ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราต้องทำใจให้ได้กันอยู่แล้ว สำหรับเรื่องจริงที่ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเราก็ต้องเสื่อมสภาพไปตามกาล ไม่ว่าจะด้วยอายุการใช้งาน หรือเกิดจากการไม่ค่อยดูแลรักษาของตัวเราเอง โดยในวันนี้เราก็จะมาพูดถึง 5 ปัญหาอันดับต้นๆที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็มักจะทำให้ตัวรถเกิดอาการแปลกๆเกี่ยวกับการควบคุมตัวรถ ไปพร้อมๆกับบอกวิธีแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้เพื่อนๆได้รับทราบกัน มาเริ่มกันเลยครับ – สำหรับปัญหาแรกนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างใกล้ตัวและเกิดขึ้นได้เสมอหากผู้ขับขี่ไม่ใส่ใจในจุดนี้มากพอนั่นก็คือ “ปัญหาล้อหน้าหนืด/หักเลี้ยวยาก” หรือแม้กระทั่งเลี้ยวไปแล้วต้องใช้แรงแขนในการประคองให้รถเลี้ยวอยู่อย่างนั้นเยอะกว่าปกติ โดยสิ่งแรกที่เราอยากให้เพื่อนๆเช็คกันก่อนเลยก็คือ “หน้ายาง” ว่าลักษณะเนื้อยางป้านหรือเรียบติดถนนมากเกินไปหรือไม่ ? ถ้าหากใช่ให้รู้ตัวไว้ก่อนเลยว่า แรงดันลมในยางหน้าของเพื่อนๆอาจจะมีน้อยเกินไป จนทำให้ยางไม่พองตัว หรือแบนติดถนน และผลต่อมาก็คือมีแรงเสียดทานเกิดขึ้นกับหน้ายางมากเกินไปจนตัวเราต้องใช้แรงผลักแฮนด์บาร์เพื่อหักเลี้ยวมากกว่าปกตินั่นเอง ดังนั้นวิธีแก้ในเรื่องนี้ก็ง่ายๆแค่เพียงเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ในกรณีที่รถเพื่อนๆคันไหนมีการติดตั้ง “กันสะบัด” ก็ควรเช็คเพิ่มด้วยนะครับ ว่าถูกเซ็ทความหนืดมาเหมาะสมแล้วหรือยังหลังติดตั้ง และถ้าหากว่าเซ็ททั้งความหนืดกันสะบัดก็แล้ว เติมลมยางเข้าไปก็แล้ว ก็ยังไม่ได้ผล สิ่งที่เราอยากให้เช็คกันต่อก็คือ “น็อตแกนคอ” ว่ามีสนิมหรือฝุ่นไปติดอยุ่บริเวณนั้นหรือไม่ รวมไปถึงการเช็คแรงขันของน็อตแกนคอก็เช่นกัน หากช่างขันไว้แน่นมากเกินไป นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เราหักเลี้ยวแฮนด์รถยากเช่นกัน – ปัญหาต่อมาก็คือ “ปัญหารถกินซ้าย/ขวา” หรือศูนย์ไม่ตรงนั่นเอง โดยถ้าหากว่ารถเพื่อนๆไม่เคยผ่านการล้มหนักจนช่วงหน้าตัวรถเสียหายอย่างรุนแรงมาก่อน และหากปัญหานี้เกิดขึ้นแทบจะทันทีหลังทำการเปลี่ยนยาง หรือเปลี่ยนโซ่/เสตอร์ สิ่งแรกที่ต้องเช็คก่อนเลยก็คือความตรงของแกนเพลาล้อหลังว่าเท่ากันทั้งซ้ายขวาหรือไม่ ถ้าตรงแล้วต่อไป สำหรับเพื่อนๆที่มีตัวรถใช้ล้อซี่ลวดก็เช็คกันต่อว่ามีซี่ล้อตัวไหนหลวมหรือไม่ หากใช่ให้รีบส่งให้ร้านปรับตั้งเป็นการด่วน และถ้าเอาแบบร้ายแรงที่สุดเลยก็คือขอบล้อเบี้ยว, ลูกปืนล้อแตก,…
Author: admin
จากความจริงที่ว่าในช่วง 2-3 ปีมานี้เวทีการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก WSBK แททบจะถูกผูกขาดแชมป์โดยสองทีมใหญ่ Kawasaki และ Ducati โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงปี 2017 ที่จำนวนแชมป์กว่า 72 จาก 78 สนามตกเป็นของทั้งสองค่ายนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้โพเดี้ยมอันดับหนึ่งต้องผูกขาดโดยสองทีมดังกล่าวนี้อย่างเบ็ดเสร็จเกินไปจนหมดสนุกไปซะก่อน ทางกรรมการจึงได้ออกกฏที่สร้างมาเพื่อควบคุมไม่ให้มีทีมไหนล้ำหน้าชาวบ้านมากเกินไปในปี 2018 ซึ่งในบทความนี้เราจะนำกฏตัดเตอนที่ว่ามาสรุปสั้นๆให้เพื่อนๆได้ทราบกันครับ โดยกฏแรกที่เราจะพูดถึงก่อนเลยก็คือ “การจำกัดรอบเครื่องยนต์” โดยกฏกติกาข้อนี้จะมีผลโดยตรงกับทีมที่มีรถแรงมากเกินไป เนื่องจากถ้าหากกรรมการพบว่าทีมใหนมีตัวแข่งที่แรงกว่าชาวบ้าน (อาศัยการวัดข้อมูลตัวเลขเวลาต่อรอบ, ความเร็วสูงสุด, และผลการแข่งขันในแต่ละสนาม) ทางกรรมการก็จะสั่งลดรอบเครื่องยนต์สูงสุดลงไปราวๆ 250 รอบ/นาที ในขณะเดียวกันหากทีมไหนมีตัวแข่งที่แรงน้อยเกินไปจนไม่สามารถตามคู่แข่งได้ทัน ทางกรรมการก็จะอณญาติให้ทีมแข่งสามารถปรับรอบเครื่องยนต์เพิ่มได้อีก 250 รอบ/นาทีเช่นกัน และสำหรับตัวเลขรอบเครื่องยนต์ที่จะถูกใช้เป็นเลขตั้งต้นตั้งแต่เปิดฤดูกาลนั้น ทางกรรมการก็จะพิจารณาจาก “รอบเครื่องยนต์จริงๆ” ตอนที่ยังเป็นแค่โปรดักชั่นไบค์หรือตอนขายจริงของตัวรถรุ่นนั้นๆ และจะอณุญาติให้ปรับรอบเครื่องยนต์เพิ่มอีกราวๆ 3.3% ซึ่งจะได้ตัวเลขรอบเครื่องยนต์ของแต่ละค่ายดังนี้ – Aprilia RSV4 RF 14,700 รอบ/นาที – BMW S1000RR 14,700…
ด้วยความที่กระแสความนิยมในรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิคมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่แปลกอะไรนักถ้าเราจะเห็นเหล่าผู้ผลิตหน้าใหม่เน้นเจาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์แนวนี้เป็นแบบแรกๆตั้งแต่เปิดแบรนด์ โดยวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ Verve Moto แบรนด์น้องใหม่สัญชาติเยอรมันที่เปิดตัวสองแฝด Classic S 125i และ 125i tracker ที่มาพร้อมกับดีไซน์ย้อนยุคทั้งแบบคลาสสิคไบค์และสแครมเบลอร์ไบค์ โดยในส่วนของเครื่องยนต์ของทั้งคู่นั้นเป็นแบบสูบเดียว 125cc ระบายความร้อนด้วยอากาศและสามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ 11.3 แรงม้า และแรงบิดอีก 9.5 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 5 สปีด ติดตั้งชุดระบบเบรกแบบดิสก์เบรกและชุดระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับเป็นออพชั่นพื้นฐานเหมือนกันทั้งคู่ และถ้าพูดถึงความแตกต่างของสองรุ่นนี้ก็คือทางฝั่ง Classic S 125i นั้นทาง Verve Moto ได้ให้ข้อมุลว่าพวกเขาเลือกออกแบบเจ้านี้โดยใช้ Yamaha SR400 เป็นต้นแบบ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าดีไซน์รอบคันของ Classic S คันนี้มีหน้าตาไม่ได้หนีจากรถมอเตอร์ไซค์ยอดตำนานของค่ายส้อมเสียงมากมายนัก ทั้งถังน้ำมัน ฝาครอบแบต เบาะนั่ง ท่อไอเสีย และล้อซี่ลวดขนาดวงล้อ 17 นิ้วที่รัดด้วยยางหน้าขนาด 110/70-17 และยางหลังขนาด 130/70-17…
เงียบหายกันไปนานจนเกือบลืมไปแล้วว่าทาง Husqvarna เองก็มีรถมอเตอร์ไซค์แนว Cafe Racer และ Scrambler พิกัด 373cc ที่อยู่ในคิวเปิดตัวในอนาคตด้วยเช่นกัน โดยตอนนี้ได้มีความเคลื่อนไหวออกมาว่าเจ้าแฝด Vitpilen 401 และ Svartpilen 401 คู่นี้ได้ไปปรากฏตัวเป็นรถทดสอบที่อินเดียในสภาพใกล้สมบูรณ์พร้อมขายราวกับมันจะทำตลาดในเร็วๆนี้ จากภาพจะเห็นได้ว่าทั้ง Vitpilen 401 และ Svartpilen 401 ที่ถูกขับทดสอบอยู่นั้นได้รับการติดตั้งชุดชิ้นส่วนเหมือนกับตอนยังเป็นคอนเซปท์อยู่หลายอย่าง ทั้ง Vitpilen 401 ที่มาด้วยรูปโฉม Cafe Racer แฮนด์หมอบ ส่วน Svartpilen 401 ก็มีหน้าตาเป็น Scrambler Bike ที่โดดเด่นด้วยแฮนด์ทรงสูง ล้อซี่ลวดรัดด้วยยางกึ่งหนาม (แต่เราแอบเห็นว่าในตัว Svartpilen นั้นดูเหมือนทาง Husqvarna จะติดตั้งกันตกไว้ด้านหลัง ซึ่งชิ้นส่วนนี้ไม่ได้มีมาแต่แรกตอนเปิดตัวเมื่อสองปีก่อน) โดยข้อสังเกตุในตอนนี้ก็คือการที่ก่อนหน้านี้ทาง Husqvarna ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าแม้ตัวเครื่องยนต์ของทั้ง Vitpilen 401…
อาจจะดูห่างไกลจากความจริงไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว กับคอนเซปท์ไบค์ที่เพื่อนๆกำลังเห็นอยู๋ตอนนี้ซึ่งถูกระบุไว้ว่ามันคือคอนเซปท์ของ BMW S675RR หรือดีไซน์ต้นแบบของสปอร์ตไบค์ไซส์กลางจากฝีมือของ Nicolas Petit จากภาพจะเห็นได้ว่างานออกแบบ S675RR ของนาย Nicolas นั้นอ้างอิงดีไซน์ของ S1000RR อยู่เยอะพอสมควร โดยเฉพาะกับชุดช่องระบายอากาศ 3 แถวบริเวณข้างตัวรถและช่วงหน้าตัวรถก็มีดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็น “ฉลามเมืองเบียร์” ไว้อย่างครบถ้วน รวมถึงตัว S675R ที่เป็นโฉมแน็คเก็ทและ S675XR สปอร์ตแอดเวนเจอร์ไบค์ทาง Nicolas เองก็ออกแบบไว้ทั้งสามรูปแบบตัวรถเหมือนอย่างที่ตัวพันมี ส่วนเครื่องยนต์นั้นด้วยความที่มันเป็นแค่คอนเซปท์ไบค์จึงไม่ได้มีข้อมูลอะไรออกมามากมายนักโดยระบุไว้แค่เพียงว่าตัวเครื่องยนต์จะมีขนาดความจุ 675cc ตามชื่อรุ่น แต่จะถูกหั่นลูกสูบลงเหลือเพียง 3 สูบเท่านั้นเพื่อความเหมาะสมในการใช้งานและปริมาตรความจุที่ให้มา (แต่ถ้าหากทาง BMW จะผลิตมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 3 สูบเรียงมาจริงๆ เราคาดว่าอักษรนำชื่อรุ่นนั้นจะต้องไม่ใช่ตัว S ที่สงวนไว้ใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ 4 สูบเรียงของทางค่ายเท่านั้นแน่นอน) อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…
จากกระแสตอบรับของการเปิดตัวเจ้า Yamaha Niken เป็นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้วจะได้รับกระแสความสนใจกันอย่างล้นหลาม ทำให้ดูเหมือนว่าทาง Yamaha จะมั่นใจในเทคโนโลยีนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้ได้มีข้อมูลออกมาว่าทางค่ายเริ่มพัฒนา Niken 03/25 ย่อส่วนสำหรับลุยตลาดล่างแล้วเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถอะไรมากมายนักว่าทาง Yamaha จะเจาะตลาดล่างแค่ไหน แต่จากผลวิจัยที่ทางค่ายได้ทำการค้นคว้าไว้นั้นค่อนข้างจะเจาะจงไปที่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 300cc หรือกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ระดับ A2 ในยุโรป ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าตัว Mini-Niken (Niken 03/25) ที่ทางสื่อ Autoby ได้ทำการเรนเดอร์ไว้นั้นมีพื้นฐานตัวรถเป็น Yamaha MT-03 ที่ได้รับการติดตั้งชุดบังคับเลี้ยวแบบ LMW เหมือนกับที่ใช้อยู่ในตัว Niken แล้วครอบช่วงหน้าตัวรถด้วยชุดแฟริ่งที่หยิบยกดีไซน์ของสกูตเตอร์สามล้อ Tricity เข้าไป งานนี้เราอาจจะต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีข้อมูลใดอ้างอิงออกมาเพิ่มเติมอีกบ้างเกี่ยวกับ Mini-Niken (Niken 03/25) คันนี้ แต่หากข้อมูลทุกอย่างที่ทางสื่อ Autoby ได้รับและนำเสนอออกมาเป็นความจริง (ซึ่งดูจากชื่อชั้นของสื่อรายนี้แล้วก็นับว่าเชื่อถือได้พอสมควร) เราเชื่อว่าในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้จะต้องมีอะไรออกมาให้เราๆได้ทราบความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมกันอีกแน่นอน ขอบคุณภาพจาก Autoby edit…
แม้ว่าก่อนหน้านี้ช่วงปลายๆปีทาง Yamaha Japan ได้ประกาศออกมาว่าพวกเขาเตรียมยุติการผลิตคลาสสิคไบค์ในตำนานที่เดินสายพานการผลิตต่อเนื่องมา 40 ปีอย่าง SR400 เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ดีไม่พอและไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขให้ผ่านมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆได้อีกต่อไป แต่จากข้อมูลล่าสุดเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ทางนิตยสาร Young-Machine ได้ระบุไว้วว่าในตอนนี้ทาง Yamaha ได้กำลังพัฒนา SR400 รุ่นใหม่ที่ไม่ได้ใช้พื้นฐานเดิมเหมือนอย่างที่ผ่านมาหรือก็คือ All-New SR400 โดยมีจุดเด่นก็คือเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียยุคใหม่โดยเฉพาะและคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปี 2018 นี้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีอีกจุดเด่นที่น่าสนใจในเจ้า All-New SR400 ที่จะเปิดตัวใหม่ในเร็วๆนี้ก็คือทาง Yamaha อาจจะทำการติดตั้งระบบสตาร์ทไฟฟ้าหรือสตาร์ทมือมาให้ ซึ่งดูเหมือนว่ามันอาจจะลบกลิ่นอายเดิมๆของตัวรถที่อยู่มานานกว่า 40 ปีไปบ้าง แต่เชื่อว่าสาวกรุ่นใหม่หลายๆคนคงตัดสินใจซื้อมันง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนพอสมควรจากข้อดีในเรื่องนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก Young-Machine อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวที่ฟังดูค่อนข้างช็อคสาวกการแข่งขัน MotoGP กันอยู่พอสมควร หลังคืนก่อนหน้านี้ได้มีข้อมูลเผยออกมาว่า Hervé Poncharal เจ้าของทีม Monster Yamaha Tech3 ได้ประกาศแยกทางกับทาง Yamaha หลังจบฤดูกาล 2018 ซึ่งจะถือเป็นการยุติการให้ความร่วมมืออันยาวนานถึง 20 ปีนับตั้งแต่ปี 1998 ไปอย่างน่าเสียดาย โดยความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทางฝั่ง Kouichi Tsuji ผู้บริหารฝั่งกิจกรรมมอเตออร์สปอร์ตของ Yamaha ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อ MotoGP ว่า “หลังจากการหารือกับ Poncharal อยู่พักใหญ่ มันค่อนข้างแน่นอนว่าเค้าต้องการที่จะแยกตัวกับทาง Yamaha ในปี 2019 ซึ่งเราก็เคารพในการตัดสินใจครั้งนี้ของเขา ส่วนการซัพพอร์ททีม Tech3 ในปี 2018 นั้นเราก็ยังยืนยันที่จะให้การสนับสนุนกันอย่างเต็มที่เหมือนเดิม และเราจะทำมันไปพร้อมๆกับการหาทีมซัพพอร์ทใหม่ที่จะเข้ามารับไม้ต่อในส่วนนี้สำหรับปี 2019 และปีต่อๆไป” ด้าน Poncharal ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงเสียใจอยู่บ้างเล็กน้อยเนื่องจากตัวเขาเองก็เสียดายความสัมพันธ์ระหว่างทีมกับ Yamaha และ Tech3 ที่อยู่ด้วยกันมาจะครบ…
ยังคงเดินเกมส์เปิดตัวโมเดลใหม่ออกมาเพื่อให้ครบจำนวน 100 โมเดลภายในปี 2027 กันอย่างต่อเนื่องสำหรับค่าย Harley-Davidson โดยล่าสุดนั้นเป็นสองโมเดลใหม่จากตระกูลยอดนิยมอย่าง Sporster ซึ่งก็คือ 2018 Iron 1200 ที่ถูกอัพเกรดเพิ่มขึ้นมาจาก Iron 883 และ 2018 Forty-Eight Special เริ่มจาก 2018 Iron 1200 ที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่ามันได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ลูกใหม่เป็นแบบ V-Twin ขนาด 1,202cc แทนที่เครื่องยนต์ V-Twin ขนาด 883cc ที่ประจำการอยู่ใน Iron 883 ส่งผลให้พละกำลังในด้านแรงบิดสูงสุดนั้นสูงขึ้นกว่าเดิมอีกถึง 36% จากเดิมที่มีอยู่ 73 นิวตันเมตรเป็น 99 นิวตันเมตร ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆภายนอกนั้นเมื่อดูรวมๆแล้วอาจจะยังคงคอนเซปท์เดิมก็คือการเน้นพื้นที่สีดำรอบคัน ทั้งท่อไอเสีย ล้ออัลลอยด์ เสื้อสูบและฝาสูบเครื่องยนต์ เว้นก็แต่ชุดวินชิลด์หน้าและแฮนด์บาร์ที่ปรับดีไซน์ใหม่เป็นแบบยกสูงชนิดว่าผู้ขับขี่แทบต้องโหนขับ ซึ่งนี่เป็นจุดเด่นเดียวที่พวกเราน่าจะสังเกตุได้ถึงความแตกต่างหากต้องเทียบกันระหว่างตัว 883 และ 1200…
ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ทาง Royal Enfield ประเทศไทย ได้เผยโฉมเจ้า Royal Enfield Himalayan ครั้งแรกในไทย ซึ่งก็เป็นที่สนใจสำหรับนักบิดสายทัวริ่งที่ชอบเดินทางตะลุยแบบไร้ขีดจำกัด เมื่อวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ ทาง MotoRival เราได้มีโอกาสไปร่วมทริปทดสอบเจ้า Himalayan ครั้งแรกในไทย กับเส้นทาง ปิล็อก – ทองผาภูมิ – สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อผจญภัย และ ทัวริ่งในพื้นที่ๆสมบุกสมบัน อย่างเส้นทางบริเวณภูเขาที่มีความท้าทาย และในวันนี้เราจะมารีวิว Royal Enfield Himalayan ให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ รูปลักษณ์ Royal Enfield Himalayan เป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Adventure Touring ที่มีรูปทรงแนว Classic เป็นยนตรกรรมจากประสบการณ์การขับขี่ในเทือกเขาหิมาลัยกว่า…