เปิด ประวัติ Brad Binder #33 เจ้าเขี้ยวเสน่ห์ นักบิดหน้าใหม่จากทีมไร่ส้ม KTM !

0

หลังจาก Brad Binder สร้างประวัติศาสตร์ได้หลายอย่างในการแข่งขันเมื่อวาน ทั้งการเป็นนักบิดหน้าใหม่คนแรกในรอบ 7 ปี ที่สามารถคว้าชัยชนะในรุ่นใหญ่ได้แม้พึ่งแข่งไปเพียง 3 เรซ และการเป็นนักบิดคนแรกที่สามารถพาตัวรถของ KTM จบการแข่งขันเป็นอันดับ 1 ได้ จึงทำให้นักบิดผู้มีเขี้ยวเสน่ห์คนนี้ดูน่าจับตามองขึ้นมาอีกพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะขอพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักเขาเพิ่มกันหน่อยดีกว่าครับว่า ประวัติ Brad Binder นักบิดคนนี้จะมีความเป้นมาน่าสนใจอย่างไรบ้าง?

brad-binder-moto2-2019-01
Brad Binder เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1995 ที่เมือง พอตเชฟสตรูม ประเทศแอฟริกาใต้ เริ่มชีวิตในเวทีมอเตอร์สปอร์ตด้วยการแข่งรถโกคาร์ทจนได้แชมป์ระดับประเทศตั้งแต่อายุแค่เพียง 8 ขวบ และเพื่อหาความท้าทายใหม่จึงทำให้เขาเลือกมาแข่งรถมอเตอร์ไซค์ตอนอายุ 10 ขวบ แล้วไม่หันหลังกลับไปจับรถ 4 ล้ออีกเลย

2010-brad-binder-rookie-cups-01
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในเวทีการแข่งขันระดับประเทศที่แอฟริกาใต้ Brad ได้รับเลือกให้มาแข่งขันในเวที Red Bull MotoGP Rookies Cup ในปี 2009 และยิ่งเฉิดฉายแววดาวรุ่งมากขึ้นโดยเฉพาะในปี 2010 ที่เขาขึ้นโพเดี้ยมไป 3 สนาม พร้อมจบอันดับ 5 ตอนสิ้นปี แถมในปี 2011 ยังแสดงความเหนือชั้นด้วยการเข้าเส้นชัยทิ้งห่างคู่แข่งแบบขาดลอยตั้งแต่ออกตัวถึง 15 วินาที (ม้วนเดียวจบ) แล้วยังรักษาฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ในปี 2012 เขาได้เข้ามาเป็นนักบิดในรุ่น Moto3 กับ RW Racing GP (Kalex KTM) ในที่สุด

2012-Brad-Binder-moto3
อย่างไรก็ดีในปี 2012 กลายเป็นว่า Brad กลับสามารถทำผลงานรวมตอนจบฤดูกาลได้ดีที่สุดแค่เพียงอันดับที่ 21 เท่านั้น ทำให้ในปี 2013 เขาต้องย้ายมาอยู่กับ Ambrogio Racing โดยใช้ทั้งรถของ Honda และ Mahindra แล้วปรากฏว่ามีฝีมือดีขึ้นจนจบอันดับที่ 13 บนตารางคะแนนสะสมตอนสิ้นปี พอเข้าสู่ปี 2014 ก็พาตัวแข่ง Mahindra ขึ้นโพเดี้ยมไปอีก 2 เรซ


จากความพัฒนาตรงนั้นจึงทำให้ในปี 2015 ทาง Red Bull KTM Ajo ซึ่งเป็นทีมใหญ่ในรุ่น Moto3 เลือกเซ็นสัญญา Brad เข้าร่วมทีม และนั่นก็ทำให้เขาสามารถทำฟอร์มโดดเด่นยิ่งขึ้นจนได้อันดับบนโพเดี้ยมไป 4 เรซ และจบอันดับที่ 6 บนตารางคะแนนสะสมตอนสิ้นปี จนในปี 2016 นักบิดแอฟริกาใต้คนนี้ก็คว้าแชมป์สนามในเวที Moto3 ได้สำเร็จที่เฆเรซ แม้ในการแข่งสนามนั้นเขาจะโดนปรับให้ไปออกสตาร์ทในกริดท้ายสุดก็ตาม แถมในการคว้าชัยชนะครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกของนักบิดแอฟริกาใต้ในการแข่งขันระดับ World Gran Prix อีกด้วยตั้งแต่ปี 1981 อีกด้วย


แน่นอนว่าในการแข่งขันที่เฆเรซนั้น เปรียบเสมือนการจุดประกายให้กับเขา เพราะเขาสามารถขึ้นโพเดี้ยมไปได้ทั้งหมดถึง 14 สนาม โดยมีการเข้าเส้นชัยอันดับ 1 ไปถึง 7 เรซ ส่งผลให้เขากลายเป็นแชมป์โลกรุ่น Moto3 ในปี 2016 ทันทีด้วยแต้มที่ขาดจากอันดับสองถึง 142 คะแนน และอันที่จริงเขาก็ความแชมป์โลกได้ตั้งแต่ในการแข่งขันที่เอรากอนด้วย (5 สนามสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล) รวมถึงกลายเป็นนักบิดแอฟริกาใต้คนที่ 3 ที่สามารถคว้าแชมป์โลกในระดับ World Grand Prix ได้ โดยนักบิดชาติเดียวกันที่สามารถทำเช่นนี้ได้ก่อนหน้า Brad Binder นั้นต้องย้อนไปถึงปี 1980 เลยทีเดียวนั่นก็คือ Jon Ekerold ที่เป็นแชมป์โลกในรุ่น 350cc


หลังจากนั้นในปี 2017 เขาก็ได้มาลงแข่งในรุ่น Moto2 กับทาง KTM เช่นเดิม แต่กว่าจะเรียกฟอร์มเก่งได้ก็ต้องรอถึงปี 2018 และ 2019 ที่สามารถเก็บแต้มในตารางคะแนนสะสมจนจบสิ้นปีด้วยคะแนนสะสมบนตารางเป็นอันดับที่ 3 (ชนะ 3 เรซ) และ ที่ 2 (ชนะ 5 เรซ และขึ้นโพเดี้ยมอีก 4 เรซ) ตามลำดับปี ทว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาได้ขยับขึ้นมาเป็นนักบิดดาวรุ่งในรุ่น MotoGP กับ Red Bull KTM Factory ในปี 2020 และฉายแววต่อเนื่องอย่างที่เราได้เห็นในการแข่งขันล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

ขอบคุณข้อมูลจาก bradbinder33.net

อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!