“ปัญหาท่อดัง” ไม่ใช่แค่ปัญหาที่หนักใจใครหลายๆคนในประเทศเราเท่านั้น แต่อันที่จริงมันคือปัญหาที่เกิดขึ้นแทบจะทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นในแต่ละประเทศจึงต้องหาทางจำกัดและป้องกันปัญหาเหล่านี้ตามแต่ขีดความสามารถที่ภาครัฐจะทำได้ ทว่าดูเหมือนประเทศอังกฤษจะจริงจังจนล้ำกว่าใครเพื่อน เนื่องจากในตอนนี้พวเขาได้เริ่มทดลองใช้เทคโนโลยี “Acoustic Camera” หรือ “กล้องตรวจวัดหาแหล่งกำเนิดของเสียง” เป็นตัวตรวจจับว่ายานพาหนะคันใดบ้างที่ใช้ท่อไอเสียเสียงดังกว่าค่าที่กำหนดไว้แล้วเป็นที่เรียบร้อย สำหรับหลักการ การทำงานในเบื้องต้นของ “กล้องตรวจวัดหาแหล่งกำเนิดของเสียง” ที่ว่านี้ก็จะคล้ายกับกล้องตรวจจับความเร็ว ที่คอยประมวลผลว่ายานพาหนะที่ปรากฏอยู่ในระยะตรวจจับนั้น เคลื่อนที่ไปเร็วแค่ไหน ซึ่งถ้าเกินเมื่อไหร่ก็จะบันทึกภาพยานพาหนะที่ทำผิดกฏหมายคันนั้นทันที แต่สำหรับกล้องวัดเสียงตัวนี้ จะแตกต่างเล็กน้อย เพราะมันจะมีชุดไมโครโฟนหลักสิบถึงหลายร้อยตัวเพิ่มเข้ามา เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องบันทึกและตรวจจับ แล้วส่งต่อข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลว่าแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ตรงไหนในชอบข่ายพื้นที่แสกนแบบเรียลไทม์ แถมละเอียดถึงขุ้นยังแสดงผลค่าระดับความดังของเสียงที่เกิดขึึ้นจากแหล่งกำเนิดนั้นได้อีกด้วย (ดังที่เห็นในคลิปด้านบน) นับได้ว่าเป็นอีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยความแม่นยำในการตรวจวัดเสียงของเทคโนโลยี “กล้องตรวจวัดหาแหล่งกำเนิดของเสียง” ที่ว่านี้ ดูจะมีมากกว่าการตั้งไมค์จ่อปลายท่อ แล้วต้องมาพะวงกับเสียงแวดล้อมเป็นไหนๆ แต่แน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าของรถคันนั้นๆไม่ว่าจะมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ ถูกตรวจจับได้ในกล้อง งานนี้ก็คงต้องยอมจำนนด้วยหลักฐานเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้มีครบทั้งภาพ เสียง ไปจนถึงระดับเสียงที่เกิดขึ้นขณะใช้งานเลยทีเดียว ขอบคุณข้อมูลจาก Morebikes, BBC เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
Author: admin
ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ.1999 รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Yamaha YZF-R6 ได้ถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรก ซึ่งนับเวลารวมๆแล้วก็เท่ากับว่าในปี 2019 นี้คือปีที่ 20 ของซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ตระกุลนี้พอดี และนั่นจึงทำให้ทาง Yamaha Japan เลือกเปิดตัว 2019 Yamaha YZF-R6 “20th Anniversary Edition” คันนี้ออกมาเพื่อฉลองในวาระดังกล่าว และในเมื่อธีมการตกแต่งของ Yamaha YZF-R6 เป็นแบบย้อนอดีตรำลึกถึง YZF-R6 รุ่นปี ค.