ย้อนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทาง Honda ได้มีการเปิดตัว 3 ทหารเสือ 500-Series เป็นครั้งแรกในไทยที่งาน Motor Expo 2018 และหลังจากนั้นก็ได้มีการรีวิวทดสอบกันก่อนสำหรับ รีวิว 2019 All New Honda CBR500R ใหม่ ที่ สนามช้างฯ แต่ในครั้งนี้ เราจะมา รีวิว 2019 All New Honda CB500F / CBR500R 2 คู่หูเน็คเก็ท/สปอร์ต ไลท์เวท ใหม่ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ Entry Class กันครับ
เริ่มกันที่ในส่วนของรูปลักษณ์ครึ่งหน้าทางฝั่ง 2019 All New Honda CBR500R เรียกได้ว่า ปรับให้ดูลุค Sport Replica มากขึ้น
ช่วงชุดหัวไฟหน้าแบบ Full LED ดูมีสไตล์ใกล้เคียง CBR250RR
ไฟเลี้ยวปรับมาใช้แบบ LED ทั้งหน้า-หลัง
ชุดแฟริ่งปรับเปลี่ยนใหม่ ดูมีความสปอร์ต และเน้นเรื่องของ Aero Dynamics
ซึ่งมีจุดเด่นคือ ช่วงแฟริ่งข้างด้านล่างมีการเสริมครีบวิงเล็ทไว้เกาะกระแส MotoGP อีกด้วย
บริเวณแฟริ่งช่วงเบาะท้ายมีช่องรีดอากาศในแบบรถ Superbike
ไฟท้ายยังคงเป็นทรงเดิม LED โคมใส นอกจากนี้ชุดขายึดทะเบียนท้ายดีไซน์ให้สามารถถอดทำท้ายโล่งได้ สำหรับขี่ในสนาม
ท่อไอเสียออกข้างรูปทรงคล้ายๆเดิมถ้ามองจากด้านหน้า แต่ถ้ามองจากด้านหลังจะเห็นว่ามันมีรูระบายไอเสีย 2 ช่อง ให้เสียงที่ทุ้มต่ำ ดุดันกว่าเดิม
ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital LCD blacklight ดูสวยงามทันสมัย ขนาดกะทัดรัด แสดงผลหลักเป็น วัดรอบ, ความเร็ว, ความร้อน, และเวลา ส่วนการแสดงผลย่อยที่สามารถปรับเซ็ทตามความชอบของผู้ใช้ก็มีทั้ง ระยะทางรวม, ทริป A/B, รอบเครื่องยนต์ (แบบตัวเลขวิ่ง), อัตราสิ้นเปลือง, น้ำมันคงเหลือ, พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นอย่าง Shift Light และบอกตำแหน่งเกียร์ ซึ่งถือเป็นลูกเล่นใหม่ที่ทาง Honda เพิ่มมาให้เสียที หลังจากมีกาเรียงร้องตั้งแต่ 2 โฉมก่อนหน้า
ชุดสวิทช์ไฟยังเหมือนเดิมทั้ง 2 ฝั่ง
ซ้าย มีไฟต่ำ-สูง, ไฟ Pass, แตร
ขวา มี Run-Off, ปุ่มสตาร์ท, ไฟฉุกเฉิน
มือเบรกปรับระดับได้ 5 ระดับ ส่วนมือคลัทช์ยังปรับไม่ได้
นอกจากนี้ Honda ยังใส่ใจรายละเอียด มีการทำร่อง Mark จุดหักเอาไว้ ทั้งฝั่งก้านเบรก และก้านคลัทช์ เพื่อที่เวลารถล้มแล้ว ตัวด้านจะได้หักในตำแหน่งที่ Mark ไว้ จะได้มีพื้นที่เหลือ ให้ใช้เบรก และคลัทช์ ได้อยู่
มาต่อกันที่ 2019 All New Honda CB500F
เริ่มที่ครึ่งหน้าของรถ มีการเพิ่มความเหลี่ยมสันมากขึ้น
ตัวโคมไฟหน้ายังคงเป็นแบบเดียวกับโฉมก่อนหน้า แต่มีการออกแบบกรอบที่ล้อมรอบโคมใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม
กาบแแฟริ่งด้านข้างดูโป่งใหญ่ขึ้นกว่าโฉมก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แถมยังช่วยเพิ่มารมณ์ดิบดุดันให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี
ส่วนครึ่งคันท้ายรถ ขอไม่พูดซ้ำเพราะเหมือนกันกับ 2019 All New Honda CBR500R ทั้งหมด
ด้านมิติรถ
2019 All New Honda CBR500R ตามข้อมูลของตัวรถสเปคไทย มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 195 กก. เท่ากับโฉมก่อนหน้า
ส่วน 2019 All New Honda CB500F อยู่ที่ 190 กิโลกรัม (ตามข้อมูลของตัวรถสเปคไทยเช่นกัน) ซึ่งถือว่าเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย คือ 1 กิโลกรัม
ด้านความสูงเบาะอยู่ที่ 785 มม. เท่าเดิมทั้งสองคัน
ถังน้ำมันใหม่จุ 17.1 ลิตร (ของเดิมจุ 16.7 ลิตร)
ด้านท่านั่ง
ในส่วนชุดแฮนด์ของ 2019 All New Honda CBR500R ปรับมาเป็นแฮนด์จับโช้กใต้แผงคอ ซึ่งดูเตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้ผู้ขี่จะต้องเอื้อมตัวลงไปด้านหน้าประมาณ 8 องศา
แต่ก็ยังถือว่าตำแหน่งสูงอยู่ หากต้องขี่ใช้งานทั่วไป หรือ เดินทาง Touring ก็ยังมอบความสบาย
ส่วน 2019 All New Honda CB500F เองก็มีการเปลี่ยนแฮนด์บาร์เป็นแบบ Fatbar แต่ตำแหน่งความสูงและความกว้างของแฮนด์จะคล้ายๆเดิมกับโฉมก่อน คือยังให้ความรู้สึกจิกมือเข้าตรงกลาง
ข้อดีคือถ้าโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกางศอกเล็กน้อยจะทำให้พลิกรถง่ายขึ้น แต่ถ้านั่งหลังตรงจะมีจุดให้ติงคือน้ำหนักจะกดลงที่ง่ามนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มากกว่าปกติจนอาจจะเกิดตวามปวดได้
สำหรับเบาะนั่งที่ถือว่าไม่สูงเกินไป ผู้ขี่สูง 174 ซม. สามารถเหยียบได้เต็มเท้าหย่อนขากำลังดี (แต่ถ้าเทียบกับ New Honda CBR650R ที่เบาะสูงกว่าถึง 810 มม. แต่เนื่องจากตัวเบาะนั่งแคบ จึงทำให้รู้สึกยืนเหยียบเท้าได้พอๆกัน)
ขณะที่บริเวณตำแหน่งวางขาด้านซ้าย นั้นจะพบว่าองศาท่อไอเสียนั้นจะดันส้นเท้าขวาสักหน่อย หากเราวางเท้าแบบจิก Racing
ขณะที่ตำแหน่งเบาะผู้ซ้อนที่ยกสูงขึ้น แบบ 2 ตอน ตัวเบาะก็ไม่ถือว่าแคบจนนั่งลำบากก้นตก แต่เนื่องจากยังคงมีโหนกตรงกลางอาจจะทำให้นั่งไม่สบายนัก
ในส่วนของมือจับกันตกที่ซ่อนอยู่ด้านใต้ช่วงท้ายของแฟริ่งก็สามารถจับได้กระชับมือ
เครื่องยนต์ 2 สูบ พิกัด 471cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งใช้พื้นฐานจากโฉมเดิม แต่มีการปรับปรุงรายละเอียดยิบย่อยภายในเครื่องยนต์หลายอย่างสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ซึ่งโดยรวมทำให้มีย่านแรงบิดในช่วงรอบต่ำดีกว่าเดิมอีก 4%
