ย้อนไปเมื่อราวๆซัก 2 สัปดาห์ที่แล้วเห็นจะได้ ทาง MotoRival ของเราได้รับเชิญจากทาง Royal Enfield ให้บินขึ้นเหนือเพื่อเข้าร่วมงานเปิดตัว Exclusive Showroom แห่งที่ 3 ของแบรนด์ ที่ตั้งอยู่ บนถนนโชตนา จังหวัดเชียงใหม่ และร่วมท่องเที่ยวไปกับเหล่าสื่อมวลชนเจ้าอื่นๆโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ของทางค่ายเป็นพาหนะหลัก ซึ่งในวันนี้เราจะมาเล่าถึงประสบการณ์ดีๆในครั้งนี้กับทาง Royal Enfield กันครับ เริ่ม.. ก็อย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นครับว่าการเดินทางของผู้เขียนในครั้งนี้เป็นการขึ้นไปร่วมงานเปิดตัวโชว์รูมแห่งใหม่ของทาง Royal Enfield ดังนั้นในวันแรกผู้เขียนจึงวุ่นอยู่กับการเก็บบรรยากาศของ Exclusive Showroom แห่งใหม่นี้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบอกได้เลยว่าบรรยากาศภายในโชว์รูมถือว่าผ่อนคลาย สบายๆและน่าไปเยี่ยมชมอย่างมาก เพราะไม่ได้มีแต่การจัดแสดงโมเดลรถที่ทำตลาดอยู่เท่านั้น แต่ยังมีการจัดแสดงของจุกจิกจำพวกเสื้อผ้าลายสวยๆ หมวกแก็ป และหมวกกันน็อคดีไซน์คลาสสิคให้ลูกค้าที่ชื่นชอบในแบรนด์นี้ได้เลือกซื้อกันอีกด้วย และนอกจากมุมดูของจุกจิกที่เราบอกไปแล้ว ทางโชว์รูมยังได้จัดพื้นที่ม้านั่งขนาดใหญ่ด้านหน้าไว้ให้ลูกค้าได้นั่งจิบกาแฟไปพร้อมกับชมของตกแต่งที่อยู่รอบๆตัว ซึ่งมีทั้ง กรอบรูปประวัติศาสตร์ของ Royal Enfield, ชิ้นส่วนของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Continental GT แยกแปะไว้ฝาผนังตรงข้ามกับกรอบรูป (โดยการตกแต่งนี้เป็นแบบเดียวกับโชว์รูมที่ทองหล่อ), และถ้าแหงนขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นชุดโคมไฟที่ทางผู้บริหารของค่ายที่มาร่วมงานในวันนั้นบอกกับเราว่า ไฟทุกโคมที่แขวนอยู่ทำขึ้นจากชิ้นส่วนโคมไฟของรถ Royal…
Author: admin
หลังจากที่เราได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องยนต์และสมรรถนะโดยรวมของ Kawasaki ZX-6R รุ่นปี 2019 กันมาแล้ว (หากเพื่อนๆอยากอ่านข้อมูลก่อนก็เชิญคลิกตรงนี้ครับ) มาในคราวนี้เราก็ได้ข้อมูลถึงมิติตัวรถ รวมถึงหน้าตาหรือดีไซน์ของมันเพิ่มอีกด้วย และจากข้อมูลที่เราได้รับมา ระบุไว้ว่าทาง Kawasaki จะทำการออกแบบ 2019 ZX-6R ด้วยแนวทางเดียวกันกับ Ninja 400 ที่มีหน้าตาเหมือนกับเจ้ายักษ์เขียว Ninja H2 ขนาดย่อส่วน แทนที่จะเป็นแบบเดียวกับพี่ใหญ่สายตรงอย่าง ZX-10R โดยเมื่อลองดูตัวเลขสัดส่วนที่หลุดออกมาก็จะพบว่าขนาดตัวโดยรวมถือว่าเล็กลงจากเดิมพอสมควร ทั้ง ความยาวตัวรถที่น้อยกว่าเดิมถึง 50 มิลลิเมตร (รุ่นใหม่ยาว 2,025 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นปัจจุบันยาว 2,085 มิลลิเมตร), ความสูงตัวรถก็ลดลงจากเดิมอีก 15 มิลลิเมตร (รุ่นใหม่สูง 1,100 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นปัจจุบันสูง 1,115 มิลลิเมตร), และจะมีเพียงแค่ด้านกว้างตัวรถเท่านั้นที่มากกว่า แต่ก็แค่ 5 มิลลิเมตร (รุ่นใหม่กว้าง 710…
