รีวิว 2023 CBR250RR SP รถ Sport สายสนาม ตระกูล RR จากค่ายปีกนก ที่ถือได้ว่าเป็นรถสปอร์ตของค่ายที่ผมว่ามันเป็นรถที่ขี่ในสนามได้ง่ายที่สุดแล้ว แถมเหมาะอย่างยิ่งกับผู้มองหา New Entry BigBike

สวัสดี เพื่อนๆ ทุกคน แม้ว่าในปัจจุบันนี้ จะมี Sport Replica Light weight เริ่มต้นมากมายหลายรุ่นด้วยกัน แต่เจ้า 2023 CBR250RR SP กระต่ายเพลิงพิกัดควอเตอร์ลิตร คันนี้ ยังเป็นรถที่เหมาะกับคนที่อยากหารถซ้อมในสนามเป็นอย่างยิ่ง เพราะ มันคือ กระต่ายเพลิงที่ขี่ในสนามได้ง่ายที่สุดแล้ว ใครอยากได้

ซึ่งวันนี้ผมได้มีโอกาสมา รีวิว 2023 CBR250RR SP ปีใหม่ คันนี้ ที่มากับสี Tri Color ลายใหม่ กันครับ

เริ่มที่รูปลักษณ์
ชุดไฟ เป็นแบบ Full LED ในโฉม 2023 นี้เพิ่มไฟ Hazard มาให้โดยมีปุ่มที่สวิทช์ไฟด้านซ้าย
ด้านหน้าเป็น Dual Layer ไฟ DRL ด้านบน ไฟต่ำด้านหลัง ไฟสูงอยู่ถัดออกมา
ชุดไฟเลี้ยว แน่นอนว่าเป็นรุปทรงพิมพ์นิยมที่เราเห็นในรถ AT รุ่นเล็ก ไปจนถึงรุ่นใหญ่ BigBike

ชุดไฟท้ายก็เป็นไฟ Dual Layer เหมือนกัน ด้านล่างเป็นไฟเบรก
ขาทะเบียน อลูมีเนียม ออกแบบมาให้ทำท้ายโล่งได้สะดวก เผื่อลงสนาม

บั้นท้าย มีช่อง (Air Duct) รีดอากาศแบบ Superbike อิตาลี
ชุดแฟริ่ง บริเวณใต้แฟริ่ง ทั้ง 2 ฝั่ง ออกมาแบบในสไตล์วิงเล็ทขนาดเล็ก
ส่วนชุดแฟริ่งรอบตัวรถ จะมีช่อง Air Duct ตามจุดต่างๆ เพื่อเพิ่ม Aerodynamics และมอบความสปอร์ตให้ตัวรถ

ชุดครอบถังที่ดูเป็นพลาสติกแปะครอบทั้ง 2 ฝั่ง เพิ่มมิติเส้นสายให้ตัวรถมากยิ่งขึ้น

ชุดเฟรมโครงเหล็กถัก Pentagon Truss Frame ออกแบบด้วยเทคโนโลยี CAE (Computer Aided Engineering) เบา และแข็งแรง
สวิงอาร์มอะลูมิเนียมขึ้นรูปแบบ GDC (Gravity Die Casting) น้ำหนักเบา และแข็งแรง เช่นกัน

ล้ออัลลอยจาก Enkei ลาย 7 ก้าน ก็ขึ้นรูป GDC เหมือนกัน เปลี่ยนจากสีดำ มาเป็นสีทอง

ปลายท่อไอเสียเหลี่ยม ทรงเดิม Shotgun ออกคู่ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนลุกเล่นปลายท่อ จากสีเงิน ทำเป็นสีรมดำ ดุดันขึ้น

นอกจากนั้น CBR250RR ยังเก็บรายละเอียด ด้วยการเซาะร่องพักเท้าหลัง เพื่อลดน้ำหนัก

มาตรวัดแบบ Full Digital LCD ปรับ interface ได้ 2 แบบ ทั่วไป และ Race ที่สามารถจับเวลา Lap Time (ปรับรูปแบบโดยกดปุ่ม Set + Select)
นอกนั้นก็แสดงผลข้อมูลครบ ทั้ง ความเร็ว, วัดรอบเครื่อง, เลขบอกตำแหน่งเกียร์ มี QS , Riding Mode 3 รูปแบบ Comfort/Sport/Sport+
Odo, Trip A/B, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย/Realtime, น้ำมันที่ใช้ไปในแต่ละทริป, รวมถึงไฟ Shift Light เป็นแสงขาวทางด้านบน

ชุดสวิทช์ไฟซ้าย มีปุ่มไฟสูง-ต่ำ-pass, ไฟเลี้ยว, แตร, ปุ่ม Mode ปุ่ม Lap และโฉมปี 2023 มีการเพิ่มไฟไฟฉุกเฉินมาให้แล้ว
ชุดสวิทช์ไฟขวา เป็นปุ่ม Run-Off ซึ่งด้านข้างมีเขียนไว้ว่า Throttle by Wire (คันเร่งไฟฟ้า)

