ย้อนประวัติศาสตร์ Honda Goldwing ทัวริ่งรุ่นใหญ่ครองตำนานกว่า 4 ทศวรรษ

0

Honda Goldwing ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานอีกหนึ่งรุ่นที่มักถูกกล่าวถึงอยู่เสมอในฐานะทัวร์ริ่งไบค์อันดับต้นๆของคลาส ในตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ ซึ่งในคราวนี้เราจะขอพาเพื่อนๆมาย้อนดูประวัติของมันไปพร้อมกันครับ

1972-honda-m1-prototype-001
Honda Goldwing เริ่มต้นการพัฒนามาจากรถต้นแบบ M1 Prototype ในปี 1972 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบ 6 สูบนอน พิกัด 1,470 ซีซี นำโดยหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่าง Soichiro Irimajiri ภายใต้ชื่อโปรเจกต์ที่ใช้ในยุคนั้นว่า Project 371


ในปี 1974 ฮอนด้าประกาศเปิดตัว Goldwing GL1000 อย่างเป็นทางการ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนอน ขนาด 999 ซีซี โดยฮอนด้าต้องการบุกเบิกตลาดรถสปอร์ตทัวริ่งที่อเมริกา และนับจากปีนั้นเป็นต้นมา ชื่อของ Goldwing ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมกับได้สร้างนิยามใหม่ให้กับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ทรงพลัง มีความนุ่มนวล และมาพร้อมความสะดวกสบาย นำไปสู่วัฒนธรรมการขับขี่ท่องเที่ยวในแบบลักซ์ชัวรีที่เมืองลุงแซม ก่อนขยายความนิยมสู่ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

1979-honda-goldwing-gl1000-001
ระหว่างปี 1975-1979 ฮอนด้ายกระดับความโดดเด่นของ Goldwing มาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1980 กับการเปิดตัว Goldwing ใหม่ที่มาในรหัส GL1100 พร้อมการขยายปริมาตรกระสูบขึ้นเป็น 1,085 ซีซี นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน GL1100 Interstate ที่มาพร้อมชุดแต่งในสไตล์ทัวริ่งแบบครบวงจร อาทิ ชุดแฟริ่ง กระเป๋าเดินทาง และระบบเครื่องเสียงที่เป็นอุปกรณ์เสริม

1984-honda-goldwing-gl1200-001
การอัพเกรดเทคโนโลยีต่างๆ ของตัวรถยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Goldwing GL1100 Interstate มาเป็น Goldwing GL1100 Aspencade ในปี 1982 ที่เสริมความหรูหราและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่รอบคัน และถัดมาในปี 1984 การอัพไซส์ขุมพลังเครื่องยนต์เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เลือกใช้ความจุขนาด 1,182 ซีซี โดยเปลี่ยนชื่อเป็น GL1200

ขณะเดียวกันในปี 1985 ซึ่งเป็นวาระพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี หรือ 1 ทศวรรษ Goldwing ได้นำเทคโนโลยีใหม่ในยุคนั้นมาใช้ รวมถึงระบบหัวฉีด ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบกันสะเทือนหลังแบบปรับระดับอัตโนมัติ


เข้าสู่ทศวรรษที่สอง Goldwing ยกระดับเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมดและเปิดตัวในรุ่น GL1500 ในปี 1988 โดยมาพร้อมหัวใจขับเคลื่อนแบบ 6 สูบนอน ขนาด 1,520 ซีซี รวมถึงชุดเกียร์ใหม่ที่นุ่มนวลขึ้น และมาพร้อมเกียร์ถอยหลังเพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น โครงสร้างเฟรมมีความแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงระบบเบรกและชุดแฟริ่งก็ได้รับการพัฒนาใหม่เช่นกัน และนับตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา ฮอนด้ายังคงปรับปรุงระบบการใช้งานต่างๆ ของ Goldwing ให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดีเสมอมา


และเมื่อเข้าสู่ปี 2001 ยุคใหม่ของตำนานทัวริ่งระดับโลกก็ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Goldwing GL1800 ที่มาพร้อมการออกแบบใหม่ทั้งหมด ขนาดเครื่องยนต์ก้าวกระโดดไปถึง 1,832 ซีซี เลือกใช้เฟรมและสวิงอาร์มด้วยวัสดุอะลูมิเนียมแบบเดียวกับรถสปอร์ต เพื่อเป้าหมายการลดน้ำหนักตัวรถ ซึ่งผลที่ออกมาก็คุ้มค่า สามารถทำน้ำหนักได้เบากว่ารุ่น GL1500 ที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบเบรก ABS เพื่อให้การเดินทางมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

ในปี 2005 Goldwing จารึกประวัติศาสตร์เป็นโปรดักต์ชันไบค์รุ่นแรกของโลกที่มีถุงลมนิรภัย หรือเทคโนโลยีแอร์แบ็กติดตั้งในตัว โดยทำงานควบคู่ไปกับเซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับการปะทะได้อย่างรวดเร็ว และต่อมาในปี 2006 ฮอนด้าเพิ่มเทคโนโลยีการจับสัญญาณ GPS ไว้ที่แผงหน้าปัดเรือนไมล์ และเสริมความสะดวกสบายให้กับเบาะนั่งและแฮนด์บังคับที่สามารถปรับอุณหภูมิความร้อนสำหรับขับขี่ในเมืองหนาวได้ด้วย

Honda-GoldWing_02
ถัดมาในปี 2013 และ 2014 ฮอนด้าขยายฐานลูกค้าที่ต้องการรถทัวริ่งที่มีน้ำหนักเบาและให้สมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัวยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว Goldwing F6B และ Goldwing F6C หรือ Valkyrie cruiser ชื่อโมเดลที่ทำตลาดในอเมริกา ตามลำดับ โดยปี 2015 มี ฮอนด้าออกรุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ด้วยสีทูโทน พร้อม Emblem สัญลักษณ์ 40 ปี ตามชิ้นส่วนต่างๆ เช่น บริเวณเบาะนั่งผู้โดยสารและกุญแจรีโมท

2018-Honda-GoldWing-BIMS2018_11
ไฮไลท์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2018 เมื่อฮอนด้าเปิดตัว Goldwing ใหม่ ยกระดับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ให้มี 4 วาวล์ต่อ 1 ลูกสูบ และเป็นรุ่นแรกของตระกูลนี้ โดยระบบวาวล์มีสมรรถนะสูงแบบ Unicam เช่นเดียวกับรถสปอร์ต เกียร์ 7 สปีด ระบบคลัชท์คู่ Dual – Clutch Transmission หรือ DCT ช่วยปรับตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติตามลักษณะการใช้งาน เติมเต็มความสะดวกสบายถึงขีดสุด ส่วนระบบกันสั่นสะเทือนหน้าใหม่แบบปีกนกคู่ ให้สมรรถนะในการซับแรงกระแทกได้ดีกว่าเดิม ช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการขับขี่เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นฐานเครื่องยนต์ที่ส่งต่อเทคโนโลยีมาถึงโฉมปัจจุบัน

Honda Goldwing 2021 ราคา 1.34 ล้าน บาท
และล่าสุด สำหรับเวอร์ชันปี 2021 All New Honda Goldwing รถทัวร์ริงระดับท็อปคลาส มาพร้อมคอนเซปต์ “BEYOND YOUR MASTERPIECE ให้ปลายทาง…เหนือทุกจินตนาการ” มาพร้อมฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกสบายยิ่งขึ้น กล่องเก็บสัมภาระด้านท้ายขยายความจุจากเดิม 50 ลิตร เพิ่มเป็น 61 ลิตร รองรับการเก็บหมวกกันน็อกแบบฟูลเฟซได้ถึง 2 ใบ ด้านการเชื่อมต่อกับตัวรถสามารถเลือกใช้ได้ทั้งระบบ Android Auto และ Apple Carplay พร้อมการยกระดับคุณภาพเสียงจากลำโพง เดิม 25 วัตต์ เพิ่มเป็น 45 วัตต์ ตอบสนองความเพลิดเพลินด้วยเสียงดนตรีที่คมชัดตลอดการเดินทาง

ผู้ขับขี่และนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสสุดยอดเทคโนโลยีที่เป็นตำนานรถทัวริ่งรุ่นใหญ่ระดับโลก สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของ All New Honda Goldwing ได้ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่

เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/hondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH
อินสตราแกรม : hondabigbike

อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!