บอนแบบใหม่ที่ไร้สวิงอาร์มหลังเสียด้วย โดยหากเพื่อนๆยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้mทาง BMW ได้เคยสร้างเฟรมคาร์บอนมาแล้วครั้งหนึ่งกับไฮเปอร์ไบค์ที่เกิดมาเพื่อลงสนามโดยเฉพาะอย่างเจ้า HP4 Race และจากภาพสิทธิบัตรที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ตอนนี้ ก็จะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่ามันคือชุดเฟรมคาร์บอนที่ถูกต่อยอดมาจากไฮเปอร์ไบค์คันดังกล่าวเพียงแต่จะมีความแตกต่างคือบริเวณช่วงครึ่งล่างของเฟรมจะถูกออกแบบให้ยืดยาวออกไปด้านท้ายเพื่อใช้ขายึดล้อหลังแทนสวิงอาร์มซึ่งถือว่าน่าสนใจอย่างมาก เพราะแม้หากมองโดนผิวเผินสิ่งที่เราสัมผัสได้ทันทีคือช่วงท้ายของรถที่ใช้เฟรมแบบนี้จะต้องมีความสะท้านสะเทือนแน่นอน แต่ในสิทธิบัตรก็ระบุว่าแม้เฟรมคาร์บอนนี้จะเป็นแบบ Hard-Tail แต่วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ขึ้นรูปในช่วงที่เป็นแขนยืดออกไปนั้นจะมีคุณสมบัติที่สามารถให้ตัวได้และมีความยืดหยุ่นประมาณหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้มันสามารถทำงานร่วมกับชุดระบบกันสะเทือนที่จะมาช่วยเสริมความสามารถในการซับแรงอีกทางด้วย ไม่ได้เป็นแบบแข็งตายไปเลยเหมือนเฟรม Hard-Tail ทั่วๆไป ดังนั้นเราจะบอกว่านี่คือเฟรมแบบลูกผสมหรือไฮบริดก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก ส่วนเป้าหมายหรือประโยชน์ของชุดเฟรมนี้ที่ BMW หวังเอาไว้ ก็คือการรีดน้ำหนักชุดเฟรมให้มากที่สุดเท่าที่ได้ เพราะหากใช้เฟรมแบบทั่วไปที่ต้องใช้งานร่วมกับสวิงอาร์มซึ่งสามารถเป็นสวิงอาร์มคาร์บอนได้ แต่ยังไงมันก็ต้องใช้ร่วมกับเพลาและน็อต/โบลท์เพื่อยึดกันอยู่ดี ดังนั้นเมื่อใช้เฟรมแบบ Hard-Tail แล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนเหล่านี้ออกต่อไปแล้วนั่นเอง แต่ถ้าหากถามว่าแล้วเมื่อไหร่เราจะได้เห็นทางค่ายทำมันขึ้นมาใช้จริงล่ะก็ งานนี้เราคงบอกว่าอีกนาน หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ครับ เพราะยังไงมันก็ยังเป็นเพียงแนวคิดในขั้นต้นเท่านั้น อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
แม้เทคโนโลยี Yamaha LMW อาจจะดูคุ้นตาว่ามันมาพร้อมกับ Yamaha Tricity 125 เป็นคันแรก เมื่อปี 2014 แต่แท้จริงแล้วก่อนหน้าที่สกู๊ตเตอร์รุ่นนี้จะถูกเผยโฉมออกมา ทาง Yamaha ได้เคยนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบหลายล้อและสามารถเอียงไปตามแนวการโค้งเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งนั่นก็คือกับเจ้าYamaha Tesseract ที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ตอนนี้ และสำหรับข้อมูลในเบื้องต้นเจ้า Tesseract Concept คันนี้ เป็นต้นแบบรถมอเตอร์ไซค์ 4 ล้อ ที่ทาง Yamaha ได้เคยเผยโฉมมันออกมาในงาน Tokyo Motor Show 2007 โดยชูจุดเด่นคือระบบกันสะเทือนและระบบบังคับเลี้ยวของมันที่ต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ 4 ล้อทั่วๆไป เพราะไม่ได้ใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบปีกนก แต่เป็นแบบสวิงอาร์มแขนเดี่ยวที่ยึดกับกระเดื่องโช้กเดี่ยวตรงกลาง เหมือนกันทั้งชุดล้อคู่้หน้าและล้อคู่หลัง จึงทำให้ล้อทั้ง 2 