ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในตลาดการซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์บ้านเรานั้น รูปแบบหรือดีไซน์หลักๆที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนอกจากกลุ่มรถแม่บ้าน 4 เกียร์ และแฟชั่นสกูตเตอร์ราคาไม่เกิน 80,000 ก็คือสปอร์ตไบค์ฟูลแฟริ่งทั้งหลายที่มีกระแสและเสียงตอบรับที่ดีตลอดช่วงหลายสิบปีมานี้ โดยเฉพาะนักบิดที่รักความเร็วสายซิ่งทั้งหลาย โดยสาเหตุหลักๆนั้นก็คือการที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการเปิดตัวในฐานะรถสปอร์ตไบค์นั้น ต่างก็ได้ชื่อว่านำดีไซน์มาจากตัวแข่งทั้งหลายที่เรารู้จัก ทั้ง MotoGP, WSBK และอื่นๆอีกมากมาย ดังที่เราจะเห็นได้จากการมีวินชิลด์ที่ช่วยแหวกลมให้กับตัวผู้ขับ ช่วงท้ายปลายเชิด รวมถึงการติดตั้งชุดแฟริ่งขนาดใหญ่ครอบทั้งตัวคันรถเพื่อทำให้ลมที่ปะทะเข้ามาขณะขับขี่สามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างไหลลื่น และนอกจากการติดตั้งชุดแฟริ่งครอบทั้งคันแล้ว พวกส่วนควบต่างๆของสปอร์ตไบค์ก็ยังอ้างอิงหน้าตาชิ้นส่วนที่มีประดับในตัวแข่งแทบทั้งสิ้น โดยที่เราพอจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ แผงคอ 2 ชั้น, แฮนด์จับโช้ก, ชุดครอบแฟริ่งด้านหน้าพร้อมวินชิลด์, ถังน้ำมันวางกลางคันรถ, โช้กหลังแบบเดี่ยว และที่นิยมกันอย่างมากในช่วงปีปัจจุบันก็คือ โช้กหัวกลับคู่หน้าที่ไม่ว่าใครก็ตามที่นึกถึงสปอร์ตไบค์ต่างก็อยากได้เจ้าสิ่งนี้ติดตั้งมาให้แต่แรกตอนออกโรงงานกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญของรถสปอร์ตไบค์ทั้งหลายนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดตัวที่ทั้งกว้างและยาวกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปพอสมควร จนทำให้การซอกแซกไปตามช่องจราจรต่างๆทำได้ลำบากกว่าเดิม (แต่จะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ผู้ขับขี่นะครับ) ดังนั้นเพื่อนๆหลายคนจึงเลือกที่จะซื้อมินิไบค์ที่ในปัจจุบันเราเริ่มเห็นค่ายผู้ผลิตน้อยใหญ่พากันยัดออพชั่นมาให้ชนิดไม่ได้น้อยหน้ากว่าสปอร์ตไบค์รุ่นใหญ่ทั้งหลาย แต่ในขณะเดียวกันขนาดตัวรถก็ยังคงเป็นมิตรกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์แบบอื่นๆ แต่ด้วยความที่ว่าเหล่ามินิไบค์ทั้งหลายในปัจจุบันมีหน้าตาของตัวรถแบบสปอร์ตแน็คเก็ทไบค์ ไม่ใช่สปอร์ตฟูลแฟริ่งซึ่งได้อารมณ์แบบตัวแข่งเต็มๆ ทำให้เหล่าผู้ใช้ที่อยากได้หน้าตาตัวรถแบบดังกล่าวต้องหาสำนักแต่ง ที่สามารถออกแบบและสร้างแฟริ่งมาครอบตัวรถมินิไบค์คันเก่ง ซึ่งถือว่าไม่ได้ทำกันง่ายๆนัก เนื่องจากมันเป็นงานสร้าง และต้องใช้งบประมาณในการแต่งมากพอสมควร เพราะนอกจากทำชุดครอบแฟริ่ง ซึงต้องเปลี่ยนแฟริ่งชุดหน้ายกชุดแล้ว ยังต้องมาทำแฮนด์บาร์ให้กลายเป็นแบบจับโช้กอีก และจะเป็นอย่างไรถ้าในอนาคต ผู้รักมินิไบค์ จะมีทางเลือกที่มากขึ้นกับการที่ได้รถสไตล์ Sport Full Faring…
Author: admin
จากกระแสความนิยมในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ทรงแน็คเก็ทไฟกลมที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆจนลามมาถึงตลาดรถเล็กพิกัด 150cc อย่างที่เราเห็นไปแล้วกับการถือกำเนิดของ Honda CB150R ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนว่าทางค่ายปีกนกต้องการเปิดตลาดใหม่เพื่อกินส่วนแบ่งตรงนี้เพียงคนเดียว แต่จากความเคลื่อนไหวล่าสุดของทาง Suzuki ทำให้เราเชื่อว่าพวกเค้าคงทำแบบนี้ไปได้อีกไม่นานเท่าไหร่นัก เนื่องจากทางฝั่งซุ้มคนบ้าเองก็มีแนวโน้มที่จะตีตลาดนี้ด้วยเช่นกันโดยใช้ชื่อโมเดลว่า “GSX Bandit” ภาพตารางที่เพื่อนกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ คือภาพที่ทาง TMCBlog แหล่งข่าวชั้นดีจากอินโดนีเซียได้ให้ข้อมูลไว้ว่ามันถูกถ่ายจาก “ภารโรง” ของโรงงาน Suzuki ซึ่งจากลำดับขั้นจะเห็นได้ว่าเจ้า Bandit นั้นจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ GSX-R150 และ GSX-S150 ดังนั้นจึงหมายความว่าเจ้า “จอมโจร” รุ่นใหม่นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 147.3cc DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลังสูงสุด 19 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที ซึ่งได้ชื่อวาแรงที่สุดในคลาส (เว้นแต่ว่าทางค่ายจะปรับจูนกราฟใหม่ให้แรงน้อยลงกว่าเดิมแล้วไปเน้นเรื่องแรงบิด ซึ่งเป็นไปได้ยากกับการปรับปรุงในรถเล็กแบบนี้ เนื่องจากไม่คุ้มทุน) ในส่วนของข้อมูลวันเปิดตัวนั้น ทาง TMCBlog ไม่ได้ทำการระบุใดๆไว้ทั้งสิ้น เนื่องจากพวกเค้าเองก็น่าจะไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้เช่นกัน แต่จากการที่มันถูกจัดอยู่ในตารางควบคู่กับรถมอเตอร์ไซค์โฉมปัจจุบันทำให้มีความเป็นไปได้สูงอย่างมากว่าเราจะได้เห็นเจ้า Suzuki GSX “Bandit” ในเร็วๆนี้…
ถือเป็นข่าวร้ายที่น่าหวั่นใจอยู่ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ทาง Honda ประเทศอเมริกาได้ออกมาประกาศรีคอลล์สปอร์ตไบค์รุ่นเรือธงของทางค่ายตัวใหม่ล่าสุดซึ่งก็คือเจ้า 2017 CBR1000RR จำนวนกว่า 2,443 คัน ครอบคลุมทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่น SP, SP2 จากปัญหาการออกแบบและติดตั้งชิ้นส่วนบริเวณถังน้ำมัน โดยชิ้นส่วนที่ว่าก็คือ “ฝาถังน้ำมัน” และ “ท่อกรอกน้ำมัน” ซึ่งดูเหมือนว่ามันไม่ได้รับการออกแบบให้ติดตั้ง และต่อกันได้สนิทจนเสี่ยงต่อการที่น้ำจะซึมเข้ามาในถังน้ำมันจนไหลไปกวนระบบภายในของเครื่องยนต์ทั้งหมด สำหรับวิธีการแก้ปัญหาแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนชิ้นส่วนทั้งสองอย่างที่ติดรถตอนแรกทิ้งไป แล้วติดตั้งชิ้นส่วนชุดใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้หากทาง Honda พบว่ารถของลูกค้าท่านใดมีปัญหาจากการซึมของน้ำจนเข้าไปกวนระบบภายในแล้วเรียบร้อย ทางค่ายก็ยินดีที่จะรับผิดชอบเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดให้กับลูกค้าไปแบบฟรีๆไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น (มันก็แน่อยู่แล้วล่ะครับงานนี้) ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก NHTSA อ่านข่าว Recall เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
Honda เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ของตัวแข่งเทรลไบค์จากตระกูล Montesa ซึ่งต่อยอดมาจาก Montesa COTA 4RT260 โดยใช้ชื่อใหม่ต่อท้ายว่า 300RR จุดเด่นหลักๆของเจ้า Montesa 300RR ก็คือเครื่องยนต์สูบเดียวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีขนาดความกว้างของลูกสูบเพิ่มขึ้นอีก 2 มิลลิเมตร และเพิ่มความยาวของช่วงชักมากขึ้นกว่าเดิมอีก 3 มิลลิเมตรจากเดิมเมื่อเทียบกับรุ่น COTA จนทำให้มันมีความจุสูงขึ้นเป็น 288cc ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แมนวลคลัชท์อัตราทดชิด 5 สปีด และปรับปรุงชุดกราฟในกล่อง ECU ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สัมพันธ์กับปริมาตรความจุของเครื่องยนต์ที่มากขึ้น ในด้านการตกแต่งตัวรถนั้นทาง Honda ก็ได้ทำการเสริมชิ้นส่วนประเภทคาร์บอนไฟเบอร์อีกหลายชิ้นด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ชุดครอบไฟหน้า, การ์ดแครงก์, การ์ดคอท่อ พร้อมกันนั้นก็ปรับปรุงชุดเฟรมอลูมิเนียมใหม่แล้วเสริมด้วยชุดล้ออลูมิเนียมจาก D.I.D ที่เบากว่าเดิมจนส่งผลให้น้ำหนักตัวในสภาวะรวมของเหลวพร้อมขี่นั้นอยู่ที่ 73.6 กิโลกรัมเท่านั้น อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ในขณะที่เพื่อนๆกำลังให้ความสนใจไปกับกระแสการเปิดตัวของ Duke 790 ที่ปรากฏโฉมขายจริงเป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือน ในวันนี้เราจะขอพาเพื่อนๆไปชมญาติห่างๆของมันซึ่งก็คือ Nuda 900R จาก Husqvarna ที่ได้รับการตกแต่งจนสวยงามไม่แพ้กับดยุครุ่นใหม่จาก KTM เลยทีเดียว สำหรับงานออกแบบของเจ้า “Parox” คันนี้นั้นเป็นผลงานจากสำนัก TripleSpeed จากประเทศเยอรมันซึ่งพวกเค้าได้สร้างด้วยคอนเซปท์ที่ว่าอยากให้มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ให้ความสนุกในการขับขี่ ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าดีไซน์โดยรวมของตัวรถนั้นค่อนไปทางซุปเปอร์โมโต(ซึ่งเอาจริงๆมันก็คือรูปแบบดั้งเดิมของ Nuda 900R อยู่แล้ว) และเพิ่มเติมความเป็นสปอร์ตแน็คเก็ทเข้าไป ดังที่เราจะเห็นได้จากการเปลี่ยนชุดไฟหน้าเป็นของ KTM Super Duke R โดย “ความสนุก” ของเจ้า “Parox” ยังไม่ได้หยุดอยู่แดีไซน์ภายนอกเท่านั้น เพราะทาง TripleSpeed ก็ได้ทำการปรุงแต่งเครื่องยนต์ติดรถที่เป็นแบบ 2 สูบเรียงขนาด 898cc ที่ทาง Husqvarna ได้ยกมาจาก BMW F800R ปี 2012 ด้วยชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะมากมายทั้งท่อไอเสียจาก Remus และที่เด็ดสุดๆคือชุดกล่อง ECU Power…
เกือบๆ 2 ทศวรรษเข้าไปแล้วหลังจบยุคทองของรถสปอร์ตไบค์เครื่องยนต์ 2 จังหวะทั้งหลายเนื่องจากสาเหตุด้านมลพิษ แต่ดูเหมือนว่ามนต์สเน่หฺ์ในเรื่องของพละกำลังที่ได้มามหาศาลแม้ว่าจะมีปริมาตรความจุกระบอกสูบน้อยนิดยังคงเป็นอะไรที่หอมหวานเสมอ ทำให้เรายังเห็นคอนเซปท์สปอร์ตไบค์ใหม่ๆหลายคันด้วยกันที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ยกตัวอย่างเช่นเจ้า “Vins Duecinquanta” คันนี้ สำหรับการปรากฏตัวครั้งแรกของเจ้า Vins Duecinquanta นั้น เอาจริงๆแล้วมันได้เคยปรากฏตัวในงาน EICMA Show 2015 หรือ 2 ปีก่อนหน้านี้มาแล้ว โดยในตอนนั้นมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 100cc ซึ่งดูเหมือนว่าแค่นั้นจะยังไม่เพียงพอให้มันสามารถสร้างพละกำลังมหาศาลได้ ทาง Vins จึงกลับไปออกแบบใหม่และนำกลับมาจัดแสดงอีกครั้งในงาน EICMA Show ปี 2017 พร้อมกับเครื่องยนต์ V-Twin 90 องศา 2 จังหวะขนาด 250cc จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด Direct Injection (ฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ในจังหวะที่พอร์ทไอเสียถูกปิดแล้วเรียบร้อย) จนส่งผลให้มันมีพละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ราวๆ 70 แรงม้าเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าแค่นั้นจะสุดไม่พอ ทางค่ายจึงได้จัดการออกแบบชุดเฟรมและล้อที่ทำจากคาร์บอนมาให้อีกหนึ่งชุด…
จากการเปิดตัวสู่สายตาของชาวโลกครั้งแรกของ 2018 Kawasaki Ninja 400/250 รุ่นใหม่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่หลายเรื่องด้วยกันที่เกี่ยวข้องกับรถโมเดลดังกล่าว ทั้งในด้านเครื่องยนต์ ออพชั่นติดรถ โดยเฉพาะกับเรื่องดีไซน์รอบคันที่มีทั้งกระแสด้านลบว่าไม่สวยเท่าโฉมก่อนหน้าอย่าง Ninja 300 ในขณะที่กระแสด้านบวกก็บอกว่าเจ้าน้องใหม่พิกัดเครื่องยนต์ 399/250cc คันนี้มีเส้นสายรอบคันที่ ดิบ ดุ ดัน กว่าเดิม ซึ่งเราจะขอนำเสนอไอเดียและภาพการออกแบบจากปากของหัวหน้าทีมออกแบบ Mr. Suzuki Kobayashi ตั้งแต่เริ่มจนจบของเจ้า Ninja 400 คันนี้มาบอกกล่าวให้เพื่อนๆได้ทราบกันครับ เริ่มจากภาพแรกที่ทางคุณ Kobayashi ได้ให้คำอธิบายไว้ว่าความคิดแรกสุดที่พวกเค้าต้องการใช้ในการออกแบบเจ้า Ninja 400/250 รุ่นใหม่ก็คือพวกเค้าต้องการให้มันมีความลื่นไหล และโดดเด่นดังที่เราจะเห็นได้จากตัวแบบรถบางคันที่มีเส้นสายที่โค้งมนซะส่วนใหญ่ ในขณะที่บางคันก็มีการกรีดเส้นให้ตัดคมซึ่งเราคาดว่าน่าจะอ้างอิงดีไซน์บางส่วนมาจากพี่ใหญ่อย่าง ZX-10R เป็นตัวเริ่ม นอกจากนี้หากเพื่อนๆลองสังเกตุดูก็จะเห็นว่าชุดส่วนพ่วงติดรถนั้นมีทั้งสวิงอาร์มแขนเดี่ยว สวิงอาร์มแขนคู่ทรงปีกนก, ท่อไอเสียออกใต้ท้องรถบ้าง ออกคู่ด้านข้างบ้าง ออกใต้เบาะคนซ้อนบ้าง, ชุดระบบกันสะเทือนหน้าก็ยังมีทั้งแบบหัวกลับ และตะเกียบคู่ปกติ, ชุดระบบกันสะเทือนหลังก็ยังมีทั้งแบบวางตั้งปกติ และแบบวางนอนคล้ายกับ Ninja 650 รุ่นก่อน, แม้กระทั่งตัวโครงหลักหรือเฟรมก็ยังมีให้เลือกทั้งแบบท่อเหล็กธรรมดาๆ…
จากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Kawasaki Ninja 400 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาในงาน Tokyo Motor Show 2017 และคำยืนยันจากดีลเลอร์และเว็บไซต์หลักของทางค่ายว่าพวกเค้าเตรียมวางจำหน่ายเจ้าสปอร์ตรุ่นใหม่ในเร็วๆนี้เพื่อทำตลาดแทน Ninja 300 โฉมปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนต่างสงสัยกันว่าสมรรถนะของน้องใหม่คันนี้ดีกว่าของพี่คนก่อนอย่างไรบ้าง ? ซึ่งแน่นอนว่าในคราวนี้เราก็จะทำบทความเปรียบเทียบถึงสเปคต่างๆที่เปลี่ยนไปแบบตัวต่อตัว ช็อตต่อช็อตให้เพื่อนๆได้ทราบไปพร้อมๆกันเลยว่า เม็ดเงินที่เพื่อนๆต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก 8,000 บาท (ในรุ่น KRT Edition) เพื่ออัพเกรดจาก 2017 Ninja 300 เป็น 2018 Ninja 400 เครื่องยนต์ 2017 Ninja 300 : 62 mm x 49 mm / 39 Bhp @ 11,000 RPM / 27 Nm…
จากการปล่อยภาพ 790 Adventure Concept และเผยโฉมจริงกันไปก่อนหน้านี้บ้างแล้วที่งาน EICMA2017 ก็ดูเหมือนว่าทาง KTM จะไม่ปล่อยให้ข่าวของเจ้าน้องใหม่ขาลุยคันนี้เงียบหายไปง่ายๆ เนื่องจากว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้มีปาปารัซซี่มือดีแอบดักถ่ายโฉมโปรโตไทป์ของมันได้ขณะทดสอบอยู่บนลานกรวดแห่งหนึ่งในยุโรป สำหรับรายละเอียดตัวรถ 790 Adventure โฉมโปรโตไทป์นั้นจะเห็นได้ว่ามันมีรายละเอียดชิ้นส่วนที่คล้ายกับโฉมคอนเซปท์ไม่ว่าจะเป็นช่วงแฟริ่งด้านข้าง ชุดแฟริ่งครอบแครงก์ซ้ายขวา ส่วนบริเวณอกไก่และการ์ดแครงก์ด้านล่างนั้น ดูเหมือนว่าทาง KTM จะเปลี่ยนไปใช้วัสดุแผ่นอลูมิเนียมที่แข็งแรงกว่าติดตั้งเข้าไป ตัวบังโคลนหน้าเองก็ปรับดีไซน์ใหม่ให้อยู่ชิดติดกับหน้ายางเหมือนกับที่ทำกันในรุ่นพี่ทั้ง 1090 Adventure, 1190 Super Adventure และ 1290 Super Adventure ส่วนชุดโคมไฟด้านหน้าก็ถูกติดตั้งมาให้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ในตอนโฉมคอนเซ็ปท์เป็นแค่แผ่นพลาสติกใสติดสติ๊กเกอร์ให้เห็นดีไซน์โคมไฟคร่าวๆเท่านั้น ในส่วนของเครื่องยนต์แน่นอนว่าในตัว KTM 790 Adventure จะต้องใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Duke 790 ที่พึ่งเปิดตัวไป แต่ถ้าพูดถึงตัวเลขแรงม้าของตัวลุยนั้นน่าจะถูกปรับลดลงมานิดหน่อยให้อยู่ที่ 100 ตัวพอดี มีน้ำหนักเดิมๆติดรถที่ไม่เกิน 180 กิโลกรัม และพร้อมเปิดโฉมขายจริงในช่วงปลายปี 2018 เพื่อทำตลาดในฐานะโมเดลปี 2019 ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
TAMWORTH Yamaha ดีลเลอร์ค่ายส้อมเสียงรายใหญ่ของประเทศอังกฤษได้เปิดตัว 2018 Yamaha YZF-R1 20th anniversary Edition รุ่นตกแต่งพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20 ปี ของรถซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ตระกูล R1 โดยการตกแต่งหรือหน้าตาภายนอกของเจ้ารถ 2018 Yamaha YZF-R1 20th anniversary Edition รุ่นพิเศษคันนี้ก็คือ การที่มันถูกเปิดตัวด้วยชุดสีและลวดลายแบบเดียวกับต้นตระกูล R1 เมื่อปี 1998 ซึ่งก็คือเฉดสีขาวเป็นสีพื้นหลัก และสลับโทนด้วยสีแดงตามชิ้นส่วนต่างๆรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตรงกลางแฟริ่งหน้า บังโคลนหน้า/หลัง ช่วงอกไก่ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือชุดเบาะสีแดงที่ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของ R1 รุ่นแรก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเจ้า 2018 Yamaha YZF-R1 20th anniversary Edition รุ่นนี้จะเป็นเพียงแค่รุ่นรถที่ผลิตขึ้นให้กับลูกค้าของทาง TAMWORTH Yamaha เท่านั้น และเมื่อประกอบกับการที่ว่ามันจะถูกผลิตด้วยจำนวนจำกัด(ทาง TAMWORTH ไม่ได้ระบุตัวเลขไว้) ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่เราจะได้เห็นเจ้านี่บนท้องถนนทั่วๆไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย อ่านข่าวสาร Yamaha…