ศ. 1999 ดังนั้นชุดสีรอบคันของ R6 โฉมล่าสุดคันนี้จึงถูกเปลี่ยนเป็นสี แดง-ขาว-ดำ ในแบบที่ต้นตระกูลของมันเคยใช้ ชนิดที่ว่าจำลองลวดลลายมาจากรุ่นพี่ของมันแทบทุกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่หัวจรดท้าย บนยันล่าง นอกนั้นในส่วนของการปรับแต่งตัรถอื่นๆนั้นกลับไม่ได้มีการปรับแต่ง ปรับเซ็ท หรือทำอะไรเพิ่มเติมแม้แต่น้อย อย่างไรก็ดี คว่ามพิเศษของเจ้า Yamaha YZF-R6 – 20th Anniversary Edtion คันนี้ยังไม่ได้มีแค่เพียงลวดลายที่ดูโดดเด่นสะดุดตา…
หลังจากที่เมื่อกลางเดือนก่อนทาง Suzuki India ได้มีการเปิดตัว GIXXERSF 250 สปอร์ตไบค์พิกัด 1/4 ลิตรน้องใหม่ไป ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง ทางผู้บริหารก็ได้มีการให้ข้อมูลว่าสิ้นปีนี้ พวกเขาเองก็มีแผนที่จะเปิดตัวโฉมสปอร์ต-แน็คเก็ทของมันออกมาด้วยเช่นกัน และด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้ทางสื่ออินเดียทำภาพเรนเดอร์ของเจ้าสปอร์ต-แน็คเก็ทคันนี้ออกมา ซึ่งเพื่อนๆจะเห็นได้ว่าเมื่อมองในภาพรวมแล้ว ตัว GIXXER SF 250 ร่างกึ่งเปลือยคันนี้นั้น ยังใช้บอดี้พาร์ทช่วงครึ่งหลังแบบเดียวกับร่างสปอร์ตของมัน แม้กระทั่งไฟหน้าก็ยังคงเป็นชุดเดียวกัน ซึ่งอันที่จริงมันก็ต้องเป็นเช่นนั่นอยู่แล้ว ขณะที่ชุดแฟริ่งด้านข้างช่วงครึ่งหน้ามีการเปลี่ยนแปลงไปแทบทั้งหมด ไม่วาจะเป็นกาบด้านข้าง ที่ถูกหั่นความยาวและปาดให้บางลง ส่วนอกล่างแม้จะยังคงลายเส้นเดิม แต่อย่างน้อยก็มีการเสริมครีบดักอากาศให้เห็นลายเส้นที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงตัวกรอบไฟหน้าเองก็ยังคงลายเส้นพลิ้วไหวเข้ากับลำตัวรถได้เป็นอย่างดี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องชิ้นส่วนหลักอื่นๆ ดูเหมือนทาง Suzuki จะไม่ได้มีการปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนอะไรไปแม้แต่น้อย ดังนั้นทั้งเครื่องยนต์สูบเดียว 249cc 4 วาล์ว แคมเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยน้ำมัน จะยังคงทำพละกำลังสูงสุดได้เท่าเดิมคือ 26.5 แรงม้า (PS) ที่ 9,000 รอบ/นาที ได้เท่าเดิม แม้แต่ตัวระบบกันสะเทือน รวมถึงระบบเบรกหน้า/หลัง เองก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง…
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่มีการคลุกฝุ่นมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับศึก WSBK 2019 @เฆเรซ เรซที่ 2 ที่สุดท้ายหลังเหตุการณ์ตีธงแดง เนื่องจาก Ryuichi Kiyonari พลาดล้มอย่างรุนแรงไปในช่วง 2 รอบสุดท้าย จึงส่งผลให้ Michael Van Der Mark ที่เป็นผู้นำในขณะนั้น และช่วง 1 รอบการแข่งขันก่อนตีธงแดง ได้คว้าชัยอันดับหนึ่งของศึกครั้งนี้ในทันที ขณะเดียวกัน Jonathan Rea ก็จบอันดับที่ 2 ด้วยส่วนต่างเวลา ณ ขณะตีธงแดงเกือบ 3 วิ ส่วนอันดับ 3 ของการแข่งขันนี้คือนักบิดทีม Satellite ของ Kawasaki Toprak Razgatlioglu ที่ตามมาอยู่ห่างๆ ด้าน Alvaro Bautista แชมป์การแข่งขัน Race 1 และ…
