Alvaro Bautista อดีตนักแข่ง MotoGP ที่ผันตัวไปเป็นนักแข่งในรายการ WSBK ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม จนสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์โลกในรายการรถโปรดักชั่นมาได้เป็นผลสำเร็จ และเขาก็ยังทำผลงานได้ดีแบบคงเส้นคงวาในฤดูกาลปัจจุบัน ซึ่งเขาก็ได้มีโอกาสในสัมภาษณ์กับนักแข่งถึงความแตกต่างของทั้งสองรายการ
“ผมสนุกกับรถคันนี้(Ducati Panigale V4R) มากกว่าที่ผมสนุกกับ MotoGP ทุกปีที่เคยแข่งมา ผมรู้สึกว่าผมสามารถขับมันอย่างไรก็ได้ สามารถรีดความสามารถสูงสุดออกมาได้จากทั้งตัวผมและรถแข่ง มันเหมือนว่าเราถูกสร้างมาคู่กัน” Bautista กล่าว “ใน MotoGP นักแข่งหัวแถวหลายคนใช้ Ducati แต่ในเวทีนี้มีแค่ผมที่สามารถใช้รถค่ายนี้ขึ้นมาหัวแถวได้ คนอื่นก็ยังสนุกกับรถอยู่ แต่มีแค่ผมที่สู้จนคว้าแชมป์ได้”
“กุญแสสำคัญของ WSBK คือความเข้ากันได้ของ นักแข่ง-รถแข่ง-ทีมงาน ทีมงาน Ducati ในนี้ก็ได้รับผลกระทบมาจากฝั่ง MotoGP ที่ถูกปั้นโดย Gigi Dall’Igna ซึ่งผมที่เป็นนักแข่งฝั่งนั้นมาก่อนก็ได้ประโยชน์ไปด้วย รถแข่งช่วยให้ผมขับตามสไตล์ธรรมชาติของผม ในตอนที่ผมอยู่กับ Honda ผมก็ขับแบบนี้ แต่เราเข้ากันไม่ได้”
“ใน MotoGP ผมไม่มีโอกาสไปอยู่ในทีมโรงงาน มันทำให้ผลพลาดโอกาสแสดงความสามารถ(ในสมัยนั้น รถทีมอิสระยังไม่ดีขนาดนี้) แต่ตอนนี้ผมใส่ได้เต็มที่ ผมเป็นตัวเองได้เต็มที่ เพราะในช่วงที่นั้นรถแข่งของทีมอิสระนั้นไม่เหมือนกับตอนนี้ ตอนนี้ MotoGP เปลี่ยนไป ทีมอิสระมีโอกาสมากขึ้น พวกเขาสามารถชนะได้ และไม่ได้มีแค่ชื่อของนักแข่งหน้าเดิมโผล่ขึ้นมา”
“ตอนนี้ผมขอ Ducati ลองขับตัวแข่ง MotoGP รุ่นใหม่เป็นของขวัญที่ผมได้แชมป์ปีล่าสุด ถ้าผมลองแล้วชอบมันผมอาจจะหาโอกาสลงขับแบบ Wildcard” Bautista กล่าว “ในปี 2019 ผมคิดที่จะกลับไป MotoGP แต่ตอนนี้มันไม่อยู่ในแผนของผม WSBK เป็นรายการชิงแชมป์โลกที่ค่อนข้างสบายในมุมของการเดินทาง โดยเฉพาะตอนที่คุณมีลูกเล็กสองคน มันเคลียดน้อยกว่า กดดันน้อยกว่า และมันคงยากที่จะตัดสินใจย้ายกลับไป”
ที่มา gpone
อ่านข่าวสาร Motorsport เพิ่มเติมได้ที่นี่
