สวัสดีครับ เพื่อนๆ MotoRival เมื่อช่วงสัปดาห์ ที่ผ่านมาทางทีมงานเราได้ม๊โอกาสไปพูดคุยสัมภาษณ์ บอสใหญ่ จากฝั่ง Ducati คุณ สมรรถ รอบบรรเจิด ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด
ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคน โดยเฉพาะแฟนๆ Ducati เองคงมีข้อสงสัยต่างๆมากมาย ซึ่งในวันนี้ ทางทีมงานเราจะขอพาทุกท่านไปรับฟัง บทสัมภาษณ์ นี้กันครับ
– เริ่มกันที่คำถามแรกเลย ยอดใน Motor Expo [TIME2019] ที่ผ่านมา Ducati เราเป็นยังไงบ้างครับ?
ยอดคนจอง Ducati ในงาน TIME2019 ปีนี้อยู่ที่ 114 คัน ยอดตกจากปีก่อนเล็กน้อย ปีก่อนเราอยู่ที่ 153 คัน
ก็ถือเป็นภาพรวมปกติของตลาดปีนี้ ที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให่ยอดรวมส่วนใหญ่ และหลายๆ ค่ายยอดตกลง จากปีก่อน
ซึ่งทาง Ducati เราปีนี้ยอดขายอยู่อันดับ 17 ถือว่า สูงกว่าปีก่อน เพราะในปีนี้เราสามารถทำยอดขายได้สูงกว่ารถระดับ Mass Market อยู่หลายแบรนด์ด้วยกัน
ซึ่งปีก่อนยอดใน Motor Expo 2018 เราชนะเพียงค่ายอิตาลี 4 แบรนด์เท่านั้น
– ผลตอบรับของรถใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง Supernaked เจ้า Ducati Street Fighter V4 เป็นอย่างไรบ้าง?
ถือว่าเป็นตัวที่น่าสนใจมากในงาน และผลตอบรับดีทีเดียว
ซึ่งสัดส่วนการขายของโมเดล SF V4S จะสูงถึง 90% อีก 10% เป็นรุ่น Standard
เนื่องจาก ราคาที่ต่างกัน กับ ออปชั่นที่ได้ นั้นถือว่าซื้อ V4S จะคุ้มค่ากว่า
โดยรถนั้นพร้อมส่งมอบลูกค้าใน Q2 ปีหน้า 2020
– ทำไม Panigale V2 เราถึงยังไม่เปิดราคา เป็นแค่ Pre Launch? ในงานนี้
สำหรับ Panigale V2 ยังไม่ประกาศราคา เพราะต้องรอในเรื่องของความพร้อม ความเหมาะสม ในหลายๆ ด้าน
ทั้งเรื่องการขึ้นไลน์ผลิต, Emission ฯลฯ
แต่อย่างไรก็ดี แม้ยังไม่ประกาศราคาออกมา แต่ก็มีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งสนใจอยากจอง และอยากสัมผัส ทดลองก่อนก็เป็นจำนวนมาก
ในส่วนของราคานั้น คงจะแพงขึ้นจาก 959 Panigale เล็กน้อย แต่ยังไงก็ตาม ราคาจะไม่สูงมากแน่นอน เพราะเราไม่ต้องการให้ราคาไปทับกันกับ Panigale V4
– ในช่วงงาน EICMA2019 จะมีรถที่เปิดตัวหลักๆ อีก 1 โมเดล ก็คือ 2020 Panigale V4 ซึ่งยังไมไ่ด้เฉยโฉมในบ่านเราตอนนี้ คาดว่าจะเข้าไทยเมื่อไรครับ?
ในงาน EICMA2019 มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ หลักๆ 3 โมเดล ก็คือ SF V4 ซึ่งเราเปิดตัว และประกาศราคาไปแล้ว
ส่วน Panigale V2 เรานำมาโชว์ตัวก่อน ประกาศราคาจริง ในปีหน้า
สำหรับ 2020 Panigale V4 คัวปรับโฉม ณ ตอนนี้ ยังไม่มา แต่ช่วงปีหน้ามาแน่นอน ซึ่งเราต้องรอขึ้นไลน์ประกอบ
– กรณีที่มีการปรับโครงสร้างภาษีรถใหม่ ในปีหน้าจากเรื่องของความเข้มงวดมาตรฐานไอเสีย คาดว่าจะส่งผลกระทบกับ Ducati เรามากน้อยเพียงใดครับ?
ไม่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก
เพราะ ส่วนหนึ่งรถปีใหม่ๆ ที่เปิดตัวออกมา มาตรฐานไอเสียจะสูงที่ระดับ Euro5 อยู่แล้ว ว่ารถของเราส่วนใหญ่ที่ขายจะเป็นตัว 1000cc + ส่วนมาก
ซึ่งในตรงนี้เราจะโดนภาษี ในสัดส่วนที่สูงอยู่แล้ว
ดังนั้น เรื่องโครงสร้างภาษีใหม่ กลุ่มรถที่ดูจะได้รับผลกระทบปรับขึ้นในสัดส่วนที่สูงมาก จะเป็นกลุ่ม 400cc หรือ พวก 2 รถจังหวะ ฝั่ง สาย Enduro พวกนั้นจะโดนเยอะกว่ามาก
– ในขณะนี้รถ Ducati ในกลุ่มไหนของเราที่ขายดี
ในช่วงหลังๆ มานี้ จะเป็นรถในกลุ่ม Superbike ที่ขายดีนั่นก็คื Panigale V4
แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทางเราได้ปล่อยแคมเปญ ส่วนลดเงินสดของโมเดล Monster 821 และ Multistrada 950 ออกไป
ซึ่งในส่วนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากทางอิตาลี
จึงทำหลังจากที่ปล่อยแคมเปญแล้ว Monter 821 ขายดีขึ้นมาก
ขณะที่ Multistrada 950 ขายหมด ในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่ ต้นเดือน พ.ย.
– ในเรื่องของ ดีลเลอร์ ที่ปิดตัวลงไปหลายแห่งนี้ เกิดจากสาเหตุใดครับ
สำหรับเรื่องนี้มีหลายสาเหตุ และหลายเจ้า
ขอเริ่มกันที่ ต่างจังหวัด กันก่อน
ที่เชียงใหม่ ทางเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ และมีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ จึงได้ปิดตัวลงไป
ซึ่งศูนย์ Ducati ที่อยู่ใกล้ ก็จะเป็น พิษณุโลก แต่อย่างไรก็ดี ระยะจาก เชียงใหม่ ลงมา พิษณุโลก ก็ถือว่าค่อนข้างไกลมากอยู่ดี
ทาง Ducati Thailand เราจึงมีการ Support ด้าน Service โดยที่เชียงใหม่ เรามีจัด Temporary Service
ใน 1 เดือน จะขึ้นไปดูแลลูกค้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งจะให้ลูกค้าสามารถติดต่อจองคิว เพื่อเข้ารับบริการได้
แต่ถ้ากรณี ที่เป็นเคสใหญ่ๆ ทางเราก็มี Service Slide รถลงมาที่ กทม.
ซึ่งอย่างไรก็ดีเราก็ ดูหาดีลเลอร์เจ้าใหม่ อยู่ ณ ขณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านนี้ก็มีผู้สนใจอยากจะมาเป็นดีลเลอร์ ต่อ แต่เราก็ยังต้องดูรายละเอียด และความพร้อมความเหมาะสมต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ขณะที่ฝั่งอีสาน นั้น ก็คือ ขอนแก่น และ อุดรธานี ซึ่ง 2 เจ้านี้ เป็นเจ้าของเดียวกัน
ซึ่งทางเจ้าของมีความประสงค์ที่จะปิดศูนย์ จึงตัดสินใจปิดคู่เลย
โดยปัจจุบันนี้ ทาง Ducati บุรีรัมย์ ถือว่า มีการทำตลาดที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และทางฝั่งของพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเอง ก็ยังสามารถทำตลาดต่อยอดให้เติบโตต่อไปได้
ทาง บุรีรัมย์ จึงได้ Take Over ที่ ขอนแก่นไปทำต่อเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทาง Ducati Thailand เราได้มีการส่งช่าง ไป Support ให้กับทางขอนแก่น เป็นเวลาถึง 2 ปี
ซึ่งหากมองที่ตลาดทางภาคอีสาน ก็จะมี Ducati ที่โคราช ขอนแก่น และบุรีรัมย์ 3 แห่งนี้ ถือได้ว่า ค่อนข้างครอบคลุมกับลูกค้าโซนอีสานแล้ว
สำหรับ กทม. มีปิดตัวลงไป 1 แห่ง นั่นก็คือ ทางฝั่งพระราม 5 ซึ่งยอดขายที่ไม่ตรงตามเป้าหมาย ในการดำเนินธุรกิจ จึงยุติการทำการลง
โดยใน กทม. เรายังเหลือที่ Ducati Thailand (วิภาวดี) และ Ducati พระราม 3 ซึ่งยังดูแลกลุ่มลูกค้าได้อย่างเพียงพอ
– Trend ของตลาดในปัจจุบัน เป็นอย่างไรบ้าง และ Product ของทาง Ducati เราถือว่าตอบโจทย์ครอบคลุมอยู่หรือไม่?
ในปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับว่ากลุ่มของ Big Scooter โตขึ้นมาพอสมควร ตั้งแต่ไซส์ 300cc ขึ้นมาไปจนถึงระดับ 650cc
ซึ่งในส่วนตรงนี้ จะเป็นกลุ่ม Category ที่ทาง Ducati เรายังไม่มี ซึ่งคงต้องรอดูทิศทางของ Ducati ที่อิตาลี ว่าจะมีการพัฒนารถในกลุ่มนี้ ออกมาหรือไม่
– อีกหนึ่งกลุ่ม Product ที่ในหลายปีหลังๆ มานี้ดูจะโตขึ้นมามาก นั่นก็คือ กลุ่ม Classic Retro หรือ Modern ซึ่งในกลุ่มพวกนี้ จะเห็น Ducati เปิดตัว Scrambler ใหม่ๆ ตัวตกแต่งต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Product เหล่านี้ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า หรือไม่ครับ?
เนื่องจาก Ducati Scrambler ของเราจะเป็นรถที่เน้น Performance เป็นส่วนมาก ซึ่งสไตล์ก็จะแตกต่างไปจากกลุ่ม Classic อื่นๆ อยู่พอสมควร
เพระาอย่างที่บอกว่ารถเราเน้น Performance และ เทคโนโลยีออกชั่นก ก็อาจจะมากกว่าคลาสสิค แนวอื่นๆ ซึ่งกลุ่มลูกค้า ก็จะเป็นคนละกลุ่ม
นอกจากนี้ เรายังมี Scrambler 400 ซึ่งจะเน้นเจาะกลุ่มของ Beginner ผู้ที่เริ่มสนใจมาขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น คน กทม.
เป็นส่วนมากอีกด้วย
– ลูกค้า Ducati ส่วนใหญ่ จะเป็นลูกค้าเดิมที่ขยับ cc เพิ่มขึ้น หรือ ลูกค้าหน้าใหม่ เข้ามา?
ก็มีทั้ง กลุ่มที่เป็นลูกค้าที่มี Brand Royalty ไม่ว่าจะเป็น พวกลุ่ม Monster ที่ขยับมาเล่น Superbike อย่าง Panigale หรือ ไปสายทัวริ่งอย่าง Multistrada ก็มีเช่นกัน
ส่วนลูกค้า ที่ขยับจากแบรนด์อื่น มาหาแบรนด์เราก็มีมาก
แต่ส่วน ลูกค้ามือใหม่ เลยที่เป็น Beginner ก็มี แต่ไม่มาก เพราะเราจะมี Scramlber Sixty2 ให้เป็นรุ่นเริ่มต้นอยู่
– จากที่ได้ปรับลดในเรื่องของค่า Service มาประมาณ 2 ปีแล้ว ส่งผลให้ลูกค้ามีการกลับมาใช้บริการหลังการขายกับทางเรา มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่อย่างไรครับ
เรื่องการปรับลดค่า Service ตรงนี้ ถือว่า มีผลมากๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้า ในรุ่นพวก Monter 795 และ 796 อัตราการกลับมาเข้ารับ Service เยอะมากๆ จากที่เคยไป Service อู่นอกเอง
ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ออกรถใหม่ๆ ก็จะทราบเรื่องของการปรับลดค่า Service Maintainance อยู่แล้ว ส่วน พวกกลุ่มลูกค้าใหม่ จึงไม่เป็นปัญหา เพราะกลับมาเข้ารับบริการเกือบทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดี ในการเช็คใหญ่ อย่าง Desmovalve Service ที่ต้องมีการแกะเครื่อง และตั้งวาล์ว ลูกค้าอาจจะมองว่า มีราคาที่ค่อนข้างสูง
เนื่องจากการ Service ใหญ่ กับทางเรา จะมีการเปลี่ยนอะไหล่ สำคัญบางตัวเลย อย่างเช่น ชิมวาล์ว ซึ่ง ถ้าการ Service ข้างนอก อาจจะไม่ได้เปลี่ยนอะไหล่ในส่วนนี้ เพราะมองว่าอาจจะยังใช้ต่อไปได้
ซึ่งสำหรับเรา ก็จะต้อง Service ตามคู่มือ ตามมาตรฐาน จึงต้องมีการเปลี่ยน อะไหล่ทดแทน จึงอาจทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง
– สำหรับในปี 2020 เราจะมีทริป หรือ กิจกรรมกับทางลูกค้า อย่างไรบ้างครับ?
ในปีหน้า กิจกรรมกับลูกค้า เราจะเน้นพาไปที่ Track ช้างฯ บุรีรัมย์ ปีละ 2 ครั้ง
เนื่องจากเราต้องการให้ลูกค้า สามารถใช้สมรรถนะของรถตัวเองที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับทักษะการขี่ที่ถูกต้อง และต้องปลอดภัย
และอาจจะมีการวางแผนจัดทริป นัดทานข้าวกับลูกค้าบ้าง ซึ่งต้องดูแผนในช่วงเวลาของปีหน้าอีกที
เพราะถ้าเป็นทริปการเดินทางทัวริ่ง ทางกลุ่ม DOC (Ducati Owner Club) จะมีการการจัดทริปของกลุ่มอยู่แล้ว โดย Ducati Thailand ก็จะมีการไป Support ช่วยอย่างเช่น ของรางวัล เป็นต้น
สำหรับกิจกรรม DRE ใน พื้นที่ กทม. เรายังมีจัดอยู่เสมอ ซึ่งเน้นให้กับลูกค้าใหม่ เป็นกลุ่มเล็กๆ เป็น Private Group เสียมากกว่า
เพราะ อย่างที่บอกว่ากลุ่มลูกค้าเก่า หรือ กลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่ ต้องการทดสอบ หรือขี่ในแบบ Performance ของตัวรถ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ Track มากกว่า
– สำหรับยอดขายของ Ducati ปีหน้า รวมไปถึงตลาดรถมอเตอร์ไซค์หรู มองอย่างไรบ้างครับ?
ต้องบอกตามตรงว่าคงยังไม่สามารถฟันธงอะไรได้ชัด เพราะต้องรอดูสภาพเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจ และอีกหลายปัจจุัย ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าด้วย
บางคนที่มีเงิน แต่ก็ไม่อยากใช้ รอดูท่าทีปีหน้าก่อน
หลายคนที่มีเงิน ไม่สนใจสภาพเศรษฐกิจ ก็มีเยอะ พวกนี้ ขึ้นกับความต้องการของเขา หรือ Product ใหม่ ที่เปิดตัวมาว่าเป็นที่สนใจหรือไม่
ถ้าพอใจก็ซื้อ นอกจากนี้ เรื่องของตลาดมอเตอร์ไซค์ BigBike ในประเทศ ก็ต้องถือว่าโตขึ้นมามากแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าใกล้ถึงจุดอิ่มตัว
เพราะถ้าดูกราฟ ในช่วงปีหลังๆ จะพบว่า รถมอเตอร์ไซค์ ในช่วงราคา 2-5 แสนบาท จะไม่ค่อยขยับโตขึ้นแล้ว
– ก่อนจากกัน อย่างจะขอคุณ สมรรถ ฝากทิ้งท้าย ถึงแฟนๆ Ducati และ แฟนๆ MotoRival ของเราหน่อยครับ
อยากจะฝากบอกถึงแฟนๆ และ ลูกค้าทุกท่านนะครับว่า Ducati Thailand เราไม่หนีหายไปไหน เชื่อมั่นและไว้ใจได้เลย
เพราะว่า Ducati ได้มีการตั้งโรงงานในประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง มาเป็นเวลานานแล้ว และไทยเราถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก
คุณภาพงานประกอบที่โรงงานไทยเรา ไม่แพ้อิตาลี เลย เพราะว่า ทุกไลน์การผิต จะมีฝรั่งเป็นผู้คุม QC และนอกจากนี้
ทาง Ducati จะใช้ผู้หญิง เป็นผู้ประกอบชิ้นงานที่ละเอียด เนื่องจาก เพศหญิง นั้นจะเก็บและใส่ใจรายละเอียด ได้ดีกว่าเพศชาย
ดังนั้น เชื่อมั่นใน Ducati Thailand ได้เลยครับ ไม่ต้องกังวล
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ ของเราก็ถือว่ามีค่อนข้างครอบคลุมในกลุ่มของรถใหญ่ และรถสมรรถนะสูงๆ และกิจกรรมที่มีจัดกับลูกค้าก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เอาล่ะเป็นอย่างไรกันบ้างครับ เพื่อนๆ แฟนๆ Ducati และ แฟนๆ MotoRival ถือว่าหายข้องใจกันไปแล้วล่ะนะ
สุดท้ายนี้ ทางเราก็ขอรอลุ้น และเอาใจช่วยแบรนด์จาก Bologna นี้เอาไว้ด้วย ให้มีผลิตภัณฑ์ ที่ดีๆ ออกมาสู่ท้องตลาด กันต่อไปครับ
อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านบทสัมภาณ์ อื่นเพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