Alvaro Bautista ยังคงรักษาฟอร์มเดือดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง หลังนำนักบิดคนอื่นๆมาแบบหลุดเดียวม้วนเดียวจบจนเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในศึกรอบ Superpole Race ของการแข่งขัน WSBK 2019 ณ สนามเฆเรซ เซอร์กิตประเทศสเปน ขณะที่อันดับที่สองซึ่งช้ากว่าผู้นำอยู่ +2.7 วินาทียังคงเป็น Michael Van Der Mark ที่แม้จะชุลมุนกับการแย่งอันดับบ้างในช่วงแรก แต่ก็สามารถเฉือน Marco Melandri อันดับสามที่ตามเข้าเส้นไปได้แบบไม่ห่างกันเท่าไหร่นักอีกเพียง +0.2 วินาที ส่วน Jonathan Rea ถือว่าแก้วิกฤตได้ดี เพราะแม้จะโดนปรับโทษให้ออกสตาร์ทกริดสุดท้าย แต่ก็สามารถไต่ันดับขึ้นมาเรื่อยๆจนเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่สี่ ด้วยเวลาที่ตามหลังผู้นำอยู่ +4.7 วินาที ของการแข่งขันรอบ Superpole Race นี้ สำหรับผลการแข่งขันในรอบ Superpole Race ศึก WSBK 2019 ณ สนามเฆเรซ เซอร์กิต มีรายละเอียดดังนี้ 1.)…
จากเหตุการณ์ดราม่าที่เกิดขึ้นในการแข่งขัน WSBK 2019 เรซแรก ณ สนามเฆเรซ ประเทศสเปนเมื่อวันก่อน นั่นก็คือการปะทะกันระหว่าง Jonathan Rea และ Alex Lowes ในโค้งสุดท้าย รอบสุดท้าย จนฝ่ายหลังล้มเข้ากรวดไป ขณะที่ฝ่ายแรกขี่รถเข้าเส้นชัยพร้อมคว้าโพเดี้ยมอันดับ 3 ของการแข่งขันนี้ไปแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเท่าไหร่นัก และจากเหตุการณ์ที่ว่านี้เอง ทางคณะกรรมการการแข่งขัน WSBK จึงได้มีมติให้ Jonathan Rea ต้องโดนปรับโทษลดอันดับเข้าเส้นชัยลงจากอันดับ 3 เป็นอันดับ 4 และโดนปรับให้ออกสต่ร์ทกริดสุดท้ายในการแข่งขันรอบ Superpole Race โดยหลังจบการแข่งขันก็ได้มีสื่อยุโรปเข้าไปถาม Rea ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ตอบเอาไว้ว่า “ในรอบสุดท้ายผมพยายามที่จะเข้าไปให้ใกล้(Lowes)ให้มากที่สุดเพื่อทำอะไรสักอย่างในโค้งสุดท้าย”, “แล้วจากนั้นผมก็เห็น Lowes บานออกไปจากเรซซิงไลน์ ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะเสียบเข้าไปตรงช่องว่างนั้น” “แต่น่าเสียดาย ที่ ณ จุดนั้น เขายังพยายามจะกลับเข้ามาในไลน์ และผมก็ไม่ได้ผ่านเค้าไปไกลมาก, เราปะทะกันแล้วเค้าก็ล้มลง, ผมขอโทษจริงๆที่ไปจบการแข่งขันเค้าแบบนั้น, แต่มันคืออุบัติเหตุระหว่างแข่งขันจริงๆ,…