ฝั่งสามารถยกขึ้นลงตามความสูงของพื้นผิวถนนได้อย่างอิสระและในขณะเดียวกันล้อแต่ละคู่ก็ยังสามารถใช้โช้กตัวเดียวซับแรงด้วยกันได้ ส่วนจุดที่แตกต่างกันระหว่างระบบกันสะเทือนของล้อคู่หน้า กับล้อคู่หลังก็คือ ด้วยความที่ล้อคู่หน้าต้องใช้เพื่อการบังคับเลี้ยว ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆสังเกตให้ดีก็จะพบว่าดุมล้อคู่หน้านั้น จะเป็นแบบคอม้าเหมือนรถยนต์ และมีก้านโยงที่ต่อกับแฮนด์บาร์อีกทีเพื่อใช้เป็นแกนสำหรับสั่งให้ดุมคอม้าหักไปมาเพื่อเลี้ยวซ้าย/ขวา คล้ายๆกับระบบบังคับเลี้ยวแบบ Hub Steering ขณะที่ชุดล้อคู่หลังก็จะใช้ระบบส่งกำลังจากเครื่องยนต์ V-Twin…
Motrac แบรนด์มอเตอร์ไซค์เจ้าดังจากประเทศจีน เตรียมรุกตลาดรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่อีกครั้ง หลังมีข้อมูลหลุดออกมาว่า ณ ขณะนี้ พวกเขากำลังพัฒนารถมอเตอร์ไซค์แนวครุยเซอร์รุ่นใหม่ที่ไม่รุ้ว่าด้วยความบังเอิญหรือความตั้งใจ จึงทำให้ใครหลายๆคนที่พบเห็นต่างนิยามว่ามันคือ Mini-Ducati Diavel โดยสิ่งที่ทำให้ให้ Motrac 900 คันนี้ มีหน้าตาสื่อถึง Diavel ก็คือ ถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับชิ้นแฟริ่งขนาบข้างดีไซน์เหมือนท่อดักอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของเพาเวอร์ครุยเซอร์รุ่นดังกล่าว ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งในส่วนของดีไซน์ไฟหน้า, แฟริ่งข้างหม้อน้ำที่ครอบตั้งแต่แนวถังน้ำมันยาวลงไปถึงอกล่าง, กับชุดเบาะนั่งชิ้นเดียวแต่แบ่งเป็น 2 ตอนขนาดใหญ่ของมัน ก็ล้วนแสดงถึงความเป็นมัดกล้ามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากครุยเซอร์ค่ายแดงทั้งสิ้น นอกนั้นในด้านชิ้นส่วนต่างๆของตัวรถก็จะเห็นได้ว่ามันมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มสไตล์รถมอเตอร์ไซค์จากแดนมังกร นั่นก็คือมีมาให้ทั้งระบบกันสะเทือนหน้าแบบโช้กตะเกียบคู่หัวกลับ, และระบบเบรกดิสก์คู่พร้อมเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ ทว่าในส่วนสวิงอาร์มอลูมิเนียมด้านหลังกลับยังใช้ชุดคู่ ซึ่งดูไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกของรถเท่าไหร่นัก แต่ในทางกลับกันก็คาดว่าเพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาและการผลิตนั่นเอง ด้านข้อมูลในฝั่งเครื่องยนต์ ต้องเรียนตามตรงว่า ณ ขณะนี้ เรายังไม่สามารถวิเคราะห์ได้เลยว่าขุมกำลัง V-Twin 900cc (คาดว่า) ของมันจะสามารถทำกำลังสูงสุดได้เท่าไหร่ หรือมีสมรรถนะได้ด้านอื่นๆที่ดีแค่ไหน เนื่องจากนี่เป็นคัร้งแรกที่ทาง Motrac เลือกทำเครื่องยนต์บล็อคนี้ ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากทราบข้อมูลของมันเพิ่มล่ะก็ มีแต่จะต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไปเท่านั้นครับ อ่านข่าว Motrac เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ…
