รีวิว 2024 Yamaha MT-09 SP , STD คู่หู สามสูบ สายดีด ที่เพิ่มเทคโนโลยีเข้าไปอีกขั้น
Yamaha MT-09 2024 ใหม่ เจน 4 ได้ถูกเปิดตัวไปในงาน Bangkok International Motor Show ที่เพิ่งผ่านมา ทั้ง 2 รุ่น และเร็วนี้ ทาง Thai Yamaha Motors ก็ได้ให้สื่อมวลชน ได้ร่วมทดสอบกัน ณ สนามช้างฯ ซึ่ง MotoRival เราจะขอมารีวิว ให้รับชมกัน
MT-09 2024 ต้องบอกว่ามันปรับใบหน้าใหม่ ให้สปอร์ต โดยไฟหน้า DRL มาเป็นแนวเฉียง คล้าย MT-15 โคมโปรเจ็คเตอร์ เป็น 2 ดวง ไฟสูง-ต่ำ
มีลูกเล่นที่ Lip Spoiler เพื่อช่วยเรื่อง Aerodynamics ทางด้านใต้หน้ากาก ซึ่งว่าไปเอาจริงๆ แอบคล้าย Joker Face ใน Ducati Streetfighter V4 อยู่เหมือนกัน
ถังน้ำมัน 14 ลิตร ดีไซน์ใหม่ ปรับมุมเป็นเหลี่ยม ให้ดูคมสันยิ่งขึ้น แถมมีช่องตะแกรง ซึ่ง Yamaha บอกว่า เอาไว้ให้ผู้ขี่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ขึ้นมาได้เร้าใจดียิ่งขึ้น
ซับเฟรมหลังก็ปรับให้เพรียวแคบลง
โดยเบาะคราวนี้ ปรับมาเป็น แบ่ง 2 Steps สไตล์รถสปอร์ต
ไฮไลท์ อีกอย่าง คือ การปรับท่านั้่ง ยกพักเท้าให้สูงขึ้น และแฮนด์ตำแหน่งหมอบลงอีกหน่อย ทำให้ Riding Position มันสปอร์ตยิ่งขึ้น
หน้าจอสี TFT 5″ มีการปรับออปชั่นเพิ่ม ระบบ Cruise Control รวมไปถึง Garmin Street Cross ระบบนำทางจาก Tracer9
นอกจากนั้นก็จะสามารถปรับ Theme หน้าจอได้ รวมถึง มี Riding Mode ได้แก่ Rain, Street, Sport, Custom 1, Custom 2
โดย รายละเอียดนั้น จะสามารถปรับเซ็ท ค่าต่างๆได้ อาทิ Power, TCS, SCS, LIF, QSS ซึ่งตัวรถได้มีระบบ IMU 6 แกน แบบ YZF-R1
ในรุ่น MT-09 SP จะมีการปรับ EBM เพิ่มได้ และ มี Track Mode ซึ่งจะสามารถ จับเวลา Lap Time ได้
รวมถึงปรับกุญแจ ให้มาเป็น Keyless
สวิทช์ มีปุ่ม Joy Stick ปุ่ม Home และ Cruise Control มาให้ทางด้านซ้าย
ด้านขวา มีปุ่ม Engine Start และ Mode
ท่อไอเสียแบบใหม่ ที่ปลายท่อซ่อนอยู่ด้านใต้ ถ้าไม่ก้มดูเรียกว่าหาปลายรูไม่เจอ
ส่วนยางที่ติดรถมา ก็ถือว่าเป็นของดี ซีรีย์ใหม่ Bridgestone Battlax S23 ตัวรองท็อปสายสปอร์ต ที่เพิ่งเปิดตัวช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมๆกับรถเลย เรื่อง Grip ถือว่าทำได้ดีหายห่วง
และเราก็ได้เคยรีวิวไปแล้ว ไปรับชมกันได้ที่นี่
ท่านั่ง