ประเทศอินเดีย ถือเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีตลาดการซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ด้วยจำนวนการใช้รถที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ จึงก่อให้เกิดมลพิษบนท้องถนนมากมาย ชนิดที่ว่าหากถึงช่วงที่เกิดมลพิษหนักจริงๆ ก็แทบจะไม่ต่างจ่างปัญหาฝุ่นควันในกรุงเทพช่วงหน้าหนาว หรือภาคเหนือในช่วงหน้าร้อนเลยทีเดียว และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ทางภาครัฐของประเทศอินเดีย เริ่มคิดหาแนวทางที่จะลดปริมาณฝุ่นพิษเหล่านั้นให้น้อยลง โดยหนึ่งในแผนระยะยาวเพื่อลดปัญหานี้ก็คือการกำจัด หรือแบนการใช้รถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปภายในให้หายไปจากประเทศของตนเองแม้ว่าอัตราส่วนมลพิษที่เกิดจากฝุ่นควันในการใช้งานยานพาหนะจะมีสัดส่วนแค่เพียง 8% จากทั้งหมดเท่านั้น โดยสำหรับการแบนยานพาหนะที่ว่านี้จะเริ่มจากการแบนรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปภายใน 3 ล้อก่อนเป็นอันดับแรกในปี 2023 หลังจากนั้นในปี 2025 พวกเขาก็จะเริ่มแบนรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปภายใน 2 ล้อ ที่มีพิกัดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 150cc เป็นลำดับถัดไป และคาดว่าจะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆจนถึงปี 2030 ส่วนในกลุ่มรถยนต์ไม่ได้มีการระบุข้อมูลไว้ แต่คาดว่าทางภาครัฐอินเดียจะปล่อยแผนดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาในไม่ช้าเช่นกัน อย่างไรก็ดี การแบนตัวรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปภายในกังกล่าวจะมีผลแค่กับรถใหม่ออกโชว์รูมเท่านั้น แถมหากมองจากสัดส่วนยอดขายต่อปีของรถมอเตอร์ไซค์พิกัดที่มีมากถึง 80% จากจำนวนการซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดของอินเดีย ซึ่งการจะบีบให้ผู้ผลิตเลิกขายรถมอเตอร์ไซค์คลาสทำเงินเช่นนี้ไปก็คงเป็นอะไรที่ยากเอาเรื่อง แต่ถ้าหากสุดท้ายทางรัฐบาลอินเดียทำได้จริงขึ้นมาล่ะก็ ปัญหามลพิษที่เกิดหนักและซ้ำซากบ่อยมากในช่วง 10 ปีหลังนี้ของพวกจะต้องทุเลาไปได้พอสมควรแน่นอน และไม่แน่ว่าประเทศอื่นๆในโซนเดียวกันอาจจะนำโมเดลการลดมลพิษทางอากาศนี้ไปใช้ในประเทศของตนเองด้วยก็ได้ ขอบคุณข้อมูลจาก New18, Indiatimes, Timesofindia, QZ.com อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers…
แม้ว่าจะพึ่งเข้าเดือน 6 ได้ไม่นานนัก แต่ดูเหมือนในโลกของการแข่งขัน Motocross จะรีบรัดเอาเรื่อง เพราะล่าสุดทาง Yamaha พึ่งเปิดตัว YZ450F ตัวแข่งโมโตครอสรุ่นใหญ่สุดของทางค่ายเวอร์ชันปี 2020 ออกมา ราวกับว่าอยากขายให้ลูกค้าทีมแข่งและนักแข่งต่างๆได้มีเวลาทำความรู้จักกับตัวรถแต่เนินๆก่อนใช้มันลงแข่งจริงในปีหน้า และในส่วนของการอัพเดท หรือจริงๆควรเรียกว่าการอัพเกรดเจ้า YZ450F เวอร์ชันปี 2020 นั้น ถือว่ามีหลากลายรายการด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ชุดเฟรมอลูมิเนียมใหม่ที่ถูกรีดน้ำหนักให้เบากว่าเดิม, ชุดปั๊มเบรกใหม่ที่สั่งการได้ฉับไวติดมือกว่าเดิม, โช้กอัพหน้า/หลังใหม่จาก KYB ที่เน้นเพิ่มสมรรถนะในเรื่องความคมและเสถียรภาพตอนเข้าโค้ง ด้านเครื่องยนต์ สูบเดียว 450cc 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ก็เป็นบล็อคใหม่หมดจดที่จัดวางเลย์เอาท์ให้เป็นแบบตั้งเยื้องมาด้านหลังเข้าหาชุดเกียร์เพื่อย้ายจุดศูนย์ถ่วงให้เข้าสู่งกลางลำตัวรถที่สุด แถมยังมาพร้อมกล่อง ECU ที่สามารถปรับกราฟเซ็ทกราฟภายในแบบคร่าวๆได้ทางแอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ และตัวผู้ขี่ก็สามารถสั่งเลือกแมพเครื่องยนต์ได้ทางประกับแฮนด์ขณะใช้งาน เสริมด้วยระบบ Launch Control ช่วยออกตัวให้เนียนยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ทาง Yamaha ยังได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดอีกหลายจุดใน 2020 YZ450F เพื่อสมรรถนะในการใช้งานสูงสุด ทั้ง แบตเตอรี่…
ท่ามกลางกระแสข่าวของทั้งฝั่ง Honda และ Kawasaki ที่หนาหูเหลือเินว่าพวกเขาเตรียมพัฒนาซุปเปอร์ไบค์เรือธงของตนใหม่ให้ใกล้เคียงกับตัวแข่ง MotoGP ที่สุดเพื่อสู้กับ Ducati Panigale V4 R ในเวที WSBK แต่ดูเหมือนทาง Yamaha จะไม่คิดเช่นนั้นและเลือกแนวทางที่ต่างออกไป หลังทางสื่ออิตาลีเจ้าดัง GPone.com ได้มีการเข้าไปสัมภาษณ์ ‘Andrea Dosoli’ ผู้จัดการฝ่ายแข่งขันของ Yamaha ถึงแนวทางการพัฒนาตัวแข่ง YZF-R1 สำหรับศึก WSBK 2020 ไว้อย่างไร โดยแบ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้ คำถาม : ตอนนี้ Honda และ Kawasaki กำลังง่วนอยู่กับรถปี 2020 แล้ว Yamaha ได้ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย ? คำตอบ : “ทุกๆค่ายต่างก็มีแผนของตนเอง, แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและดีมานด์และเราก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน, เราไม่ซ่อนความจริงที่ว่าเรากำลังทำงานเพื่อเพิ่มทุกสิ่งรอบๆให้ดีขึ้น และในเร็วๆนี้มันก็น่าจะพร้อมแล้ว, R1 นั้นได้ประสบความสำเร็จมากมายทั้งในเวทีระดับประเทศและเวทีระดับนานาชาติ…
แม้ว่าจะเป๋ไปบ้างในสนามที่แล้วอาจจะด้วยความไม่ชินสนาม แต่ในเมื่อการแข่งขัน WSBK 2019 สนามล่าสุดนี้จัดขึ้นที่สนามเฆเรซ ประเทศสเปน Alvaro Bautista จึงกู้ฟอร์มเก่งกลับมาได้ พร้อมหวด Ducati Panigale V4 R ทิ้งห่างอันดับสองซึ่งก็คือ Michael Van Der Mark กับตัวแข่ง Yamaha YZF-R1 ไปถึง +7.119 วินาที ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้เข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่สาม ก็คือ Jonathan Rea กับตัวแข่ง Kawasaki ZX-10RR ที่แม้จะกดโพลโพซิชันในการออกสตาร์ทได้ แต่ดูเหมือนสนามนี้ไม่เข้าทางเท่าไหร่นักจึงทำให้ตามเข้าเส้นชัยหลังจากผู้นำด้วยส่วนต่างเวลาถึง +15.323 วินาที สำหรับผลการแข่งขัน WSBK 2019 ณ เฆเรซ เซอร์กิต ประเทศสเปน เรซที่ 1 มีรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้ 1.) A. BAUTISTA…