รีวิว 2022 CBR500R / CB500F 2 คู่หูไลท์เวทที่ให้ออปชั่นที่คุณอยากได้ ในราคาเดิม

สวัสดีครับคุณผู้ชมทุกท่าน อยู่กับผม ภณ MotoRival กันอีกเช่นเคย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Honda BigWing ได้จัดหนัก เปิดตัว 3 ทหารเสือ 500-Series เจนเนอเรชั่น 4 กันไปหมาดๆ
ล่าสุดวันนี้ MotoRival มันก็ได้มาอยู่กับพวกเราเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทีม MotoRival เรามีนักทดสอบเพียง 2 คน คือ ผมกับจอน
ดังนั้น ในวันนี้ จึงขอรีวิว 2022 CBR500R / CBR500F 2 คู่หูไลท์เวท ใหม่ ที่เพิ่มออปชั่น ในแบบที่หลายคนถามมา แต่ยืนราคาเดิม ไม่บวกเพิ่มราคา

ส่วนตัว CB500X 2022 ไว้ทีม MotoRival เราจะมาทำรีวิวให้รับชมกันอีกทีนึงครับ

มาเข้ากันที่ตัวรีวิวกันเลย
รูปลักษณ์ ของ 500 Series เจน 4 นั้น ต้องบอกตรงๆ ว่า เปลือกนอก เหมือนกับ เจน 3 จนหลายคนอาจแซวว่า Sticker Change หรือ เปล่า แต่จริงๆ ไม่ใช่นะครับ

อย่างไฟหน้า แม้จะเป็นโคมเดิม แต่มีการปรับหลอด LED ด้านในใหม่

เริ่มที่ CBR500R 2022 ปรับจานฉายใหม่ ในแบบพี่กลางสี่สูบ CBR650R MY2021 ส่องสว่างดีกว่าเดิม

ส่วนชุดไฟหน้า CB500F จะเหมือนกับตัว X มีการปรับตำแหน่งหลอด LED ไฟต่ำ-สูง ใหม่
ในโฉมเจน 3 ไฟต่ำทั้งหมด 3 ดวงจะอยู่ด้านบน และไฟสูงอยู่ด้านล่าง
แต่เจน 4 ไฟสูง จะอยู่ 2 ดวงตรงกลาง ไฟต่ำ ขนาบข้างซ้าย-ขวา
ซึ่ง Honda เคลมว่า ความเข้มแสงมากขึ้น 25% แถมประหยัดพลังงานด้วย

ตัวพักเท้าผู้ขี่เปลี่ยนใหม่ จากเดิมที่ผิวสัมผัสเป็นยาง เปลี่ยนใหม่เป็นแบบโลหะ ให้ลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น

ชุดล้ออัลลอยลายเดิม แต่จำนวนก้านลดลงจาก 7ก้านตัว Y เหลือ 6ก้าน เพื่อรีด นน.

สวิงอาร์มเหล็กจะบางลง 0.3 มม. เพื่อลด นน. แต่ปรับดีไซน์ใหม่ ดูหนาขึ้นเพื่อให้มันยังคงความแข็งแรง

นอกนั้นตัวรถทั้ง 2 คันก็ยังคงเหมือนเดิมทั้งหมด
ชุดแฟริ่งยังคงเดิม โดย CBR จะโดดเด่นที่ครีบวิงเล็ทแบบรถ MotoGP
ขณะที่ CB500F จะมีแฟริ่งกาบข้างที่ดูเหลี่ยมสัน ให้ความดุดัน

สำหรับครึ่งหลังตัวรถทั้ง 2 คันนี้ก็จะเหมือนกันเลย
แฟริ่งช่วงเบาะท้ายมีช่องรีดอากาศในแบบ Superbike

ชุดไฟท้าย LED โคมใส นอกจากนี้ชุดขายึดทะเบียนท้ายดีไซน์ให้สามารถถอดทำท้ายโล่งได้ สำหรับขี่ในสนาม

ท่อไอเสียออกข้างรูไอเสีย 2 ช่อง

ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital LCD blacklight แสดงผลครบทั้ง วัดรอบ, ความเร็ว, ความร้อน, และเวลา ส่วนการแสดงผลย่อยที่สามารถปรับเซ็ทตามความชอบของผู้ใช้ก็มีทั้ง ระยะทางรวม, ทริป A/B, รอบเครื่องยนต์ (แบบตัวเลขวิ่ง), อัตราสิ้นเปลือง, น้ำมันคงเหลือ, เลขบอกเกียร์, มี Shift Up indicator ตั้งไว้ที่ 8,750rpm, ปรับได้ทีละ 250rpm

ชุดสวิทช์ไฟ
ซ้าย มีไฟต่ำ-สูง, ไฟ Pass, แตร
ขวา มี Run-Off, ปุ่มสตาร์ท, ไฟฉุกเฉิน

มือเบรกมีเหรียญหมุนปรับได้ 5 ระดับ มือคลัทช์ปรับไม่ได้เหมือนเดิม

ทาง Honda ยังใส่ใจรายละเอียด มีการทำร่อง Mark จุดหักเอาไว้ ทั้งฝั่งก้านเบรก และก้านคลัทช์ เพื่อที่เวลารถล้มแล้ว ตัวด้านจะได้หักในตำแหน่งที่ Mark ไว้ จะได้มีพื้นที่เหลือ ให้ใช้เบรก และคลัทช์ ได้อยู่

มิติรถ
นน.ตัวเลขสเป็กไทย Curb Weight
2022 CBR500R 192 กก. เบาลง 3 กก.
2022 CB500F 189 กิโลกรัม เบาลง 1 กก.
ตัวเลขความสูงเบาะทั้งคู่อยู่ที่ 789 มม. (สูงขึ้น 4 มม.)
ถังน้ำมันเดิมจุ 17.1 ลิตร

ท่านั่ง
เอาตรงๆ โดยรวมแทบจะไม่ต่างจาก MY19

เบาะที่สูงขึ้นนิดหน่อย 789 มม. ผมสูง 175 ซม. สวมรองเท้าผ้าใบยังคงเหยียบได้เต็มเท้าแบบหย่อนเข่าได้อยู่
เอาเป็นว่าตัวเลขนี้ไม่หนีจากรถ Entry Class คันอื่นๆ นัก
(แต่ถ้าเทียบกับ CBR650R ที่เบาะสูงกว่าถึง 810 มม. แต่เนื่องจากตัวเบาะนั่งแคบ จึงทำให้รู้สึกยืนเหยียบเท้าได้พอๆกัน)

CBR500R ที่เป็นแฮนด์จับโช้กใต้แผงคอ องศาโดยรวมยังเหมือนเดิม หมอบเล็กน้อย
ไม่เยอะ โดยรวมใช้งานบนถนนไม่ว่าจะในเมือง หรือ เดินทางยังสบายไม่เมื่อยหลัง
และองศาแฮนด์ไม่แคบมาก ทำให้คอนโทรล วงแคบได้ง่าย ไม่เลี้ยวแบบติดถังติดข้อมือ

ส่วน CB500F แฮนด์ Fatbar ตำแหน่งค่อนไปทางต่ำ และกางยาว ต้องวางมือจิกเล็กน้อย
เวลาขี่ควรกางศอกโน้มไปด้านหน้าหน่อย อารมณ์ขี่ Naked Roadster จะพลิกคอนโทรลได้ดี
แต่ถ้านั่งตรง นน. จะกดลงที่ช่วงง่ามนิ้วชี้กับโป้ง ถ้านานๆ ก็อาจปวดมือได้

ขณะที่บริเวณตำแหน่งวางเท้าขวา ถ้าใครสายวางเท้าจิก Racing ส้นไปด้านหลัง ก็อาจพบว่า องศาท่อดันส้นเท้าขวานิดนึง

มาที่ตำแหน่งผู้ซ้อน เบาะองศายังดู Flat และไม่แคบ ยังนั่งได้เต็มก้น
แต่มันมีโหนกตรงกลาง จึงอาจรู้สึกดันๆเป้านิด จึงยังดูนั่งไม่สบายเท่าไร
มือจับกันตกซ่อนอยู่ด้านใต้ช่วงท้ายของแฟริ่ง ยังจับได้กระชับ

เครื่องยนต์ 2 สูบ
พิกัด 471cc DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ พื้นฐานจากเจน 3
กำลัง 47.5@8,500pm แรงบิด 43Nm@7,000rpm
โดยยังมาพร้อม Slipper Clutch

ตั้งแต่ติดเครื่องกำคลัทช์ออกตัว ยังคงดีงามเช่นเดิม เรื่อง นน.คลัทช์เบานิ้วมากจริงๆ รถติดๆ ยังไปได้สบายมาก คือเบาขนาดกำด้วยนิ้วเดียวยังสบายมาก และอีกเรื่องก็คือ Engine Brake น้อยมาก ไม่มีอาการล้อหลังล็อกเลย แม้ลดเกียร์ลงแบบรวบเดียว

ส่วนสไตล์ของเครื่องยนต์บล็อกนี้ ก็เหมือนเดิม เน้นต้น มาไว หมดไว ไม่เน้นรอบจัด
เปิดคันเร่งช่วงรอบต่ำๆ เหมือนจะอมคันเร่ง แต่พอถึงรอบแรงบิดดึงขึ้นเร็ว ถึงช่วง 6,000rpm+ แอบเริ่มรู้สึกตื้อนิดๆ

ซึ่งถ้าขี่ในเมือง เหมาะสมมาก ไม่ต้องรอรอบลากรอบ ผมออกไฟแดง แปปเดียวฉีกขึ้นนำความเร็วถึง 150 กม./ชม. ได้ในระยะทางไม่ยาวมาก

แต่ก็อย่างว่า ความเร็ว Top Speed อาจจะไม่ได้สูงมากแต่ก็ไม่น้อยทีเดียวทีมงานเราทำได้เกือบๆ 190 กม./ชม. (ตัวเลข GPS ได้เท่าไรดูได้ในคลิป TopSpeed Test ด้านล่าง) เพราะรอบมันตัดแถวๆ 9,000rpm ดังนั้นถ้าจะลากเกียร์ควร Shift Up แถวๆสัก 8,500rpm หรือให้มองแถบสีแดงตรงรอบเครื่องก็เตรียมเตะได้เลย

คลิปทดสอบ TopSpeed

ระบบกันสะเทือน โช้กหน้า UpSideDown ขนาดแกน 41 มม. ฟังก์ชั่น SFF BP จาก Showa ในแบบของรุ่นพี่อย่าง CBR650R และ CBR600RR

ด้านหลังยังคงใช้แบบโช้กอัพเดี่ยว Monoshock ปรับพรีโหลดได้ พร้อมกระเดื่องทดแรง (Pro-Link) ตรงนี้ปรับเซ็ท Damping ใหม่ ให้เหมาะกับตัวรถ

ส่วนชุดล้อ และ swingarm แบบไลท์เวทใหม่ นี้ นอกจาก นน.เบาลง ยังมีการกระจายนน. ไปทางด้านหน้ามากขึ้น เพื่อให้แฮนด์ลิ่งที่คมแม่นยำขึ้น

ภาพรวมการใช้งานนั้น แม้จะเสียฟังก์ชั่นเรื่องปรับ Preload ที่หัวโช้กไป ผมก็ไม่รู้สึกเสียดายเลย เพราะการซับแรงสะเทือน ดีเยี่ยมกว่าเยอะ การยึดเกาะก็ดี เอาจริงๆ ถ้าถามว่ามันต่างจากเดิมไหม ผมมองว่า หน้ามันหนืดขึ้นหน่อย แต่การคอนโทรลยังทำได้ดีคล่องแคล่วเหมือนเดิม เลย ภาพรวมคือ นิ่งขึ้นที่ความเร็วสูงๆ

แต่ CB500F นั้น ด้วยความที่เป็นแฮนด์บาร์ ทรงกางยาว ดังนั้นเวลาขี่ลากรอบสูงๆ และเตะเกียร์ หรือ ขี่ด้วยความเร็วสูงต้องตั้งใจประคองแฮนด์ให้ดี เพราะมันค่อนข้างโต้ลม และทำให้หน้าไว

ส่วนโช้กหลังเดิมๆ ที่ผมเคยติงไปนิดว่าการเซ็ทค่าเดิมๆ จากโรงงานดูนิ่มอ่อนไปมาก ในตัวนี้รู้สึกกระชับเฟิร์มขึ้น ขี่ความเร็วสูงไม่ย้วยเหมือนเดิม

สำหรับผม ที่เน้นขี่แบบ Comfort ในเมืองเป็นหลักๆ ไม่ได้ซัดหนัก ยาวๆ เซ็ทติ้งประมาณนี้ผมว่าลงตัวมากๆ แล้ว คือ นั่งสบาย ให้ตัวได้ประมาณนึง ไม่ถึงกับย้วย ซึ่งลักษณะจะต่างกับ Sport Entry ค่ายอื่นที่ จะออกเน้นฟีลแข็งๆ ตึ๊บๆ แบบสปอร์ตมากกว่า

ระบบเบรก ด้านหน้าอัพเกรดมาเป็นจานดิสก์คู่ 296 มม. (ขนาดจานเล็กลง 24 มม.) แถมยังอัพเกรดเป็นปั๊ม 4 Pot Radial Mount อีกด้วย (ของเดิม Nissin Floating Mount 2 ลูกสูบ)

โดยลักษณะตัวจานยังเป็นแบบ Fix Disc เช่นเดิม แต่ถ้ามองจากฝั่งขวาจะพบว่ามันดูโล่งๆไป เพราะว่าวง Sensor ABS ทางด้านในจะโยกไปอยู่ทางฝั่งซ้าย

แต่ 2 คันนี้ น่าเสียดายนิด ตรงที่จานเป็น Fix Disc ไม่ได้เป็น Semi Floating เหมือนอย่างตัว CB500X แต่ก็อย่างว่าครับ CB500X ไม่ได้เบรก 4 Pot นะ

ส่วนด้านหลังยังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 240 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบขนาดใหญ่

ภาพรวมการใช้งาน ต้องบอกว่าฟีลลิ่งการเบรก ยังคงสไตล์เอกลักษณ์ของปั๊ม Nissin ที่พบใน Honda หลายรุ่น คือ ไม่ได้จับจึก แต่แรก คือ ถ้าแตะเบรกเบาๆ แบบไม่ลงนน. จะไม่ค่อยรู้สึกถึงความต่างจากเดิมมากนัก แต่พอกดนิ้วลงน้ำหนัก เข้าไป รู้สึกได้ถึงพละกำลังของปั๊มเบรก 4 pot ที่จับบนจานทั้ง 2 ฝั่งทันที คือ กดเบรกได้มั่นใจเอาอยู่กว่าเดิมเยอะมากๆ หายห่วง ไม่ต้องไปอัพอะไรเพิ่มแล้ว

สรุป รีวิว 2022 All New Honda CBR500R / CB500F สองคู่หูใหม่พิกัดครึ่งลิตร ที่ยังคงความดีงามในเรื่องการขี่ง่าย
แต่ปรับปรุงยกออปชั่นตามคำขอของลูกค้า ทำให้รถดูเต็มขึ้น แถมสมรรถนะก็ดีขึ้นด้วย แต่ Honda ใจดียืนราคาเดิม
ต้องถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพเศรษฐกิจ ณ ขณะนี้ เพราะ ถ้าเกิดอยากไปทำจานเบรกหน้าคู่ เปลี่ยนปั๊มเบรกเป็น Radial 4 pot รวมถึงติดตั้งโช้ก USD น่าจะต้องใช้งบมีตัวเลขทะลุ 3 หมื่นบาท

เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหารถ BigBike สักคันใช้งานครบเครื่อง ผมว่า 500 Series เจน 4 นี้ ถือว่าเหมาะมาก และมันก็เหมาะที่จะเป็น BigBike คันแรก แถมใช้สอบใบขับขี่ BigBike ได้เหมาะสมที่สุดแล้ว ณ เวลานี้

สำหรับผมเองยังชอบ 500 Series มากกว่า 650 เลย เพราะราคาดีกว่า เบากว่า คอนโทรลได้คล่องตัวกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า เสียแค่ไม่ได้แรงเท่า และไม่ใช่เครื่อง 4 สูบเท่านั้น

ราคา 2019 All New Honda CBR500R อยู่ที่ 2.198 แสนบาท มีให้เลือก สีแดง, ดำ, ดำ-เงิน