มิติรถ 2023 CBR250RR SP
ความสูงเบาะ 790 มม.
น้ำหนัก 168 กก.
ความจุถังน้ำมัน 14.5 ลิตร

ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะ 790 มม. ต้องบอกว่าตัวเลขระดับนี้ใกล้ๆ กับ Sport Entry ทั่วไป ผมสูง 175 ซม. สวมผ้าใบยังหย่อนเข่า ได้พอประมาณ

ด้านแฮนด์แบบจับโช้กใต้แผงคอก็จริง แต่ตำแหน่งไม่ได้ก้มต่ำมาก เหมือน คลาส SS600 ที่จิกต่ำ ทำให้การขี่บนท้องถนนที่ต้องเลี้ยววงแคบ ทำได้ง่าย ไม่แพ้ CBR500R
ขณะที่เวลาเราหมอบขี่ผมรู้สึกว่า ครอบถังที่มีโป่งแปะ อาจจะดันท่อนแขนอยู่สักหน่อยเวลาขี่แขนหนีบถัง

สำหรับเบาะคนซ้อน แน่นอน Sport Replica มันก็จะให้มาแบบเล็กๆ ราวกับตัวพัน ดังนั้นไม่เหมาะกับคนตัวใหญ่ เหมาะกับสาวๆ ตัวเล็กๆ นั่งแล้วก้นไม่ตกขอบเบาะ อีกทั้งองศา Slope เบาะจะเทลาดไปหาผู้ขี่ ดังน้้น คนซ้อนจะต้องนั่งหนีบสะโพกคนขี่ และควรเอามือยันค้ำถังน้ำมันไว้ จะสะดวกกว่า ส่วนช่องมือจับกันตก ต้องยอมรับเลยเค้าออกแบบมาสวย เพราะมันเป็นช่องสอดมือเข้าไปด้านในทำให้สามารถใช้งานได้จริง โดยที่ยังคงความสวยงามบั้นท้ายไว้เป็นอย่างดี

เครื่องยนต์ เป็นบล็อก 2 สูบเรียง DOHC หม้อน้ำ พิกัด 249cc โดยตัว SP นั้น จะมีการปรับปรุงรายละเอียดไส้ในเครื่องยนต์ ที่ต่างจากตัวปกติไม่มี SP ห้อยท้าย ที่เป็นล็อต Made in Japan
อย่างการเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัด ปรับปรุงพวงลูก, ก้าน ใหม่ แน่นอนว่ามี Assist Sliper Clutch และ QS 2ways
ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า PS @13,000rpm แรงบิด 25Nm@11,000rpm (จากข้อมูลเทคนิคได้บอกว่ากำลังเพิ่มขึ้น 1 แรงม้า จากปี 2022 ด้วยการ Remap รวมถึงการปรับเซ็ทอัตราทดเกียร์ 1-4 ให้ชิดขึ้น เพื่อเน้นอัตราเร่ง)

ด้วยความที่มันเป็นรถพิกัด 1/4 ลิตร และรีดกำลังรอบสูง จึงอาจทำให้ช่วงเปิดตัวในจังหวะแรก อาจจะไม่ได้กระชาก หรือ ปรู๊ดปร๊าดมากนัก เพราะ ทอร์คไม่ได้เยอะมาก ซึ่งอาจจะเป็นรถที่ต้องเล่นรอบสักหน่อย แต่อย่างไรก็ดี มันให้ความรู้สึกดีกว่า Sport Replica คู่แข่ง ในพิกัดเดียวกันที่เป็นเครื่อง 4 สูบ อย่างชัดเจน และยิ่งการขี่ใช้งานบนท้องถนนด้วยแล้ว อย่างไรก็ดี ผมมองว่า เครื่องยนต์ 2 สูบ ก็เป็นอะไรที่เหมาะสมมากกว่า 4 สูบ ทั้งเรื่องของจังหวะออกตัว การให้อัตราเร่งที่มาดีกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า

สำหรับ 2023 CBR250RR SP คันนี้ จะเริ่มกระตุ้นอะดรีนาลีน ให้คุณสัมผัสได้ถึงแรงดึง ในช่วงประมาณ 7,000rpm+ ช่วงนี้ รู้สึกเลยว่าคันเร่งอยู่ในมือ โดยเฉพาะการใช้งาน Sport+ ที่จะตอบสนองแบบทันท่วงที

แต่ถ้าใช้งานทั่วไปผม เลือก Sport เพราะ ม้ามาเต็ม แต่คันเร่งยังหน่วงนิดหน่อย ทำให้รถไม่พุ่งมากจนคุมคันเร่งลำบาก เวลาขี่รถติดๆ
แต่ถ้าฝนตก ถนนลื่น หรือ อย่างขี่แบบสบายๆ Comfort Mode ก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ ตอนม้าลงนิดหน่อย และคันเร่งจะหน่วงเพราะลิ้นปีกผีเสื้อจะเปิดช้าลง เน้นขี่สบายๆ หรือ เวลามีคนซ้อนก็กำลังเหมาะ ไม่ทำให้คนซ้อนพะวงว่าจะหงายตกรถ

การที่มันมีระบบ Assist Sliper Clutch ก็ช่วยให้แรง Engine เบรกที่ลงล้อหลังไม่รุนแรงจนทำให้ล้อล็อก ขณะที่ QS 2Ways ดีงามมากๆ งัดเกียร์ได้เลยไม่ต้องมาปิดคันเร่ง สะดวกขึ้นเกียร์ได้ต่อเนื่องรวดเร็ว

สำหรับการทดสอบ 0-TopSpeed ที่ผมได้ทดสอบ ความเร็วปลายอยู่แถวช่วง 180 kmph GPS ได้เท่าไร สามารถกดดูได้ในลิงค์นี้

อัตราสิ้นเปลือง แน่นอนการที่เป็น Sport Replica เล่นรอบสูง มันคงจะไม่ประหยัด เมื่อเทียบกับรถ พิกัด เท่าๆกัน ทั่วๆไป
เพราะการขี่ใช้งานของเราได้ช่วง 25 kml

ระบบกันสะเทือน โช้กหน้า USD แกนสีทอง จาก SHOWA แบบ SFF-BP ขนาด 37 มม. (2023 เพิ่มฟังก์ชั่นเป็น SFF-BP)
ด้านหลังโช้กเดี่ยว Monoshock ปรับ Preload ได้ 5 ระดับ มาพร้อมกระเดื่องทดแรง Prolink และวางบนสวิงอาร์มอลูมีเนียม

ภาพรวมของช่วงล่างนั้น ต้องบอกว่า มันดีงามมากๆ เหมาะกับสโลแกน Total Control ให้การควบคุมรถได้ดั่งใจ บาลานซ์ การพลิกที่คมฉับไว เลี้ยวได้ตามสั่ง

ส่วนการซับแรงสะเทือน ก็ต้องบอกว่า ทำได้ดีพอประมาณ ช่วงหน้าดูยุบเยอะหน่อย แต่ยังพอมีความหนืด ไม่ย้วย ไม่ดีด
ด้านหลังขี่คนเดียวผมว่ากำลังดีเลย แต่ถ้าซ้อน 2 หรือ คนขี่ นน. มากหน่อย ก็อาจจะต้องขันโช้กให้แข็งอีกนิด

อาจจะมีจุดหนึ่ง ก็ถือ เรื่องของสเป็กยางที่ดูจะเป็นซีรีย์ ที่มักพบในสปอร์ต 150-300cc ทั่วไป ไม่ใช่ว่ายางนี้มันไม่ดี
เพียงแต่ เมื่อเทียบกับยางในตัว Made in Japan ล็อตแรก ที่ให้ยาง Dunlop GPR300 สเป็กญีปุ่่น ผมรู้สึกว่ายางตัวนั้นดูจะให้ Grip แบบจิกเกาะ พลิกรถเทโค้งดูจะหนึบดูดโค้งกว่า

ระบบเบรก ด้านหน้าจานเดี่ยวขนาด 310 มม. และ ปั๊ม Nissin 2pots แบบ Axial Mount
ด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 240 มม. และปั๊ม Nissin 1 pot มาพร้อมระบบ ABS Dual

หากดูจากสเป็ก ดูน่าเสียดายหน่อยที่ยังให้มาเพียง 2 pots แต่ภาพรวมการใช้งานนั้น ก็ถือว่ามีพละกำลังในการหยุดชะลอรถได้อย่างเพียงพอกับกำลัง และขนาดน้ำหนักตัวรถ
เพียงแต่การตอบสนองของเบรก อาจไม่ได้จับจิกแบบกดหมับเดียวอยู่ ยังต้องบีบไล่น้ำหนักเบรกลงมาแต่ต้องกดลงน้ำหนักพอสมควร
เบรกหลังสูบเดี่ยว การกดไล่น้ำหนักเบรกเท้านั้นไม่ถือว่าเป็นปัญหา

ส่วนการทำงานของ ระบบ ABS นั้น ก็ทำงานได้ดี เหมาะสม รู้สึกจังหวะ ABS ทำงาน ไม่รู้สึกดีดสะท้านนิ้วมือ

สรุป รีวิว 2023 CBR250RR SP แม้ว่า ในตอนนี้ มีรถ Sport Replica คลาส Entry อยู่หลายคัน แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังมองรถที่ นน.เบา ไม่ได้กินน้ำมันมากนัก
ขี่ง่าย พลิกง่าย ตามสไตล์รถปีกนก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเป็นรถซ้อมในสนามสักคันแบบขี่แล้วไม่เครียด แถมดีไซน์ก็หล่อไม่แพ้ๆ พี่กลาง RR หรือ พี่ใหญ่ RR-R