รวมโปรโมชั่น KTM งาน BIG Motor Sale 2016 พร้อมรีวิวสเป็กเด่น + ตารางผ่อนดาวน์ทุกรุ่น

จากกระแสรถคลาส 200 ซีซีของค่ายสีส้ม (KTM) แบรนด์ดังจากทวีปยุโรป ได้ลดราคาลงมาเทียบเท่าคู่แข่งค่ายญี่ปุ่น จนทำให้เห็นรถเน็กเก็ตและรถสปอร์ตเฟรมสีส้มวิ่งบนท้องถนนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายๆ คนที่เคยสนใจรถ Duke และ RC ของค่ายนี้ แต่ราคาที่สูงจนเทียบเท่ารถคลาส 600 ซีซีค่ายญี่ปุ่น ทำให้เคยมองข้ามไปในยุคที่ตัวแทนจำหน่ายเก่าปรับลดราคาเหลือ แสนกลางๆ ในรุ่น 200 Duke ตอนนี้ด้วยตัวแทนจำหน่ายใหม่ได้ปรับกลยุทธ์ในการตั้งราคาลดลงมาเหลือเพียง 129,900 บาท เท่านั้น สร้างความคึกคักขึ้นมาใหม่กับรถสัญชาติออสเตรีย วันนี้แอดมินเลยมารีวิวโปรโมชั่นในแต่ละรุ่นเผื่อใครที่กำลังเทียบรถค่ายนี้จะแนะนำจุดเด่นและจุดอ่อนให้รู้

ความเป็นมาของรถยี่ห้อ KTM
เห็นแฟนเพจหลายท่าน เคยเข้าใจผิดว่ารถค่ายนี้เป็นรถจากประเทศจีน ด้วยหน้าตาและรูปทรงที่ดูแปลกไปว่ารถสัญชาติญี่ปุ่น เลยจะขอเล่าความเป็นมาซักนิด KTM เป็นรถสัญชาติออสเตรีย โรงงานอยู่ในทวีปยุโรป (ไม่ใช่ออสเตรเลียที่ใครหลายคนเข้าใจผิดนะครับ) มีความเป็นมามากกว่า 60 ปี ก่อนตั้งมาเพื่อร่วมการแข่งขัน จนเริ่มผลิตรถเอง และจัดจำหน่ายในประเทศ ก่อนที่จะขยายตัวแทนจำหน่ายไปทั่วไปทวีปยุโรปจนกระทั่งตลาดในทวีปอเมริกา โดยในช่วงตั้งแต่ปี 2000 ก็เริ่มเข้าร่วมการแข่งขัน Dakar Rallye เป็นสุดยอดการแข่งขันแรลลี่ที่ถือว่ารถต้องมีสมรรถนะทนทาน ขี่ตะลุยทะเลทรายหลายพันกิโลเมตรข้ามจากทวีปยุโรปไปทวีปแอฟริกา แต่ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา KTM กวาดแชมป์มายาวนานโดยไม่มีแบรนด์ไหนมาแทรกแซงได้ซักครั้ง ก็ถือว่าเป็นสถิติที่น่าทึ่งสำหรับสาย Touring Adventure แต่รถที่เป็นรุ่นยอดนิยมและขายดีสำหรับชื่อ KTM ในตลาดโลกนั้น กลับเป็นรถแนววิบาก เอ็นดูโร่ ที่น้ำหนักเบาและเครื่องยนต์ ทนทาน สมรรถนะสูง ซึ่งรถวิบากนี่เองเป็นต้นแบบในการพัฒนารถทุกรุ่นของ KTM ให้ใช้งานได้ทนทานและน้ำหนักเบา เลยเป็นที่มาว่าทำไมรถค่ายนี้ถึงผลิตแต่รถสูบเดี่ยว ในขณะที่ค่ายอื่นเป็นสองสูบ เพราะเน้นกำลังอัดที่สูงในรอบต้นและลดภาระน้ำหนักของตัวรถ เทคนิคนี้เองทำให้ทีมแข่งรถคลาส 300 ซีซีใน MotoGP นิยมจับมาทำเป็นรถแข่งในรุ่น Moto3 มากมายหลายทีม

