Honda VFR750R 1988 ถือเป็นหนึ่งในไอคอนิคไบค์ของ Honda ที่ใครหลายๆคนยังคงกล่าวถึงมันอยู่เสมอ และทางค่ายเองก็ให้ความสำคัญกับมันมาจบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่แค่เพียงเพราะมันคือซุปเปอร์ไบค์ที่มีสมรรถนะโดดเด่นกว่าใครในยุคเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะในสนามมันคือตัวแข่งแชมป์การแข่งขัน World Superbike คันแรกของโลกอีกด้วย
Honda VFR750R 1988 แท้จริงแล้วถือเป็นร่างต่อยอดมาจาก Honda VFR750F รหัสเฟรม RC24 แต่ด้วยความที่เจ้าตัวรถรหัส F ที่ว่านี้ ยังมีความเป็นสปอร์ตไบค์ ที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานมากเกินไป (สปอร์ต-ทัวร์ริ่ง) จนทำให้มันอาจไม่เหมาะที่จะถูกนำไปใช้เป็นตัวแข่ง World Superbike ที่จะเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1988 ทาง Honda จึงได้ทำการมอบหมายให้ HRC จัดการดัดแปลงและปรับปรุง VFR750F ใหม่ ให้มาพร้อมกับความเป็นสปอร์ตเรพลิก้าไบค์มากขึ้นในทุกๆด้าน จนกลายเป็น VFR750R ตัวแรก รหัสโครง RC30 ในที่สุด
โดยสำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการดัดแปลง VFR750F ให้เป็น VFR750R อันที่จริงจะบอกว่าเกิดขึ้นในทุกชิ้นส่วนเลยก็ได้ เพราะมันเริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์ V4 ที่ถูกปรับลำดับและองศาการจุดระเบิดใหม่ให้เป็นแบบ Big-Bang ที่ทำให้เครื่องยนต์มีลักษณะนิสัยในการให้กำลังอย่างดุดันมากกว่า, เปลี่ยนมาใช้ก้านสูบ และวาล์วไทเทเนียม, ปรับองศาแคมชาฟท์ใหม่, ถอดระบบกระเดื่องกดวาล์วออกไปเพื่อลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น ทำให้ฝาสูบมีขนาดกระทัดรัดและเบาลง, แม้แต่พอร์ทไอดีก็ยังมีการปรับองศาใหม่ เพื่อการไหลเวียนอากาศขาเข้าห้องเผาไหม้ที่ดีกว่าระบบส่งกำลังก็ปรับปรุงใหม่ เพิ่มอัตราทดเป็น 6 เกียร์ จาก 5 เกียร์ แถมตัวคลัทช์ยังมีกลไกสลิปเปอร์ใส่มาให้ด้วย (ซึ่งต้องไม่ลืมว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์ยุคก่อนปี 90’s เสียด้วยซ้ำ)
นอกจากการปรับปรุงในส่วนเครื่องยนต์ ชุดเฟรมเองก็ยังถูกออกแบบใหม่ เพื่อเน้นการไล่น้ำหนักส่วนเกินออกไป และทำให้ตัวรถมีมิติที่เล็กลง ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความร่วมมือจากบริษัท elf (ที่ปัจจุบันเราคุ้นหูกันในฐานะผู้ผลิตน้ำมันเครื่องยนต์เจ้าดัง) ก็ยังทำให้เจ้า VFR750R มาพร้อมกับสวิงอาร์มหลังแบบแขนเดี่ยว หรือที่เรียกว่า Pro-Arm เป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของมันก็ไม่ได้มีแค่เพียงช่วยเพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะของรถในเวลาเข้าโค้งเท่านั้น แต่ยังช่วยร่นเวลาในการเปลี่ยนล้อหลังให้น้อยลง ซึ่งจำเป็นสำหรับการแข่งขันประเภทเอนดูรานซ์อีกด้วย
จากการปรับปรุงแทบทั้งหมดที่ไล่เรียงมา (ยังไม่นับการปรับเปลี่ยนรูปทรงภายนอกใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในสนามแข่งขัน) จึงทำให้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Honda VFR750R ถือเป็นซุปเปอร์ไบค์เบอร์ต้นๆของ(ปลาย)ยุคปี 80’s และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มันกลายเป็นตัวแข่งแชมป์ World Superbike คันแรกของโลก ซึ่งหากแค่นั้นยังไม่พอ ด้วยความที่ตัวรถรุ่นนี้ ถูกผลิตด้วยมือตามจำนวนออเดอร์ที่สั่งเข้ามาเท่านั้น จึงทำให้ในปัจจุบัน มันกลายเป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ที่หายากมากๆ และคาดว่าน่าจะหลงเหลืออยู่แค่เพียงหลักไม่ถึง 100 คันบนโลกแล้วในตอนนี้
ชื่อโมเดล | Honda VFR750R (RC30)
วางจำหน่ายช่วงปี | 1987(ปลายปี)-1990
เครื่องยนต์ | 4 จังหวะ, V4, DOHC, 4 วาล์ว/สูบ
ความจุเครื่องยนต์ | 748 cc
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | 70 x 48.6 มิลลิเมตร
ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ | ระบายความร้อนด้วยน้ำ
อัตราส่วนกำลังอัด | 11.0 : 1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง | คาบูเรเตอร์ Keihin ปาก 38 มิลลิเมตร x 4 ตัว
ระบบสตาร์ท | ไฟฟ้า
แรงม้าสูงสุด | 112 แรงม้า PS ที่ 11,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด | 74 Nm ที่ 10,500 รอบ/นาที
ระบบตัดต่อกำลัง | ชุดเกียร์ 6 สปีด ทำงานร่วมระบบคลัตช์เปียกซ้อนหลายแผ่น และกลไกสลิปเปอร์คลัทช์
ความจุถังน้ำมัน | 18 ลิตร
ความเร็วสูงสุด | 250+ กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง | ราวๆ 17.4 กิโลเมตร/ลิตร
ชุดเฟรม | Aluminium Diamond Backbone
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คตะเกียบคู่หัวตั้ง ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร ปรับเซ็ทได้ทุกค่า ช่วงยุบ 120 มิลลิเมตร
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | โช้คเดี่ยว ปรับเซ็ทได้ทุกค่า ช่วงยุบ 130 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกระเดื่องทดแรงและสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนเดี่ยว
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 310 มิลลิเมตร ทำงานร่วมแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์เบรก 4 พอร์ท
ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์เบรก 2 พอร์ท
ล้อหน้า | อัลลอยด์
ล้อหลัง | อัลลอยด์
ยางหน้า | 120/70-17
ยางหลัง | 170/60-18
ระยะฐานล้อ | 1,410 มิลลิเมตร
มิติตัวรถ | ยาว 2,045 มิลลิเมตร, กว้าง 700 มิลลิเมตร, สูง 1,100 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะ | 785 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ | 130 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถรวมของเหลว | 208 กิโลกรัม
ข้อมูลจาก Bikewiki
อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่
