เปิดสเป็ค Gilera CX125 “กระเบนไฟ” เจ้าตำนาน !

Gilera CX125 ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตไบค์เครื่องยนต์ 2 จังหวะที่ยังคงได้รับการกล่าวถึงมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติเด่นในหลายๆด้าน ทั้งจากความหายาก และหน้าตาที่ดูล้ำสมัยไปมากเมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ในยุคเดียวกัน ไปจนถึงความแรงและออพชันต่างๆที่แปลกตา ซึ่งในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาส่องสเป็คทางเทคนิคของมันไปพร้อมๆกันครับ

Gilera CX125 ถูกนำมาปรากฏกายเป็นครั้งแรกในฐานะรถคอนเซปท์ไบค์ เมื่อปี ค.ศ. 1989 ซึ่งในตอนนั้นมันถือเป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากหน้าตาของมันมีความล้ำยุคไปไกลมาก และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นโดยฝีมือการออกแบบของดีไซน์เนอร์อิตาลีนามว่า Federico Martini ที่เคยออกแบบตัวรถ Bimota DB1 รุ่นปี 1985 มาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจกันไปหากมองในบางมุมแล้วรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันนี้จะมีเส้นสายที่ให้อารมณ์คล้ายๆกันอยู่บ้าง

ด้านชิ้นส่วนโครงสร้างของมันเอง ก็ดูแปลกตากว่าชาวบ้านชาวช่องไม่แพ้กัน เพราะในขณะที่สปอร์ตไบค์ไซส์ 125cc สัญชาติเดียวกันรุ่นอื่นๆใช้ชุดเฟรมแบบทวินสปาร์ ซึ่งล่อขึ้นรูปด้วยวัสดุอลูมิเนียม แต่เจ้า CX125 คันนี้กลับใช้เฟรมที่ขึ้นรูปจากเหล็กกล้า ขณะที่ระบบกันสะเทือน ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท Paioli เอง ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะไม่ใช่แค่สวิงอาร์มหลังที่เป็นแบบแขนเดี่ยวเท่านั้น แต่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเอง ก็เป็นแบบแขนเดี่ยว ทำงานร่วมโช้กหัวกลับขนาดแกน 45 มิลลิเมตรเพียงต้นเดียว ที่จะสวมเข้าไปตรงๆกับเฟรม เพื่อทำหน้าที่เป็นแกนคอบังคับเลี้ยวไปในตัว

และชุดล้อหน้า-หลัง ขอบ 17 นิ้วเอง ก็ออกแบบให้มีหน้าตาเกือบทึบสนิท เพื่อลดแรงต้านอากาศให้มากที่สุด ส่วนตำแหน่งจานเบรกหน้า-หลังขนาดใหญ่เอง ก็ติดตั้งให้อยู่ในแนวเกือบตรงกลางแกนเพลาเพื่อการรักษาสมดุลของตัวรถในยามหยุดชะลอรถหนักๆ และเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 125cc ของมันเอง แท้จริงแล้วก็เป็นเครื่องที่ใช้ในตัวแข่ง แต่ถูกตอนกำลังด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนบางรายการเพื่อให้มันยังคงเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะให้วัยรุ่นยุโรปสามารถใช้งานในชีวติประจำวันได้บ้าง

โดยตัวรถ Gilera CX125 เคยถูกนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ. 2535 แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าสปอร์ตไบค์ 2 จังหวะ 150cc ถึงสองเท่า ประกอบกับศูนย์บริการที่ยังไม่แพร่หลาย จึงทำให้ตัวรถไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรในบ้านเรา และดูเหมือนว่ายอดขายในตลาดโลกของมันเองก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนหน้าตาเท่าไหร่นัก จึงทำให้มันถูกยุติการผลิตในช่วงเวลาแค่เพียง 2 ปีเท่านั้น หลังการเปิดตัว (ยุติการผลิตเมื่อจบปี ค.ศ. 1993 หรือ พ.ศ. 2536)

ชุดเฟรม | Steel Twin Spar
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คหัวกลับต้นเดี่ยว ขนาดแกน 45 มิลลิเมตร ช่วงยุบ 100 มิลลิเมตร
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | โช้คเดี่ยว ช่วงยุบ 130 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกระเดื่องทดแรงและสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนเดี่ยว
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 300 มิลลิเมตร ทำงานร่วมแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์เบรก 4 พอร์ท
ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 240 มิลลิเมตร ทำงานร่วมแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์เบรก 2 พอร์ท
ล้อหน้า | อัลลอยด์
ล้อหลัง | อัลลอยด์
ยางหน้า | 120/60-17
ยางหลัง | 150/60-17
น้ำหนักรถไม่รวมของเหลว | 125 กิโลกรัม