ในประเทศไทยปี 2012 ก็ได้มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และได้นำมาขายให้คนไทยได้เห็นรถที่มีความแปลกใหม่ในการออกแบบ สวยสะดุดตาแต่ก็เล็กกะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่าง 200 Duke และ RC 200 ซึ่งเป็นรถแปลกใหม่ที่เน้นน้ำหนักที่เบาและแรงทอร์กที่หนักกว่าใครในรถคลาสเดียวกันในท้องตลาด จึงทำให้หลายคนสนใจในรถแบรนด์ยุโรปนี้

ล่าสุดในปี 2015 ทางตัวแทนจำหน่ายใหม่ บริษัท เบิร์นรับเบอร์ ก็รับหน้าที่กระตุ้นยอดขายให้กับค่ายรถสีส้ม มีการปรับลดราคาทุกรุ่นที่ราคาเคยสูงจนยากที่จะแข่งในตลาดเมืองไทย และพัฒนาระบบการบริการให้ลูกค้าได้มีทางตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งยี่ห้อ กับศูนย์บริการที่ได้รับมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น

ขอแนะนำแคมเปญโปรโมชั่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงกันยายน 2559
นั่นหมายความว่าตัดสินใจจองแล้วก็ยังมีเวลาให้เก็บหอมรอมริบกำเงินดาวน์ไปออกรถได้ภายในเดือนหน้า
แอทมินเช็คมาแล้วว่ารถค่ายนี้นำเข้ามาสตอกล้นเหลือ ไม่ต้องรอนาน ไฟแนนซ์ผ่านพร้อมรับทันที

เงื่อนไขการดาวน์ต่ำ 10% แบบต้องใช้คนค้ำ
200 DUKE ราคา 129,900 บาท ดาวน์ 13,000 บาท ผ่อน 3,215 บาท/ 48 เดือน ดอกเบี้ย 8.00 % ต่อปี
250 Duke ราคา 179,900 บาท ดาวน์ 18,000 บาท ผ่อน 4,452 บาท/ 48 เดือน ดอกเบี้ย 8.00 % ต่อปี
390 Duke ราคา 199,900 บาท ดาวน์ 20,000 บาท ผ่อน 4,423 บาท/ 48 เดือน ดอกเบี้ย 4.50 % ต่อปี

RC 200 ราคา 144,900 บาท ดาวน์ 14,500 บาท ผ่อน 3,586 บาท/ 48 เดือน ดอกเบี้ย 8.00 % ต่อปี
RC 250 ราคา 189,900 บาท ดาวน์ 19,000 บาท ผ่อน 4,700 บาท/ 48 เดือน ดอกเบี้ย 8.00 % ต่อปี
RC 390 ราคา 214,900 บาท ดาวน์ 21,500 บาท ผ่อน 4,754 บาท/ 48 เดือน ดอกเบี้ย 4.50 % ต่อปี

จุดเด่นของรถ KTM

1. พละกำลังแรงม้า
200 DUKE/ RC 200 มีกำลัง 26 HP ความเร็วสูงสุด 135 กม/ชม. (200 Duke) และ 140 กม/ชม. (RC 200)
250 DUKE/ RC 250 มีกำลัง 31 HP ความเร็วสูงสุด 155 กม/ชม. (250 Duke) และ 160 กม/ชม. (RC 250)
390 DUKE/ RC 390 มีกำลัง 43 HP ความเร็วสูงสุด 175 กม/ชม. (250 Duke) และ 180 กม/ชม. (RC 250)
ด้วยขนาดกระบอกสูบที่ใหญ่กว่าค่ายอื่นเพราะเป็นสูบเดี่ยว และน้ำหนักตัวรถของ RC อยู่เพียง 147 กิโลกรัม และ Duke ที่ 139 กิโลกรัม ทำให้รีดแรงม้าได้เยอะ ออกตัวด้วยแรงบิดที่สูง และทำความเร็วมาได้ในตอนออกตัว และความต่างกันเพราะน้ำหนักของแฟริ่งใน RC แต่ออกแบบมาให้รับกับแรงแอโร่ไดนามิคที่ดีกว่าก็สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า