เป็นปกติของโลกข่าวสารในปัจจุบันไปซะแล้วในตอนนี้กับการปล่อยภาพเรนเดอร์ของตัวรถออกมา หลังจากที่ได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวรถที่กำลังจะเปิดเผยตัวในอนาคต ซึ่งชุดภาพที่เพื่อนๆกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือภาพเรนเดอร์ของ 2019 Yamaha YZF-R25 หรือ YZF-R3 ชุดล่าสุดที่ถูกทำขึ้นมาโดนอ้างอิงจากภาพ Spyshot เมื่อ 2 วันก่อนนั่นเอง โดยจากภาพเรนเดอร์ของ 2019 YZF-R25 ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าช่วงครึ่งหน้าของตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงจากโฉมปัจจุบันทั้งหมด ทั้งงานดีไซน์กรอบไฟหน้า LED แบบแยกฝั่งซ้าย-ขวา และมีช่องแรมแอร์ (ที่น่าจะใช้งานได้จริง) คั่นไว้ตรงกลาง ในขณะที่ชุดแฟริ่งเหนือโคมไฟขึ้นไปจนถึงวินชิลด์จะเห็นได้ว่ามีความกลมมนเหมือนกับพี่น้องตระกูล YZF-R มากขึ้น ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าก็ตัดต่อให้เป็นแบบหัวกลับกระบอกสีทองตามที่เห็นในภาพ Spyshot เรียบร้อย และแฟริ่งข้างก็ปรับดีไซน์ใหม่ให้เหมือนกับน้องเล็ก YZF-R15 แต่อาจจะตงิดๆใจเล็กน้อยตรงที่ทำไมคนเรนเดอร์ไม่เว้นช่องระบายอากาศสำหรับแครงก์เครื่องยนต์เลยซักนิด หรือแท้จริงแล้วตัวรถในภาพ Spyshot จะไม่มีช่องที่ว่านี้จริงๆ ? ด้านชิ้นส่วนหลักอื่นๆอย่างถังน้ำมัน เบาะนั่ง ไปจนถึงแฟริ่งท้าย แม้แต่พักเท้ากับสวิงอาร์มด้านล่างยังคงมีดีไซน์เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งก็ตรงตามข้อมูลที่เราได้เคยระบุไปในบทความก่อนๆแล้วว่าทาง Yamaha จะทำการปรับภายนอกของ YZF-R25 ใหม่แค่ช่วงครึ่งหน้าเท่านั้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของเครื่องยนต์นั้นยังไม่มีอะไรหลุดออกมาอธิบายเพิ่มเติมมากมายนัก แต่ความเป็นไปได้ที่เจ้า YZF-R25 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีระบบวาล์วแปรผัน VVA…
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าตัวรถจะถูกออกแบบให้มีสมรรถนะในการเข้าโค้งดีแค่ไหน แต่หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้เจ้า Honda CBR1000RR แทบจะไม่เคยขึ้นมาอยู่แถวหน้าของเหล่าซุปเปอร์ไบค์ได้เลย และพวกเขาเองก็ไม่เคยเลือกที่จะปรับแก้ตามคำเรียกร้องของลูกค้าเลยซักครั้ง ก็คือตัวกำลังแรงม้าที่ต่ำจนไม่สามารถทำอัตราเร่งและความเร็วในรอบสูงๆตามชาวบ้านที่หนีไปทำแรงม้าแตะๆ 200 ตัวได้ทัน แต่อย่างที่เพื่อนๆหลายคนคงพอทราบกันมาบ้างแล้วว่าขณะนี้ทาง Honda มีแผนที่จะปรับโฉมใหญ่เจ้า CBR1000RR เร็วกว่าที่คิด หลังเริ่มตาสว่างขึ้นมาบ้างแล้วว่าปรัชญาเดิมๆที่เคยถือมาเริ่มใช้ไม่ได้กับตลาดซุปเปอร์ไบค์ในปัจจุบันได้อีกต่อไป จากข้อมูลล่าสุดได้ระบุเอาไว้ว่า Honda เตรียมปรับปรุง CBR1000RR ด้วยการดีไซน์ช่อง Ram-Air ใหม่ให้มาเปิดรูอยู่ตรงกลางระหว่างไฟหน้าแบบที่คู่แข่งค่ายเขียวใช้อยู่ ซึ่งการออกแบบนี้จะช่วยดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้ดีกว่า (โดยใช้ Konw How จากน้องรอง CBR600RR มาต่อยอด) และผลจากเรื่องดังกล่าวทำให้เครื่องยนต์ลูกใหม่สามารถปั่นแรงม้าแตะ 215 ตัว ในหน่วย PS หรือถ้าแปลงเป็นหน่วยที่ดูเข้าเทียบได้ง่ายขึ้นอย่าง Hp ก็จะมีตัวเลขที่ 212 Hp ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันสูงกว่า Ducati Panigale V4 รุ่นใหม่ล่าสุดซะอีก (ซุปเปอร์ไบค์ค่ายแดงมีแรงม้า 211 HP) แน่นอนว่าด้วยตัวเลขแรงม้าระดับนี้ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเกิดจากเครื่องยนต์…
