ในขณะที่ทาง Ducati พึ่งเปิดตัว 2018 Panigale รุ่นใหม่ที่ถูกเปลี่ยนเครื่องยนต์จากแบบ L-Twin เป็นแบบ V4 ไปได้ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาของการเปิดตัวเจ้า Multistrada รุ่นใหม่เช่นกัน ซึ่งเราได้เคยเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทาง Ducati มีแผนปรับขนาดเครื่องยนต์จากเดิมที่มีความจุ 1,198.4cc ให้เพิ่มเป็น 1,262cc ตามธรรมเนียมของทางค่ายที่มักจะทำการขยายความจุเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์แทบทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนโฉม
โดยสำหรับพื้นฐานเครื่องยนต์นั้น แน่นอนว่าจากตัวเลขดังกล่าวทำให้เราทราบทันทีว่ามันคือลูกเดียวกันกับของ XDiavel ที่มีกราฟแรงม้าแรงบิดค่อนไปทางสปอร์ตครุยเซอร์มากกว่า ดังนั้นเพื่อให้มันเหมาะกับการใช้งานแนวทัวร์ริ่งมากขึ้นทาง Ducati จึงปรับเปลี่ยนไส้ในและระบบซอฟแวร์ใหม่หมดจนทำให้มันสามารถสร้างพละกำลังได้สูงสุด 158 แรงม้าที่ 9,500 รอบ/นาที
ส่วนแรงบิดนั้นเนื่องจากอานิสงค์ของชุดวาล์วแปรผัน DVT ทำให้มันสามารถรีดแรงบิดกว่า 85% ของทั้งหมดออกมาใช้งานได้ตั้งแต่ 3,500 รอบ/นาที โดยในช่วง 4,000 รอบ/นาที ซึ่งน่าจะเป็นช่วงรอบที่เหมาใช้งานมากที่สุดนั้นทางค่ายก็เคลมไว้ว่ามันมีพละกำลังแรงบิดสูงที่สุดกว่าใครเพื่อนในคลาสทั้งหมด และจบด้วยแรงบิดสูงสุดซึ่งระบุตัวเลขไว้ที่ 129.5 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าสูงขึ้นกว่า 18% เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (Multistrada 1200)
ด้านโครงสร้างหลักตัวรถก็ได้รับการปรับปรุงสัดส่วนใหม่ทั้งแชสซีย์เหล็กถัก, องศาแผงคอชันขึ้นเป็น 25 องศา (ของเดิม 24 องศา), สวิงอาร์มยาวขึ้นอีก 48 มิลลิเมตร, ระบบกันสะเทือนหน้ายกชุดมาจาก 1200 Enduro รุ่นปัจจุบันซึ่งมีจุดเด่นคือขนาดแกนโช้กที่ใหญ่ถึง 48 มิลลิเมตร แถมยังปรับเซ็ทได้ทุกค่าเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและพละกำลังกับน้ำหนักที่มากขึ้น
ด้านระบบอำนวยความสะดวกผู้ขับขี่นั้นก็มีทั้งชุดระบบควิกชิฟเตอร์และออโต้บลิพเปอร์ ซึ่งถูกติดตั้งเข้ามาเพื่อช่วยเสริมความนุ่มนวลและง่ายในการขึ้นลงเกียร์ของผู้ขับขี่, ระบบแทรคชั่นคอนโทรลและระบบป้องกันล้อหน้ายกปรับได้อย่างละ 8 ระดับ, Riding Mode 4 แบบตามสถานะการณ์การขับขี่, ระบบล็อคความเร็ว, ระบบเบรกรั้งตัวรถบนทางชันขณะหยุดนิ่ง (กรณีต้องออกตัวจากพื้นลาดเอียง), ระบบเซนเซอร์วัดองศาการเอียงชุดใหม่จาก Bosch รุ่น 9.1ME ซึ่งถูกติดตั้งเข้ามาเพื่อเสริมความฉลาดให้กับระบบ ABS เป็นพิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานในทุกรุ่นย่อยตั้งแต่ล่างยันบนสุด
โดยในส่วนของรุ่นกลางซึ่งก็คือรุ่น S จะมีความพิเศษตรงที่ผู้ใช้จะได้รับการติดตั้งหน้าจอแบบ TFT ออกมาตั้งแต่ออกมาจากโรงงานซึ่งมันมีลูกเล่นให้ตื่นตาเล็กน้อยตรงที่มันสามารถเปลี่ยนสีตามโหมดการขับขี่ทั้ง 4 แบบที่เรากล่าวไปข้างต้นได้ แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับมือถือผ่านระบบบลูทูธได้อีกเช่นกัน, ชุดไฟส่องสว่างกด้านหน้าก็สามารถปรับระดับแสงได้อัติโนมัติตามการเอียงของตัวรถ (Cornering Light), ระบบ Keyless, ชุดขานเบรกขยายขนาดขึ้นเป็น 330 มิลลิเมตรทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกจาก Brembo รุ่น EVO M50, ระบบกันสะเทือน Semi-Active ‘Skyhook’ และยังมีออพชั่นเสริมเป็นรุ่น S D|Air
ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบรองรับชุดเสื้อการ์ดถุงลมที่มีมาตั้งแต่โฉม 1200 รุ่นก่อนแยกขายไว้ด้วย
ส่วนรุ่นท็อปอย่าง Multistrada 1260 Pikes Peak นั้นนอกจากการตกแต่งลวดลายแบบพิเศษเฉพาะรุ่นแล้ว ยังได้รับการติดตั้งชุดระบบกันสะเทือนหน้าหลังจาก Ohlins ที่ปรับระดับได้ทุกอย่าง (น่าเสียดายที่ยังคงเป็นแบบปรับมือธรรมดาๆ) และมีออพชั่นชิ้นส่วนตกแต่งเสริมเป็นท่อไอเสียจาก Termingoni, บังโคลนหน้าและการ์ดแฮนด์คาร์บอนเป็นชิ้นส่วนเสริมให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเพื่อนำไปตกแต่งให้กับรถคู่ใจได้เฉพาะรุ่นนี้เท่านั้นอีกด้วย
อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