2. ระบบเบรค ABS แบบเปิด-ปิดได้ ทำให้สะดวกสำหรับสายเรซซิ่งที่ต้องการนำไปขี่ในสนาม เพราะระบบ ABS ทำให้การเบรคก่อนเข้าโค้งไม่แม่นยำเท่ากับการกะระยะเบรคด้วยนักขี่เอง จึงออกแบบมาให้สะดวกต่อการปิดระบบเซฟตี้ แต่ถ้าต้องมาขี่บนท้องถนน ก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

3. ปั้มเบรค Bybre (By Brembo) ปั้มซิ่งยอดฮิตสำหรับสายแต่ง โดยเป็นโรงงานเดียวกันกับ Brembo แต่ KTM ขอให้ผลิตมาใส่ในรุ่นเล็กโดยเฉพาะ แบบออกจากโรงงานก็ได้ปั้มแต่งเลย เบรคหน้าแบบ 4 pot ขนาดจาน 300 mm. ก็ถือว่ามีระบบเบรคที่ให้ของมากกว่าค่ายอื่น ที่มีเพียง 2 pot เท่านั้น

4. ระบบช่วงล่าง WP ชื่อของ WP อาจจะไม่ค่อยคุ้นสำหรับสาวกรถญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นสายแข่งเรซซิ่ง ชื่อของ WP White Power ไม่ทำให้ใครผิดหวัง เพราะเป็นของแต่งที่ราคาสูงมากจากฝั่งยุโรป เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ได้เปรียบกว่าค่ายอื่นเพราะ WP เป็นโรงงานภายใต้การบริหารของ KTM โช้คหน้าให้มาแบบ 43 mm. ขนาดเดียวกับที่ใส่ในรถ Sport Class 1000 cc. ที่ไม่ต้องไปไขว่คว้าหาโช้คอัพอื่นมาเปลี่ยน

5. หน้าจอดิจิตอล คงไม่แตกต่างจากค่ายอื่นเท่าไหร่เวลาปิดหน้าจอ แต่จะดูมีลูกเล่นมากกว่า เมื่อบิดกุญแจและมีข้อความว่า READY TO RACE มาทักทาย และเรือนไมล์ที่บอกรอบความเร็วเป็นขีดดิจิตอลเหมือนรถ Sport Class 1000 cc อีกแล้ว ที่ไม่ใช่เข็มแบบอนาล็อค รวมทั้งตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ที่ช่วยให้สะดวกเวลาที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ ยังมีลูกเล่นอื่นๆ เช่น บอกระดับความร้อนเป็นเกจ์ ระดับน้ำมัน เมื่อลดเหลือน้อยก็จะมีไฟขึ้นเตือนให้ชัดเจน และมีเซ็นเซอร์ขาตั้งเตือนที่หน้าจอ เพื่อให้รู้ว่ายังไม่ได้เตะขาตั้งขึ้น

6. ยาง Pirelli Rosso II ชื่อของยี่ห้อยางติดรถ ก็ไม่ธรรมดาแล้ว เพราะเป็นสเปคยางสนามที่ราคาเบิกใหม่ก็เกือบ 8,000 บาท ขนาดยางหลังเบอร์ใหญ่สุด 150 ที่ไม่มีค่ายไหนให้ขนาดนี้และยี่ห้อนี้ติดรถมาจากโรงงานเลย แต่ในรุ่น 200 จะให้เป็นยี่ห้อ O.E.M. เพราะราคาที่แตกต่างกัน แต่คุณภาพก็สามารถลงสนามได้อย่างไม่ต้องกังวล

7. ระบบ Slipper Clutch ที่ลดแรงกระชากของเครื่องยนต์เวลาที่ต้องลดเกียร์ลง หรือเอ็นจิ้นเบรค ที่แตกต่างเรื่องความนิ่มนวลในการขับขี่กว่าค่ายอื่น