ยังคงรักษาฟอร์มร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่องสำหรับ Jonathan Rea ที่ในการแข่งขัน PortugueseWSBK – Race 2 ครั้งล่าสุดนั้น ก็ยังเป็นเขากับตัวแข่ง Kawasaki ZX-10RR คู่ใจเช่นเดิมที่พากันเข้าสู่เส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งได้แบบทิ้งอันดับถัดไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ซึ่งนี่ก็เท่ากับว่าเขาสามารถเก็บแฮททริกแชมป์ในการแข่งขันสนามนี้ได้ และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาได้กลับมาเป็นจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสม WSBK 2020 อีกครั้งด้วย ส่วนนักบิดอันดับ 2 ในการแข่งขันครั้งนี้ ก็เป็น Scott Redding กับ Ducati Panigale V4 R ที่แผ่วปลายลงไปในช่วงการแข่งขันแม้ว่าในช่วงแรกจะยังสามารถเกาะ J.Rea ได้อยู่บ้าง ขณะที่อันดับที่ 3 ก็เป็น Michael Van DerMark กับ Yamaha YZF-R1 ที่น่าเสียดายตรงที่เขาไม่สามารถแซงอันดับ 2 ก่อนเข้าเส้นชัยได้ทัน แม้ว่าจะตามเกาะมานานก็ตาม โดยสำหรับผลการแข่งขันศึก PortugueseWSBK 2020 – Race…
จบลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับการแข่งขันแบบระยะสั้น หรือรอบ SuperPole Race ในการแข่งขัน PortugeseWSBK 2020 ที่ในท้ายที่สุด ก็เป็น Jonathan Rea ที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้งด้วยการขึ้นนำตั้งแต่รอบแรกจนเข้าเส้นชัยทิ้งห่างนักบิดดาวรุ่ง Toprak Razgatlioglu ไปอย่างขาดลอยด้วยช่องว่างเวลามากถึง 2.946 วินาที วินาที โดยมี Loriz Baz ตามเข้ามาเป็นอันดับ 3 ด้วยผลต่างตามหลังผู้ชนะไปอีก 4.748 วินาที ส่วนผลการแข่งขัน PortugeseWSBK 2020 รอบ SuperPole Race มีรายละเอียดดังนี้ 1 : J. REA : Kawasaki Racing Team WorldSBK : Kawasaki ZX-10RR : 1’41.371 2 : T.…
วันนี้ เมื่อเวลา 13.11น.มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี เขตอำเภอศรีประจันต์ รับเเจ้งเหตุมีกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ขี่ชนสายสลิงที่ขวางทาง เนื่องจากรถบรรทุก 6 ล้อ กำลังใช้ลากรถบัส ข้ามจุดยูเทิร์นหน้าโรงพยาบาลศรีประจันต์ ถนน 340 จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุชาย 2 ราย บาดเจ็บชาย 1 ราย แต่ล่าสุดรายงานว่าเสียชีวิตในภายหลังเช่นกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 3 ราย โดยมีคลิปเหตุการณ์ดังที่เห็นด้านล่างนี้ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ยังคงเกาะติดไปกับการกลับมาอีกครั้งของ 2021 Honda CBR600RR กันอีกเช่นเคย โดยหลังจากที่ทางค่ายได้มีการเผยโฉมมันออกมาในคลิปทีเซอร์เพื่อฟังเสียงเร้าๆ และมีภาพให้เราได้เห็นหน้าตาตัวรถแค่เพียงไม่กี่มุม ในที่สุดวันนี้เราก็มีภาพตัวรถในมุมอื่นๆมาให้เพื่อนๆได้รับชมเพิ่มเติมกันอีกสักที โดยที่ไม่ต้องอดใจรอกันจนถึง 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยสำหรับภาพ 2021 CBR600RR ชุดนี้ที่เพื่อนๆเห็นอยู่ เป็นภาพตัวรถที่ทาง Honda JP ได้มีการนำตัวรถไปให้กับสือญี่ปุ่น Autoby.jp ได้ถ่ายภาพเพื่อเก็บข้อมูลรถโดยคร่าวๆก่อนใคร และแน่นอนว่ามันก็ทำให้เราได้เห็นรายละเอียดตัวรถต่างๆได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ว่ามันจะมาพร้อมกับชุดแฟริ่งช่วงครึ่งหน้าที่ถูกปรับใหม่ให้คล้ายกับพี่ใหญ่ CBR1000RR-R รวมถึงมีการออกแบบชิ้น Winglet แบบปีกชั้นเดียวมาให้ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวรถซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในรถมอเตอร์ไซค์คลาสซุปเปอร์สปอร์ต 600cc ที่มีฟีเจอร์แบบนี้มาให้ รวมถึงถังน้ำมันก็ออกแบบเปลือกนอกใหม่ให้คล้ายกับตัวพันเช่นกัน