BMW ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากบาวาเรีย ที่หลายคนคงมีภาพจำจากรถตระกูลแอดเวนเจอร์และทัวริ่งขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็น R1200GS หรือ K1600GT ส่วนสายสปอร์ตก็คงหนีไม่พ้นรถในฝันอย่างเจ้าฉลาม S1000RR ซึ่งล้วนแต่มีราคาแพง และจับตลาดของลูกค้าที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเงินเป็นหลัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป การจับตลาดรถคลาสใหญ่อย่างเดียวเริ่มไม่เพียงพอ เพราะค่ายรถรายอื่นต่างพยายามสู้เพื่อชิงส่วนแบ่งรถคลาสเล็กด้วย แน่นอนว่าค่ายฟ้าขาวก็ตัดสินใจร่วมวงด้วยเช่นกัน
การเปิดตลาดรถคลาสเริ่มต้นของมอเตอร์ไซค์หลายค่ายนั้น ไม่ได้มีแค่เป้าหมายเรื่องยอดขายของรถคลาสเล็กราคาถูกไม่กี่คันเท่านั้น แต่มันคือการแย่งกันจับจองลูกค้าหน้าใหม่ ที่กำลังมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน รวมถึงการที่ลูกค้าเหล่านั้นสามารถเติบโตจนกลายเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีกับแบรนด์ และกลับมาซื้อรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่ใหญ่กว่า ราคาแพงกว่า และสามารถสร้างกำไลให้กับค่ายได้มากกว่าในอนาคต เพราะถ้าค่ายไหนไม่ทำ ก็จะถูกค่ายอื่นแย่งลูกค้าเหล่านั้นไปจนหมด
แต่ปัญหาคือถึงแม้ว่า BMW จะได้ทำการเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นรถตระกูล G310 ไปเมื่อหลายปีก่อน จนอาจจะเริ่มจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจรถเยอรมันค่ายนี้ได้แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทางค่ายกลับยังไม่มีรถรุ่นอื่นมารองรับลูกค้าเหล่านั้นที่ต้องการขยับคลาสให้ใหญ่ขึ้น เพราะถ้าจะให้ขยับจากคลาส 300 ซีซี ไปเป็น 900 ซีซี ก็ดูจะมากไปสำหรับผู้ใช้หลายคน ที่แค่อยากจะได้รถสำหรับขี่ในชีวิตประจำวัน
Sandro Strohmaier ผู้จัดการของ BMW Brauneisen ตัวแทนจำหน่ายค่ายฟ้าขาวรายใหญ่ในเมือง Wendlingen ประเทศเยอรมนี ที่ปกติก็พึงพอใจกับไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ปัจจุบันของค่ายอยู่แล้ว ได้ให้ความเห็นว่า “ถ้าให้ผมขออะไรได้สักอย่าง ผมก็อยากให้มีรถในคลาส 500-600 ซีซี ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันรถเล็กคลาส 125 ซีซี ก็คงไม่แย่”
ซึ่งเราก็คงสังเกตุเห็นได้ว่า BMW นั้นขาดรถกลุ่มนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ต่างกับรถค่ายญี่ปุ่นที่สร้างรถแบบเต็มไลน์อัพตั้งแต่เล็กยันโตกันมานานแล้ว ส่วนค่ายยุโรปรายอื่นก็เริ่มเดิมเกมรถคลาสเล็กและคลาสกลางตอนล่างกันมาสักพักแล้วเช่นกัน และก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายพัฒนารถของค่าย ที่มีหน้าที่สร้างรถที่ตอบสนองความต้องการของตัวแทนจำหน่ายให้ได้ในอนาคต(แต่จะเป็นเมื่อไรก็อีกเรื่อง)
ที่มา MOTORRAD
อ่านข่าวสาร BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่