จุดด้อย เป็นเรื่องเสียงของเครื่องยนต์ ที่ทาง KTM เป็นรถสูบเดี่ยว ที่เน้นต้นจัดในการออกตัว แต่ก็แพ้เรื่องเสียงที่ฟังดูแล้วไม่สะใจชาวไทยนิยมชอบรถที่มีสูบมากๆ เสียงหวานๆ ต้องหาทางออกด้วยการใส่ท่อแต่ง ที่พอเปลี่ยนแล้วก็ฟังดูโหดขึ้นทันที

เหมาะสำหรับ?

รุ่น 200 คนที่ต้องการรถใช้งานในเมืองแบบคล่องตัวสุดๆ เพราะแฮนด์บาร์และน้ำหนักรถที่เบาเป็นเอกลักษณ์ของ Duke และ RC
อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 35 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดที่สุดในรถคลาส 200

รุ่น 250 สำหรับมือใหม่หัดลงสนาม ก็อยากได้รถที่ไม่แรงมากเกินไป หรือกำลังไม่น้อยจนหวดไม่ได้ เพราะเมื่อสายเริ่มต้นเรซซิ่งในสนาม ต้องการรถที่ได้ฟีลลิ่ง Sport แบบ RC หรือ Naked แบบ DUKE อยากเน้นการขี่พื้นฐานเรซซิ่งที่ต้องเข้าใจหลักการเบรคก่อนเข้าโค้ง
การฝึกจังหวะเปลี่ยนเกียร์ในรอบสูง การปรับท่านั่งขี่เข้าโค้ง และลดเกียร์ให้สมูท เพราะกำลังที่ไม่มากทำให้ทำความเร็วไม่ได้เยอะแต่จะทำให้มีเวลาในการเคลื่อนไหวในระหว่างเข้าโค้ง เก็บรายละเอียดท่านั่งได้มากกว่าขี่รถที่ cc สูงๆ นอกจากในสนามในเมืองก็คล่องตัวไม่แพ้กันแถมได้กำลังที่สามารถบิดใช้งานบนถนนการจราจรติดขัดแต่ก็มีความแรงฉีกใครๆ ที่ไฟแดงได้สบาย

รุ่น 390 ขาเรซซิ่งที่ต้องการรถทำทีมแข่งไว้ประลองความเร็ว เพราะแรงต้นที่ให้แรงม้าที่มาก น้ำหนักตัวรถที่เบา ทำให้ออกตัวเร็วกว่ารถสอบสูบเรียงได้หลายช่วงตัว ยิ่งในเมืองไม่ต้องพูดถึง ไฟเขียวแล้วสามารถหนีหายไปหลายแยกกว่าคนอื่นๆ จะทันเปลี่ยนเกียร์ 390 ก็พาคุณไปไกลแล้ว

แคมเปญที่น่าสนใจสำหรับรุ่นเล็กของค่าย KTM
แถมฟรี
– ค่าเซอร์วิส 1,000 กม.
– พรบ. และทะเบียน
เฉพาะรุ่น 200 ที่มีของแถมมากกว่าเป็นถุงมือ Alpinestars และ ประกันรถหาย
เฉพาะรุ่น 250 และ 390 ได้เป็น ฟรีประกันชั้นหนึ่ง

ติดต่อข้อมูลได้ที่
บูธ KTM ใน Hall 106 C12
KTM พระราม5
ที่ปรึกษาฝ่ายขาย
คุณบอย 063-849-9555 ID Line: boyktm.5 (English Speaker)
คุณหน่อง 063-929-9555 ID Line: nong_rama5
คุณโดม 063-876-6555 ID Line: domektm
Office : 02-408-7599
Hot line : 092-265-2884
LINE ID: ktmrama5
KTM RAMA5
____________________________
KTM Rama5 ” Focus on your trust ”
เปิดบริการทุกวัน
เวลา 09.00 – 18.00 น.