Harley-Davidson Pan America 1250 ราคา นอกเริ่ม 5.2 แสนบาทเท่านั้น !

0

Harley-Davidson Pan America 1250 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วในช่วงคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังผ่านเวลาไปเกือบ 3 ปีหลังจากที่ทางค่ายได้มีการเผยโฉมคอนเซปท์ของมันออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019

2020-harley-davidson-pan-america-1250-proto-eicma2019-02
Harley-Davidson Pan America มาพร้อมกับดีไซน์ที่บึกบึนเป็นอย่างมากตั้งแต่บนจรดล่าง หน้าจรดท้าย, ระบบไฟส่องสว่างแบบ LED ทรงเหลี่ยมจัดรอบคัน, แครชบาร์ติดตั้งมาให้พร้อมไฟสปอร์ตไลท์เสร็จสรรพ, ถังน้ำมันไซส์ 21.2 ลิตร, แม้แต่ชุดล้อซี่ลวดแบบรองรับการใช้งานกับยางทูบเลสขนาด 19-17 นิ้วตามลำดับหน้า-หลังเอง ยังรัดด้วยยางดอกหนามไซส์ใหญ่ยักษ์ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่นักในแอดเวนเจอร์ไบค์รุ่นอื่นๆ แต่ก็บ่งบอกถึงความเป็นอเมริกันชนได้เป็นอย่างดีที่ต้องเน้นความ “บิ๊กเบิ้ม” เอาไว้ก่อน

2020-harley-davidson-pan-america-1250-proto-eicma2019-04
นอกนั้นในด้านเครื่องยนต์ของมัน ก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นบล็อค V-Twin ทำมุม 45 องศา จัดองศาการจุดระเบิดแบบ 315° – 405° ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยใช้ชื่อ “Revolution Max” และมีพิกัดสุทธิ 1,252cc DOHC 4 วาล์ว/สูบ มีกลไกวาล์วแปรผัน VVT ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่สามารถทำกำลังสูงสุดได้ 150 BHP ที่ 8,750 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 127.5 Nm ที่ 6,750 รอบ/นาทีเท่านั้น

2020-harley-davidson-pan-america-1250-proto-eicma2019-05
ขณะที่ชุดเฟรมแบบโครงเหล็กถักซึ่งถูกทำขึ้นมาเพื่อมันโดยเฉพาะ ก็จะเป็นแบบแยกส่วนกัน 3 ชิ้น ทั้งเฟรมหน้า/เฟรมกลาง/เฟรมท้าย(ซับเฟรม) ที่ช่วยให้ผู้ขี่สามารถซ่อมบำรุงตัวรถได้ง่ายขึ้น (ถ้าเกิดเฟรมตรงไหนเบี้ยวก็ถอดเปลี่ยนแค่ส่วนนั้น ไม่ต้องเปลี่ยนยกชุด) ระบบกันสะเทือนด้านหน้าตะเกียบคู่หัวกลับ BFF แกนขนาดใหญ่ถึง 47 มิลลิเมตร และด้านหลังก็จะเป็นแบบโมโนช็อคมีกระปุกซับแทงค์แยกพร้อมกลไกลูกสูบด้านในแบบ BFRC ทำงานร่วมสวิงอาร์มอลูมิเนียมชิ้นโต ซึ่งชุดโช้กหน้าหลังทั้งหมดที่เกริ่นไว้นั้นสามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่า และเป็นของที่ทาง Showa ช่วยพัฒนาให้ทั้งหมดเพื่อให้รองรับกับน้ำหนักตัวที่มากถึง 245 กิโลกรัมเมื่อรวมของเหลว (และขยับขึ้นเป็น 258 กิโลกรัม เมื่อเป็นรุ่นท็อป) และระบบเบรกก็เห็นได้ชัดเจนว่ายกชุดจาก Brembo มาอย่างครบครัน

ด้านฟีเจอร์อื่นๆที่หน้าสนใจของเจ้า Pan America ก็มีทั้ง ชุดวินชิลด์ที่สามารถปรับสูง-ต่ำได้, ระบบไฟเลี้ยวแบบ ปิดอัตโนมัติ, ชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ TFT ขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือด้วยสัญญาณบลูทูธ และสามารถสั่งการด้วยระบบ Touch Screen เพื่อเข้าถึงการปรับโหมการขับขี่ต่างๆ ทั้ง Sport, Road, Rain, Off Road, และ Off Road plus ได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นด้วยการใช้ชุดคันเร่งไฟฟ้า กับชุดเซนเซอร์ IMU จึงทำให้มีมีทั้ง ระบบ Cruise control, ระบบ hill-hold control, ระบบ Cornering-ABS, ระบบ Cornering Traction Control, Cornering Enhanced Electronically Linked Braking (C-ELB), Cornering Enhanced Drag-Torque Slip Control System เรียกได้ว่าครบครันตามสไตล์แอดเวนเจอร์ไบค์ระดับเรือธง

นอกจากนี้ Harley-Davidson Pan America ยังมีรุ่นย่อย “Harley-Davidson Pan America 1250 Special” ที่จะมาพร้อมกับเซนเซอร์วัดแรงดันลมยาง, ไฟหน้าอัตโนมัติ, และชุดระบบกันสะเทือนไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้มีแค่เพียงฟังก์ชันการทำงานแบบ Semi-Active ที่จะคอยปรับความหนืดในการยืดยุบโช้กตามสภาพพื้นผิวถนนและโหมดการขับขี่ที่เซ็ทอยู่แบบโช้กไฟฟ้าทั่วไปเท่านั้น แต่มันยังสามารถ “ปรับความสูงรถแบบอัตโนมัติ” ได้ด้วย เช่นในจังหวะผุ้ขี่กำลังเบรกตัวรถหนักๆ มันจะปรับความสูงรถลง จนความสูงของเบาะเหลือเพียง 855 มิลลิเมตร เพื่อลดศูนย์ถ่วงลง (ป้องกันอาการหลังลอย) หรือลดความสูงรถลงตอนจอดหยุดนิ่ง หลังจากนั้นพอรถเริ่มออกตัวจนถึงความเร็วระดับหนึ่ง โช้กก็จะปรับเพิ่มความสูงรถขึ้นอัตโนมัติจนเบาะขยับไปอยู่ที่ความสูง 890 มิลลิเมตร ตามเดิม ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ขี่ไซส์เล็กอย่างมาก

harley-davidson-pan-america-official-001
โดยราคาวางจำหน่ายของ Harley-Davidson Pan America 1250 สำหรับ USA ก็จะถูกเปิดตัวเลขเอาไว้ที่ 17,319 ดอลลาร์ หรือราวๆ 520,000 บาท ขณะที่รุ่น Harley-Davidson Pan America 1250 Special ก็จะขยับราคาขึ้นเป็น 19,999 ดอลลาร์ หรือราวๆ 599,000 บาท ส่วนมันจะมีโอกาสถูกนำมาผลิตและเปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายในประเทศไทยของเราหรือไม่ ? เรายังต้องรอติดตามข้อมูลกันต่อไปครับ

อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!