เบาะสูง 825 มม. เท่าเดิม แต่เบาะแคบลง 12 มม. ทำให้เหยียบลงได้เต็มเท้ามากขึ้น เรียกว่าเป็นมิตรกับคนไซส์เอเชียอย่างเราๆ
เรื่อง Riding Position ที่สปอร์ตขึ้น ผมมองว่า เหมาะกับสายซิ่งดี ทั้งพักเท้าที่ยกสูงขึ้นแฮนด์หมอบลงอีกหน่อย
แต่ผมกลับรู้สึกว่าการที่ให้เบาะแบบ 2 Steps มันทำให้ ผมไม่สามารถนั่งร่นก้นไปด้านหลังได้มาก เพราะติด ทำให้เวลาหมอบขี่ ศอกจะกางๆ ท่าเลยดูไม่กระชับเท่าที่ควร
จุดนี้ ก็จะส่งผลต่อการ Grip Tank อยู่
เครื่องยนต์ CP3 890cc จาก gen3 ให้กำลัง 119ps@10,000rpm แรงบิด 93Nm@7,000rpm มาพร้อม QS 2way
ในด้านของการขับขี่ ต้องบอกว่า มันยังคงความแรงตั้งแต่ต้น-ปลาย แต่ ผมรู้สึกว่า มันคอนโทรลคันเร่งได้ง่ายขึ้น จากระบบอิเล็กโทรนิค ที่เพิ่มเติมเข้ามาช่วยอีกมากมาย โดยรวมดูสมูท
เสียงเครื่องยนต์ หวานแบบดุๆ ให้ความเร้าใจ และไม่พบอาการสั่นของเครื่องยนต์ ที่สะท้านขึ้นแฮนด์แม้ลากรอบไปแตะ 10,000rpm ก่อนเข้า Redline แถว 10,500rpm
ผมสับเกียร์ช่วงประมาณ 10,000rpm ที่ค่าแรงม้าสูงสุดออก เพราะเอาจริงๆ เริ่มรู้สึกว่า ประมาณ 9,000rpm+ ไปหน่อยๆ เหมือน มันเริ่มตื้อนิดๆ คือ เริ่มไม่ค่อยดึงแล้ว รู้สึกว่าเป็นช่วงที่ Power Band มันเริ่ม Drop
ทำให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องลากรอบไปสูงเกินกว่านี้
จุดประทับใจคือ Shifter ที่เตะเกียร์เข้า ผึบๆ มันให้ความเร้าใจดีมาก ราวกับขี่ Superbike เลย
ด้านของ TopSpeed นั้น ถือว่าได้ดีเลย เพราะ เราได้สูงสุด 243kmph กับสไตล์ Naked เช่นนี้ ถ้ามีทางยาวๆ อาจจะมีโอกาสเห็นหน้าไมล์แตะ 250kmph
อย่างไรก็ดี จุดที่ต้องถือว่าเป็นข้อสังเกต เลยคือ มันหน้าเบา หน้าไวมาก ด้วยการปรับมุม Caster ให้ชันขึ้นอีก จากเดิมที่ไวอยู่แล้ว ดังนั้น มันก็แลกมาด้วยอาการส่ายๆ ที่แฮนด์เวลาขี่ความเร็วสูงๆ
ระบบกันสะเทือน รุ่น STD จะเป็น KYB หน้า-หลัง ด้านหน้า USD ขนาดแกน 41 มม. ปรับค่าได้ด้านเดียว
ส่วน SP จะอัพเกรด คือ ด้านหน้า ยังเป็น KYB แต่เป็นกระบอกสีทอง แกนด้านในดำ และสามารถปรับค่าได้ทั้ง 2 ฝี่งเรียกว่าปรับได้ครบครัน
ด้านหลังอัพเป็น Ohlins มาพร้อม ซับแทงค์ และรีโมทปรับ ซึ่งปรับได้เต็มระบบเช่นกัน
ในเรื่องของช่วงล่าง ผมว่าเดิมๆ รุ่น STD ก็กำลังพอดีกับการขี่ในสไตล์ Naked แต่ อาจพบบางจังหวะที่ปีน Kerb และ ที่ตกร่องช่วงโค้ง T10 ผมพบมีอาการดิ้นๆ ออกมาบ้าง