ไม่ว่านานแค่ไหนยังไงปัญหาการรีคอลล์ก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ แต่กับค่ายผู้ผลิตระบบเบรกชื่อดังอย่าง Brembo ที่หลายปีผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่มีปัญหาอะไรในตัวสินค้าจนต้องเรียกกลับไปแก้ไขปัญหาเลยซักครั้ง จู่ๆนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2018 ทางค่ายก็เรียกสินค้ากลับเพื่อแก้ไขปัญหาบ่อยขึ้น จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปีก็ยังมีปัญหาให้เรียกกลับอีกแล้ว โดยสินค้าตัวปัญหาในครั้งนี้ก็คือ “ชุดปั๊มหลัง 2 พอร์ท ที่มาพร้อมกับ ผ้าเบรก ของโรงงาน Federal Mogul Italia หมายเลขชุดการผลิต 672” ซึ่งถูกตรวจสอบในภายหลังแล้วพบว่า มันผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีที่ไม่ได้มาตรฐาน (มีเหตุผิดพลาดทางเทคนิคระหว่างกระบวนการผลิต) ซึ่งความผิดพลาดนี้ส่งผลให้ประสิทธภาพการทำงาน และความทนทานของผ้าเบรกต่ำกว่าที่ควร ทำให้ผู้ใช้งานมีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่พร้อมจะเกิดขึ้นเพราะเบรกขัดข้องได้ทุกเมื่อ สำหรับเพื่อนคนไหนที่สงสัยว่า ปั๊มหลัง 2 พอร์ทของตัวเองอยู่ในข่ายที่มีปัญหาหรือไม่ ก็สามารถคลิกตรวจสอบใน ลิ้งตรงนี้ ได้เลยครับผม อ้างอิงข้อมูลจาก Brembo อ่านข่าว Recall เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
อาจจะด้วยความที่ว่าประชากรผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในกรุงฮานายประเทศเวียดนามมีมากจนเกินไปหรือไม่ ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้คนในเมืองแห่งนี้ต้องเผชิญปัญหามลพิษที่รุนแรงเป็นอันดับต้นๆของโลก จนสุดท้ายรัฐบาลต้องประกาศออกมาถึงนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในปี 2030 จะห้ามไม่ให้รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขับเข้ากรุงฮานอยอีกต่อไป แต่อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้นว่าจำนวนประชากรผู้เดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ในกรุงฮานอยนั้นมีเยอะไม่ใช่เล่น ดังนั้นระหว่าง 10 ปีนี้ก่อนถึงปี 2030 ทางภาครัฐจะออกนโยบายส่งเสริมและผลักดันให้ประชากรเหล่านั้นหันไปใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า/ฟิวเซล มากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะด้วยการอุดหนุนราคาตัวรถ หรือลดภาษีการจดทะเบียนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับประชากรเหล่านั้น นอกจากนี้ทางภาครัฐยังเผยนโยบายที่แสดงถึงความจริงจังในการลดมลพิษอีกหนึ่งข้อ นั่นก็คือระหว่างนี้พวกเขาเองก็จะรณรงค์และจัดต้นไม้ให้ประชาชนได้ช่วยกันปลูกบริเวณตัวเมืองอีกนับล้านต้น เพื่อให้ต้นไม้เหล่านั้นช่วยฟอกอากาศภายในเมืองไปในเวลาเดียวกัน ขอบคุณภาพจาก City Pass Guide เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลังจากที่มีข้อมูลทยอยเผยออกมาให้เห็นอยู่เรื่อย ในที่สุดก็ได้เวลาที่ทาง PT. Yamaha หรือ ยามาฮ่า ประเทศอินโดนีเซียต้องทำการเปิดตัวเจ้า Exciter 150 – Facelift รุ่นปี 2019 ซักที โดยโมเดลใหม่ที่ว่านี้จะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาไล่ดูกันเลย สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทาง Yamaha ได้จัดมาให้ 2019 Exciter 150 คันนี้ก็มีอย่หลายจุดด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่เราก็เคยได้นำเสนอข้อมูลไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ ชุดมาตรวัดจอ LCD ฺ- Blacklight แสดงผลแบบฟูลดิจิตอล ทั้งรอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, ระดับน้ำมันคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย, Trip 1/2, ระยะทางทั้งหมด, และระดับเกียร์ ประกับซ้ายมีการเพิ่มสวิทช์ไฟขอทาง (กระพริบสูง-ต่ำ) มาให้ ประกับขวาก็เพิ่มสวิทช์ดับเครื่อง หรือ Off-Run มาให้เช่นกัน และยางหน้าขนาดใหม่ ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก…
จบลงไปสดๆร้อนๆกับรบฝึกซ้อมที่ 3 หรือ FP3 ประจำการแข่งขันสนามที่ 10 Monster Energy Grand Prix Ceske Republiky (Automotodrom Brno) ของ MotoGP 2018 โดยผลปรากฏว่าผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดก็คือ Valentino Rossi ที่กดเวลาขึ้นเป็นผู้นำด้วยตัวเลข 1’55.175 นาที ตามด้วย Danilo Petrucci ที่กดเวลาได้ช้ากว่า 0.086 วินาที และอันดับที่ 3 คือ Jorge Lorenzo ที่กดเวลาช้ากว่าหัวแถวอยู่ 0.151 วินาที โดยสำหรับผลเวลาของ นักบิด 12 คนแรกที่ได้เข้าสู่รอบ Q2 ในทันทีมีทั้งหมดดังนี้ 1 Valentino ROSSI 1’55.175 2 Danilo PETRUCCI…
เงียบหายไปได้พักนึง ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาอีกรอบกับ Yamaha YZF-R25/YZF-R3 รุ่นใหม่ที่มีนักแอบถ่ายมือดีจับภาพเอาไว้ได้ ซึ่งในคราวนี้แม้ว่าภาพที่นำมาแสดงจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยมันก็ชัดกว่าภาพชุดก่อนหน้า และทำให้เราเห็นรายละเอียดต่างๆได้มากยิ่งขึ้น โดยจากภาพ ส่วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือช่วงหน้าตัวรถของ YZF-R25 ที่มีการปรับรูปทรงใหม่ให้ดูกลมหนาขึ้นจากเดิม และแอบมีเติมชายแฟริ่งไว้ตาบขอบล่างคล้ายกับจะออกแบบให้มันเป็นสปอยเลอร์หน้าของรถยนต์ ส่วนไฟหน้าแบบแยกส่วน ซ้าย/ขวา ชัดเจน เพราะถูกแบ่งช่องตรงกลางด้วยช่อง Ram-Air ขนาดใหญ่ ในขณะที่ชุดแฟริ่งข้างเองก็มีการปรับเปลี่ยนเช่นกันและคาดว่าจะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันกับของน้องเล็ก YZF-R15 เนื่องจากตำแหน่งไฟเลี้ยวถูกย้ายจากครึ่งบนในโฉมปัจจุบันมาไว้ตรงกลาง ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมจากช่างภาพ ก็มีการระบุเพิ่มเติมไว้อีกว่า นอกจากรายละเอียดที่เราสังเกตุได้จากการมองภาพนี้แล้ว ชุดโช้กหน้าก็เป็นแบบหัวกลับซึ่งน่าจะเป็นของ KYB (สังเกตุได้จากปลอกโช้กสีทองอยู่ด้านบน และแกนโช้กอยู่ด้านล่าง), ชุดแฮนด์บาร์มีการจัดตำแหน่งใหม่ให้วางอยู่ใต้แผงคอ แต่แม้ว่าชุดหน้าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ชุดบอดี้พาร์ทตั้งแต่ถังน้ำมัน, แฟริ่งกลาง, ถึงแฟริ่งท้ายยังคงเป็นแบบเดิมกับ YZF-R25 รุ่นปัจจุบัน ไม่ได้มีการตัดแต่งทำช่องอากาศบริเวณถังน้ำมัน หรือแฟริ่งช่วงท้ายเหมือนกับพี่ๆน้อง YZF แต่อย่างใด ด้านข้อมูลเกี่ยวกับขุมกำลังหลักอย่างเครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นพื้นฐานเดิมคือ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 249cc และ/หรือ 321cc ไม่ได้มีการปรับตัวเลขความจุใดๆ แต่มีความเป็นไปได้ที่…
หลังจากที่ได้มีการชิมลางด้วยการเปิดตัว Harley-Davidson LiveWire Concept เมื่อปี 2016 จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้ก็ได้เปิดเผยโฉม Prototype ของโมเดลนี้ออกมาอีกครั้ง เพื่อบ่งบอกว่าพวกเขาเองก็เอาจริงเอาจังกับเทคโนโลยีของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม้แพ้ผู้ผลิตรายอื่น แถมยังเผยแผนการตลาดใหม่ถึงการรุกตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขั้นต่อไปให้พวกเราได้รับทราบกันสำหรับอนาคตในอีก 2-4 ปีข้างหน้านี้หลังวางจำหน่าย LiveWire อย่างเป็นทางการอีกด้วย สำหรับแผนการรุกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขั้นต่อไปในปี 2020-2022 ของ Harley-Davidson นั้นประกอบด้วยโมเดลหลากหลายรูปแบบ ไม่แพ้กับโมเดลเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยมีทั้งโมเดลแฟล็ทแทร็ค หรือสแครมเบลอร์ขนาดเล็ก สำหรับเอาใจขาลุยที่ยังอยากให้ตัวรถสามารถใช้งานในเมืองได้อยู่ และถ้าหากยังเล็กไม่พอก็มีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันจิ๋วอีกหนึ่งคันไว้สำหรับใช้งานระยะสั้นในชุมชนเมืองให้เลือกเพิ่ม แล้วถ้านั่นยังเล็กไม่พออีก ทาง Harley-Davidson ก็ได้เตรียมแผนผลิตจักรยานไฟฟ้าเพิ่มอีกหนึ่งโมเดลให้ลูกค้าสายปั่นได้เลือกซื้อเช่นกัน ส่วนฝั่งแม่บ้านเองก็ไม่ต้องน้อยใจไปเพราะพวกเขาได้มีการเผยภาพร่างของสกูตเตอร์ไฟฟ้า (?) ที่มีพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ไว้ให้อีกหนึ่งรุ่นเช่นกัน สรุปรวมๆแล้วนอกจาก LiveWire ที่จะขายเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันแรกของตัวเอง Harley-Davidson ก็มีโมเดลน้องๆสายรักษ์โลกที่รอคิวทำตลาดต่ออีกย่างน้อย 4 แบบ 4 คัน 4 สไตล์ให้ลูกค้าได้กระเป๋าสั่นกันในปี 2020 เป็นต้นไป ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนสนใจก็เล็งกันไว้ดีๆครับ แล้วเดี๋ยวเราจะมาอัพเดทข้อมูลเชิงลึกให้เพื่อนๆได้รับทราบกันแน่นอนทันทีที่พวกเขาได้เปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นออกมา อ่านข่าว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่…