นั่นจึงให้เรารู้สึกถึงจังหวะออกตัวช่วงต้นที่ดีขึ้น รอบมาไวขึ้น แต่กำลังช่วงปลายโดยรวมต้องเรียนตามตรงว่ายังรู้สึกเหมือนเดิม คือ รอบตื้อปลาย และความเร็ว Top Speed อาจจะไม่ได้สูงมากนักราวๆ 186+ กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะยังคงตัดรอบที่ราว 9,000rpm ดังนั้นควร Shift เกียร์ขึ้นได้ตั้งแต่รอบ 8,000rpm
อีกจุดที่ถือว่า ดีเยี่ยม คือ การเพิ่มระบบ Assist & Slipper Clutch ทำให้น้ำหนักคลัทช์เบาลงถึง 45% หรือเกือบครึ่ง สัมผัสถึงความต่างจากตัวก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แถมเมื่อใช้งานในเมืองที่ต้องคลอคลัทช์เกือบตลอดเวลายิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายกับเจ้านี่ไปอีก เพราะแทบไม่ต้องใช้แรงในการกำ (สามารถใช้นิ้วชี้นิ้วเดียวกำคลัทช์ได้สบายๆ)
นอกจากนี้ จุดประสงค์ที่แท้จริงของระบบดังกล่าคือ มันถูกติดตั้งเข้ามาเพื่อป้องกันการกระชากของล้อหลัง ซึ่งต้องยอมรับว่าทาง Honda ออกแบบชุดกลไกให้ทำงานได้ดี สามารถกำจัดอาการล็อคที่ล้อหลังได้อยู่หมัด แทบไม่มีเสียงเอียดอ๊าดของยางหลังให้ได้ยิน แม้ว่าตัวผู้ทดสอบจะลองรวบเกียร์จนถึงเกียร์ 1 แล้วก็ตาม
ระบบกันสะเทือน โช้กหน้าหัวตั้ง Telescopic ขนาดแกน 41 มม. ปรับ Preload ได้ที่หัวโช้ก ซึ่งเป็นตัวเดิมกับโฉมเก่าทั้งสองรุ่น
ด้านหลังยังคงใช้แบบโช้กอัพเดี่ยว Monoshock พร้อมกระเดื่องทดแรง (Pro-Link) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตัวโช้กหลังใหม้ ให้ทำงานอย่างเสถียรภาพเพิ่มขึ้น แม้แต่สวิงอาร์มก็ยังเป็นแบบใหม่เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ด้วยการเซ็ทติ้งระบบช่วงล่างตอนออกโรงงานมาของทั้ง All New Honda CBR500R และ All New Honda CB500F นั้นถือว่านิ่มกว่าที่คิดไปค่อนข้างเยอะ (คาดว่าเซ็ทสปริงโช้กมาอ่อนสุดๆ) ซึ่งอาจจะดีในเรื่องของการซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อในช่วงความเร็วต่ำ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในเมือง แต่เมื่อตัวรถเจอลอนคลื่นแบบต่อเนื่องในจังหวะที่เริ่มใช้ความเร็วสูงๆ เราพบว่าตัวรถมีอาการร่อน (โยกขึ้นลงทั้งคัน) อย่างเห็นได้ชัด
ทว่าก่อนหน้านี้ ทางทีมงาน MotoRival ของเราได้มีโอกาสไปทดสอบเจ้า All New Honda CBR500R ในสนามช้างฯ มาแล้วเรียบร้อย โดยตอนนั้นทางทีมช่างของ Honda ได้มีการเซ็ทติ้งโช้กหน้าใหม่ให้อยู่ในระดับแข็งสุด ส่วนด้านหลังก็ขยับขึ้นมาเกือบขั้นสุดท้าย และด้วยเซ็ทติ้งนี้ จึงทำให้ตัวรถมีความเฟิร์มขึ้นสามารถรับแรงเหวี่ยงสูงๆในโค้งได้ค่อนข้างดี (อาจมีช่วงบั๊มพ์ออกมาให้เห็นอยู่บ้าง หรือยุบตัวเยอะไปบ้าง) แต่ถ้ามองในมุมของการใช้งานทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว กับโช้กหน้า/หลังติดรถที่ให้มา