นอกนั้นหากมองในมุมอื่น ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า 2021 CBR600RR โฉมนี้ ยังคงใช้พื้นฐานตัวรถเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า ทั้งชุดเฟรม, ชุดล้อ, ชุุดระบบกันสะเทือนของ Showa ที่สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่าด้วยมือด้านหน้า กับสวิงอาร์มแขนคู่พร้อมโช้กเดี่ยวด้านหลัง, ระบบเบรกแบบดิสก์คู่พร้อมปั๊มเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ทจาก Tokico, แม้แต่แฟริ่งช่วงท้าย กับปลายท่อที่ออกใต้เบาะผู้ซ้อนเองก็ยังมีดีไซน์ที่คล้ายเดิมเกือบ 100% นอกจากนี้…
เรียกได้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดค่อนข้างหนักเลยทีเดียว เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น แม้ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ของ Harley-Davidson จะเติบโตขึ้นพอสมควรในบ้านเรา แต่ถ้าดูยอดรวมทั่วโลกแล้วยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ของพวกเขาก็ยังถือว่าร่วงหนักอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในช่วงวิกฤต COVID-19 เช่นนี้ ที่ทำให้ล่าสุดพวกเขาถึงกับต้องประกาศปิดอีกหนึ่งโรงงานผลิตของตนเองที่ตั้งอยู่ในประเทศอินเดียเลยทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง Harley-Davidson ได้ระบุว่า มันคือหนึ่งในแผนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของบริษัทที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนทั้งบอร์ดบริหาร ไปจนถึงการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของตนเองออกไป เพื่อให้ธุรกิจยังอยู่รอดได้ในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ ดังนั้นการตัดสินใจปิดโรงงานผลิตของตนเองในประเทศอินเดียที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการทำยอดขายเท่าไหร่นักจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำ (ขายได้เพียง 10,000 คันในปีที่ผ่านมา จากยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ทั้งประเทศที่ทำตัวเลขไว้สูงถึง 20 ล้านกว่าคัน) และมันจะเกิดขึ้นในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากที่พวกเขาได้เปิดมันมาตั้งแต่ปี 2009 ส่วนโรงงานที่จะมารับหน้าที่ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson เพื่อป้อนรถเข้าสู่ประเทศอินเดียต่อจากนี้ ก็จะเป็นหน้าที่ของโรงงานในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีกำลังผลิตเพียงพอสำหรับการส่งมอบรถให้กับประเทศข้างต้น ขณะที่โรงงานของประเทศไทย ในตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น แต่คาดว่าเราคงไม่ต้องกังวลเท่าไหร่นัก เนื่องจากโรงงานผลิตรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์นี้ที่ตั้งอยู่ในบ้านเราซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า ทางค่ายตั้งใจก่อตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตและป้อนรถส่งไปขายในหลายประเทศนอกจากประเทศที่ตั้งไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น โดยเฉพาะโซนยุโรป และประเทศจีนนั่นเอง อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival…