หลังจากที่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เราได้ทำการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆเมื่อตัวแข่ง MotoGP เกิดเสียหายจากอุบัติเหตุขณะแข่งขันไปแล้วว่าจะมีตัวเลขเท่าใดไปแล้ว ในวันนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆมาดูกันสักหน่อยดีกว่าครับว่า สำหรับการแข่งขัน MotoGP 2021 ในปีนี้ นักบิดแต่ละคนในรุ่นใหญ่นั้น ได้ค่าจ้าง หรือค่าโบนัสจากการแข่งขันเท่าไหร่กันบ้าง Repsol Honda: Marc Marquez : 12,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 400,400,000 บาท/ปี + 21 ล้านบาท ต่อ 1 การแข่งขัน Pol Espargaro : 3,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 21,055,000 บาท/ปี + 6.15 ล้านบาท ต่อ 1 การแข่งขัน LCR Honda: Takaaki Nakagami : 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ…
Author: admin
ย้อนไปเมื่อปี 2015 ทาง Honda ได้สร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าสาวกกันอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Honda RC213V-S เอกโซติกไบค์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความใกล้เคียงกับตัวแข่ง MotoGP มากที่สุดออกมา ซึ่งในวันนี้เราจะขอพาเพื่อนๆมาดูรายละเอียดทางเทคนิคของมันกันครับ Honda RC213V-S ถูกเปิดตัวออกมาด้วยคอนเซปท์ที่อยากจะถ่ายทอดเทคโนโลยีตัวแข่ง MotoGP ของพวกเขาซึ่งเป็นตัวแข่งดีกรีแชมป์โลก ณ ขณะนั้น นั่นคือเจ้า อย่าง Honda RC213V ให้เหล่าลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้เคียงที่สุด ดังนั้นเจ้า RC213V-S คันนี้จึงถูกผลิตขึ้นมา โดยมันจะอาศัยพื้นฐานของตัวแข่ง RCV1000R ซึ่งเป็นตัวแข่ง MotoGP อีกคันที่มีความใกล้เคียงกับ RC213V ร่างต้นมาก เพียงแต่ถูกตัดออพชันสำคัญๆไปหลายรายการ เช่น กล่อง ECU ที่ไม่ใช่ของทีมโรงงาน (ณ ตอนนั้นการแข่งขัน MotoGP ยังไม่บังคับให้ทุกทีมต้องใช้ ECU กลาง), ระบบวาล์วแบบนิวเมติก, และชุดเกียร์แบบ Seamless เป็นต้น และเพื่อให้ลูกค้าสามารถจับต้องตัวรถ…
แม้เครื่องยนต์ V4 ของ Ducati ในยุคใหม่ จะให้ความโดดเด่นในเรื่องของแรงปลายที่จัดจ้านมากแค่ไหน แต่ในทางกลับกันเมื่อมันถูกนำมาติดตั้งกับตัวรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Multistrada แล้ว มันกลับดูเหมือนจะเป็นจุดน่าสงสัยในเหล่าผู้ที่ให้ความสนใจในตัวรถรุ่นอยู่ไม่น้อย เพราะมันดูไม่ค่อยจะเข้ากันกับลักษณะการใช้งานของรถมอเตอร์ไซค์แนวแอดเวนเจอร์ไบค์ที่ต้องการเครื่องยนต์ซึ่งต้องมีแรงบิดที่ดีในรอบต่ำ-กลางมากกว่า เท่าไหร่นัก เกี่ยวกับเรื่องนี้ Mr. Vincenzo De Silvio หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ Ducati ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ทางค่ายตัดสินใจที่จะยกเอาเครื่องยนต์ V2 ลูกเดิมของ Multistrada ทิ้งไป แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ลูกใหม่แบบ V4 เรียบร้อยแล้วว่า “เราได้ทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบทั้งสองตัวเลือก (เครื่องยนต์ V2 vs เครื่องยนต์ V4) แล้ว, แต่ในท้ายที่สุด เราตัดสินใจที่จะเลือกเครื่องยนต์ V4 เพราะเรามั่นใจในผลการทดสอบที่เราได้จากการพัฒนาเครื่องยนต์ D16 Stradale, เครื่องยนต์ลูกนี้น่ะมีสมรรถนะสูง แต่ก็นุ่มนวลและอเนกประสงค์, มีกลไกที่แข็งแรงมากๆ, แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีขนาดกระทัดรัดและเบา, แล้วยังมีการสั่นสะเทือนที่ต่ำ, ซึ่งเรามั่นใจว่ามันจะต้องเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบอื่น (นอกเหนือจากการใช้งานกับซุปเปอร์ไบค์และเน็คเก็ทไบค์), ถ้าหากเราปรับปรุงมันได้อย่างเหมาะสม” นอกจากนี้ Mr.…
ขณะที่รถยังไม่มีที่ท่าว่าจะเปิดตัวในไทย แต่ล่าสุด CFmoto 300SR ก็เตรียมได้รับการอัพเกรดโฉมใหม่อีกครั้งแล้ว หลังมีข้อมูลของมันหลุดออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แถมยังเป็นข้อมูลภาพที่ช่วยให้เห็นรายละเอียดสำคัญของตัวรถอย่างชัดเจนอีกด้วย โดยสำหรับภาพตัวรถที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ด้านบนสุดนั้น ก็คือภาพของ CFmoto 250SR รุ่นใหม่ ที่เป็นรุ่นพิเศษมาพร้อมกับรหัสต่อท้ายใหม่อีกหนึ่งตัวอักษร จนเปลี่ยนชื่อเป็น 250SR-R ซึ่งสิ่งที่เราสามารถสังเกตได้จากภายนอกว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนตัวรถสเปค “SR-R” ก็คือการที่มันจะมาพร้อมกับชุดวิงเล็ทหน้าตาคล้ายกับของซุปเปอร์ไบค์สัญชาติอิตาลี ติดตั้งไว้ตรงแฟริ่งด้านข้าง และสวิงอาร์มหลังที่เปลี่ยนใหม่จากแบบแขนคู่ ให้เป็นแบบแขนเดี่ยว นอกจากนี้ แหล่งข้อมูลต้นทางยังระบุอีกว่า ในเอกสารข้อมูลทางเทคของตัวรถ CFmoto 250SR-R นั้น ยังมีการระบุน้ำหนักเมื่อรวมของเหลวของตัวรถเอาไว้ด้วยว่าน้อยลงกว่า 250SR รุ่นพื้นฐานอยู่พอสมควร นั่นคือจาก 165 กิโลกรัม เหลือ 157 กิโลกรัม ซึ่งแม้ในเอกสารจะไม่ได้ระบุว่าน้ำหนักที่หายไปเกิดจากการปรับเปลี่ยนในจุดใด แต่ทางสื่อต้นทางก็คาดว่า CFmoto อาจจะมีการเปลี่ยนวัสดุชิ้นส่วน หรืออาจจะปรับความหนาของชุดแฟริ่งให้บางลง ทำให้น้ำหนักส่วนเกินลดลงไปถึง 8 กิโลกรัม อย่างไรก็ดี แม้ตัวรถรหัส SR-R จะมาพร้อมกับชุดวิงเล็ท แต่พละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์สูบเดียว ความจุ…
ด้วยแต้มที่เป็นต่อคู่แข่งถึง 47 คะแนนของ Fabio Quartararo จึงถือว่าเป็นคะแนนที่ไม่น่าอึดอัดเท่าไหร่นักในการลุ้นเป็นแชมป์โลก MotoGP 2021 จึงทำให้ Joan Mir ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในฐานะแชมป์โลกคนล่าว่าส่วนต่างคะแนนดังกล่าวอาจทำให้ FQ20 รู้สึกกดดันได้ในการแข่งขันที่เหลืออีกเพียง 7 สนามที่เหลือ “ก็นะ, กับ Fabio ตอนนี้ ผมคิดว่ามันเริ่มจะเป็นการแข่งขันที่ต่างออกไป” Joan Mir กล่าว “ผมคิดว่าในอีกสามเรซข้างหน้าเราจะได้เห็นการแข่งขันที่ต่างออกไป”, “แม้ว่าเค้าจะมีช่องว่างที่เยอะ, แต่ตอนนี้ผมคิดว่าแรงกดดันมันจะเพิ่มขึ้นในทุกๆเรซ, มันยากสำหรับนักบิดเสมอที่จะจัดการกับความกดดัน” “แล้วก็นะ, แรงกดดันทั้งหมดของ Yamaha ก็จะส่งมาที่เขาและนี่คือสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อนเมื่อปีที่แล้ว”, “เค้าทำได้ดีจริงๆ, แต่ผมมั่นใจว่าความกดดันมันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ, ดังนั้นเราคงได้เห็นกัน (ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อสำหรับเขา)” อย่างไรก็ดีทางด้าน Fabio Quartararo กลับมองว่าคำเตือนของ Joan Mir เป็นเพียง “เกมจิตวิทยา” ที่ต้องการจะส่งมา เพื่อให้ตนเองวิตกกับการแข่งขันที่เหลือเท่านั้น “มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรผม, การแข่งขันนั้น (AustrianGP) ผมสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักอึ้งจาก…
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่านับตั้งแต่การประกาศฉีกสัญญาของ Maverick Vinales กับ Monster Yamaha Factory ที่เอสเซ่นนั้น เราก็เริ่มเห็นรอยร้าวระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ชัดเจนและกว้างออกขึ้นเรื่อยๆ และมาแตกหักครั้งใหญ่ในการแข่งขัน StyrianGP 2021 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จนทางทีมต้องประกาศห้ามไม่ให้นักบิดลงแข่งในเรซหลังจากนั้นและเรซถัดไป และท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการตัดสินใจ “แยกทางกันตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล” กันไปเลยในการรายงานล่าสุดของทางเว็บไซต์ผู้จัด MotoGP Lin Jarvis (ผู้จัดการ Yamaha Motor Racing Managing) กล่าว “ที่เอสเซ่น Yamaha และ Vinales ได้มีการประกาศไปแล้วว่าทั้งสองตัดสินใจที่จะตัดตอนสัญญาระหว่างปี 2021-2022 เดิม และจะจบมันในช่วงสิ้นปี 2021, ความตั้งใจของทั้งนักบิดและทีมคือการทำงานร่วมกันต่อไปจนถึงตอนจบฤดูกาล, ทางทีมก็ให้การยืนยันว่าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่และนักบิดเองก็จะทำงานอย่างเต็มที่เช่นกัน เพื่อให้เราจบโปรเจ็กท์นี้ด้วยกันในแบบที่ควรจะเป็น” “น่าเศร้าใจที่ในศึก StyrianGP การแข่งขันไม่ได้เป็นไปด้วยดี หรือไม่ได้จบด้วยดี และเพราะเหตุนี้หลังจากการถกกันอย่างจริงจังโดยทั้งสองฝ่าย, การตัดสินใจร่วมกันของเราคือมันคงดีกว่าสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะจบการทำงานร่วมกันให้เร็วขึ้น, การแยกทางกันแต่เนิ่น จะทำให้นักบิดสามารถทำในสิ่งที่เขาต้องการในอนาคตได้อิสระ และทำให้ทีมสามารถตั้งเป้ากับการแข่งขันที่เหลือในปี 2021 ได้อย่างเต็มที่ กับนักบิดที่จะมารับหน้าที่แทน…
All New YAMAHA EXCITER155 ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวครอบครัวที่มีความโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์แบบกึ่งสปอร์ตอีกหนึ่งรุ่นีท่ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดีจากผู้ที่สนใจนับตั้งแต่มันได้ถูกเผยโฉมออกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ดังนั้นในคราวนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆมาชมกันสักหน่อยดีกว่าครับว่า มันจจะมาพร้อมกับจุดเด่นใดที่น่าสนใจบ้าง ? 1.ใหม่หมดจดด้วยรูปโฉมได้รับการออกแบบและถ่ายทอด DNA จากรถสปอร์ตในตระกูล R-Series 2.ระบบไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Super Sport Full LED แยกโคมไฟสูง และไฟต่ำ พร้อม Day Time Running Light สว่างชัดเจนทุกการเคลื่อนไหว 3.โดดเด่น ทันสมัย หน้าจอเรือนไมล์ LCD ดิจิทัลเต็มระบบ แสดงครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน 4.สปอร์ต โฉบเฉี่ยวด้วยไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ถอดแบบรุ่นใหญ่ ในตระกูล R-Series สว่างชัดและปลอดภัย 5.เครื่องยนต์ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำบล็อกใหม่ แรงเร้าใจด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA เกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบ Assist…
รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก เติบโตจากการเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่โรงงานเรดดิชย์ ในสหราชอาณาจักร เมื่อปีค.ศ. 1901 (พ.ศ. 2444) มาเป็นตำนานมอเตอร์ไซค์คลาสสิกขนานแท้ที่มีเอกลักษณ์เรียบง่าย รอยัล เอนฟิลด์มุ่งมั่นเอาชนะเส้นทางสุดหฤโหดต่าง ๆ ของโลก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ และตำนานแห่งการขับขี่ โดยยึดหลักการออกแบบที่เรียบง่าย ด้วยความมุ่งหมายให้มอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์เป็นตำนานที่สง่างามเหนือกาลเวลา รอยัล เอนฟิลด์เตรียมตัวฉลอง 120 ปีแห่งเอกลักษณ์อันโดดเด่น ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อสานต่อประสบการณ์การขับขี่ที่แท้จริง การสร้างแรงบันดาลใจ การปลุกเร้าความกระตือรือร้น และการไขว้ขว้าการผจญภัยที่เริ่มมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1901 รอยัล เอนฟิลด์เตรียมจัดงานทั่วโลกตลอดปีค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) เพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของตำนาน และความสำเร็จของการเดินทางของมอเตอร์ไซค์ร่วมกับผู้ชื่นชอบรอยัล เอนฟิลด์ และสังคมนักขับขี่ของแบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ คือแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่ม การปรับตัว ความอดทน และการเป็นส่วนหนึ่งในทุกเจนเนอร์เรชัน ด้วยอุดมการณ์ซึ่งต้องการให้แบรนด์มีความยืดหยุ่น ยึดโยงผู้คน…
“จานเบรก” ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของระบบเบรกแบบดิสก์เบรก และสิ่งหนึ่งเรามักเห็นว่ามันจะปรากฏอยู่บนจานเบรกอยู่เสมอๆก็คือ “รู” ที่จะกรายจายตัวอยู่ทั่วจานเบรก แต่รูเหล่านั้นมีไว้เพื่ออะไรกันล่ะ ? เหตุผลแรกสุด ของการที่จานเบรก จะต้องถูกเจาะรู ก็คือ “เพื่อระบายความร้อน” เนื่องจากหากอิงข้อมูลที่เราได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องจานเบรกคาร์บอนในตัวแข่ง MotoGP เพื่อนที่เคยอ่านมาก่อนก็คงจะพอทราบแล้วว่า สำหรับจานเบรกเหล็กที่นิยมใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันนั้น หากมันมีความร้อนสะสมไว้ที่ตนเองมากเกินไป จานเบรกก็จะสูญเสียความสามารถในการสร้างแรงเสียดทานกับผ้าเบรกไป รวมถึงยังมีโอกาสที่จะเสียรูปจากความร้อนที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ ในการเสียดสีกันระหว่างผ้าเบรก กับจานเบรกแต่ละครั้ง ก็มักจะเกิดไอความร้อนบางอย่าง และมีเศษฝุ่นที่เกิดจากการสลายตัวของผ้าเบรก หรือหากขี่รถตอนฝนตก โอกาสที่ละอองน้ำจากเม็ดฝนจะเข้าไปเคลือบจานเบรกและผ้าเบรกเป็นชั้นฟิล์ม จนทำให้มันไม่สามารถสร้างแรงเสียดทานระหว่างกันได้อย่างที่ควรจะเป็นก็มีสูง ดังนั้นเพื่อเป็นการระบายความร้อนของจานเบรก และที่สำคัญกว่าก็คือการระบายเศษฝุ่น และละอองน้ำไม่ให้มาเคลือบที่หน้าจานสัมผัสเบรกและหน้าสัมผัสผ้าเบรกขณะใช้งานได้ง่ายๆ เหล่าผู้ผลิตจึงจะต้องทำการเจาะรูบนจานเบรก เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นสามารถไหลออกจากบริเวณหน้าจานเบรกแล้วเข้าไปอยู่ในรูบนจานเบรกระหว่างที่จานเบรกหมุนไปได้นั่นเอง อย่างๆไรก็ดี การเจาะรูบนจานเบรก จะส่งผลให้พื้นที่ผิวสัมผัสของหน้าจานเบรกที่หายไป จึงทำให้แรงเสียดทานที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างตัวจานเบรกกับผ้าเบรกจะน้อยลงตามไปด้วย แต่เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ลดมากไปจนเกิดอันตรายขนาดนั้น (หากเป็นการเจาะรูแค่เท่าที่จำเป็นแบบจานเบรกติดรถ ไม่ใช่เบรกกัดลายที่กัดเสียจนแทบไม่เหลือหน้าสัมผัสอย่างเช่นจานแต่งบางราย) มันจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เมื่อเทียบกับการเพิ่มขีดความสามารถให้จานเบรกสามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์(เจอฝนก็ไม่ต้องกลัวน้ำเคลือบ ลุยดินก็ไม่ต้องกลัวฝุ่นเกาะ) อ่าน Tips Trick เพิ่มเติมได้ที่นี่
ผ่านไปถึงครึ่งปี นับตั้งแต่ชื่อของ Honda NT1100 ได้ถุกปรากฏเป็นครั้งแรกบนโลกออนไลน์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 ล่าสุดทางสื่อยุโรปก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อีกครั้ง ว่ามันอาจจะถูกนำมาเผยโฉมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากสื่อยุโรปหลายๆเจ้า ที่ได้พร้อมใจกันนำเสนอว่าในขณะนี้ พวกเขาได้พบเอกสารใหม่เกี่ยวกับเจ้า NT1100 ที่บ่งชี้ว่ามันได้ถูกพัฒนามาไกลจนใกล้ที่จะวางจำหน่ายแล้วไปทุกทีๆ ซึ่งช่วงเวลาการเปิดตัวที่ว่า ก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะเกิดขึ้นในงาน EICMA Show ที่ในปี 2021 นี้มันสามารถกลับมาจัดได้อีกครั้ง ในระหว่างวันที่ 25-28 พฤศจิกายน หลังสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในทวีปยุโรปกลับมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ชีวิตปกติแล้ว ส่วนแนวทางการพัฒนาตัวรถ Honda NT1100 ในเบื้องต้น หากอิงตามชื่อรุ่น ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวทัวร์ริ่งไบค์ยกสูงที่สานต่อชื่อของรุ่นพี่ Honda NT650V ที่วางจำหน่ายในช่วงปี 1998-2006 ที่ก่อนหน้าใช้เครื่องยนต์แบบ V-Twin 650cc แต่ในคราวนี้ สำหรับ NT1100 ก็จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ความจุ 1,087cc…