และจุดต่างที่สำคัญอีกอย่างก็คือ แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้ยางขนาดเท่ากัน คือ 120/70-17 ด้านหน้า และ 160/60-17 ด้านหลัง แต่ทาง Honda กลับให้ยางติดรถต่างกัน คือในฝั่งของ 2019 All New Honda CBR500R จะใช้ยาง Dunlop Sportmax
แต่ทางฝั่ง 2019 All New Honda CB500F กลับได้ใช้ยาง Michelin Road 5 ซึ่งให้ความรู้สึกยึดเกาะดีกว่าของ Dunlop อย่างมีนัยสำคัญเสียอย่างนั้น
โดยสำหรับเรื่องนี้ทาง Honda ได้ให้ข้อมูลกับเรามาว่า ที่ตัวรถทั้งสองคันได้รับการติดตั้งยางไม่เหมือนกัน เป็นเพราะว่าทางโรงงานไม่อยากให้เกิดกรณียางที่ติดรถมีปัญหาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเพิ่มตัวเลือกยางออกมาเป็น 2 แบบ ของ 2 ผู้ผลิตที่ต่างกันแทน เพราะถ้าเกิดยางของเจ้าไหนมีปัญหา ทางโรงงานก็จะได้มียางของอีกผู้ผลิตมาติดตั้งให้ทันที
ระบบเบรก ด้านหน้าจานดิสก์เดี่ยวขนาด 320 มม. ปั๊ม Nissin คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ
ด้านหลังจานดิสก์ขนาด 240 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ
ซึ่งจะเหมือนเดิมกับตัวเก่า แต่ปรับปรุงระบบ ABS ให้ฉลาดขึ้น (จากการใช้งาน พบว่า ABS ดูจะไม่มาไวแบบ ฟุ่มเฟือย นัก)
หากเทียบกับการใช้งานเราจะพบว่าถ้าใช้งานบนถนนมันมีประสิทธิภาพใช้งานดี เหลือๆ และเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทาง Honda ก็ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนของไฟ ESS (ไฟฉุกเฉิน ติดกรณีที่เบรกหนัก) เข้ามาด้วย
สรุป รีวิว 2019 All New Honda CBR500R / CB500F สองคู่หูใหม่พิกัดครึ่งลิตรจากปีกนก ที่ได้รับการปรับปรุงตัวรถให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่การปรับที่ก้าวกระโดดจากเดิมไปเท่าไหร่นัก แต่ก็ถืว่าตัวรถมีความครบครันขึ้นไปอีกระดับ ทั้งอัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม, ระบบสลิปเปอร์คลัทช์ช่วยแก้อาการล้อล็อค, และรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้้นทั้งฝั่งร่างสปอร์ตและฝั่งร่างแน็คเก็ท
สำหรับราคาค่าตัวของ 2019 All New Honda CBR500R อยู่ที่ 2.17 แสนบาท
ส่วน 2019 All New Honda CB500F ก็อยู่ที่ 2.12 แสนบาท หรือเพิ่มขึ้นมาจากโฉมก่อนหน้าเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียวกับสิ่งอย่างที่เพิ่มขึ้นมา
ภณ เพียรทนงกิจ Test Rider + Writer + Photo
สุภิญญา ชำนาญกุล Photo + VDO
รณกฤต ลิมปิชาติ Co-Test Rider + Co-Writer
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