ซึ่ง ตัว SP ดูให้ความแน่นเฟิร์มทำได้ดีขี่แล้วรู้สึกช่วงล่างกระชับกว่า
ขณะที่ องศา Caster ที่บอกไปว่าปรับให้ชันขึ้น ทำให้หน้ารถพลิกได้เร็ว ฉับไว มันเลี้ยวง่ายเร็ว แต่อย่างที่บอกผมว่า มันส่งผลให้เจ้า MT-09 gen4 นี้ มันติดอันดับรถหน้าไว มากที่สุดคันนึงที่เราได้เคยขี่มาเลย
จุดนี้ ในรุ่น SP ส่วนตัวผมอยากให้เพิ่ม กันสะบัดมา และอัพราคาเพิ่มไปอีกหน่อยสัก 1-2 หมื่น ก็น่าจะดียิ่งขึ้น เหมือนอย่าง Monster SP
ที่ชื่อรุ่น SP เพราะรถคาแรกเตอร์ชัดเป็นสาย Performance เน้นขี่ทำความเร็ว เพราะมี Track Mode มาด้วย
ระบบเบรก จานดิสก์คู่ด้านหน้า 298 มม. ในรุ่น STD ใช้ปั๊มดาว Advics แบรนด์คู่บุญ Yamaha
ขณะที่ SP อัพให้มาเป็น Bremnbo Stylema
ส่วนด้านหลัง จานเดี่ยวปั๊ม Nissin 1pot เหมือนกัน
ปั๊มบน เป็นอะไรที่ให้มาดีไม่แพ้ Superbike คือ เป็นปั๊ม Brembo Radial เบอร์ 16 ที่สามารถปรับระยะก้านได้ การใช้งานมันบีบไล่น้ำหนักได้ดี
เอาจริงๆ เบรกรุ่น STD ปั๊มดาว ก็ถือว่าดีในระดับนึงแล้ว เพราะ สุดทางตรงเราเบรกที่ป้ายเตือน 250 ม. ยังสามารถชะลอความเร็วลงได้ ok คือ สายแข็งก็ยังเบรกลึกกว่านี้ได้
แต่พอมาเป็น SP และได้กลับมาขี่ STD รู้สึกเลยว่า ต้องเบรกให้นานขึ้นกว่าตัว SP กล่าว คือ SP สามารถเบรกได้ลึกขึ้นอีก หรือ เอาจริงๆ ใครขี่เก่งๆ Trail Brake เข้าไปได้เลย ไม่ต้องกังวลเพราะตัวรถมี IMU มีระบบ BC เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพอยู่ด้วย ยิ่งทำให้สามารถทำความเร็วต่อรอบได้ดียิ่งขึ้น แต่ส่วนตัวถ้าขี่ใช้บนถนน ผมว่า STD เบรกถือว่าเหลือๆ แล้วนะ
สรุป รีวิว รีวิว 2024 Yamaha MT-09 SP , STD ถือได้ว่า มันเป็น ราชา 3 สูบ ที่ยังคงความจี๊ดจ๊าด ในเรื่องสมรรถนะ ตั้งแต่ต้น-ปลาย
เพิ่มในเรื่องของความสปอร์ต ทั้งรูปลักษณ์ท่านั่ง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และสะดวกสบายจากสายสปอร์ตทัวริ่งอย่าง Tracer9 และ เทคโนโลยีจาก YZF-R1
เอาเป็นว่ามันทำให้ ผู้ที่อยากลองขี่ Naked สายดิบ แต่ยังขี่ไม่แข็งมาก แบบผมยังสามารถขี่มันได้โดยสนุก เพราะเทคโนโลยีช่วยมันเยอะจริงๆ
ส่วนรุ่น SP ผมว่า เค้าทำมาพร้อมชนกับ Street Triple 765 RS เลย ในราคาที่ถูกกว่า
เอาเป็นว่าใครสนใจ ก็ลองไปติดต่อที่ YRC กันดู
ค่าตัว
2024 Yamaha MT-09 ราคา 4.47 แสนบาท
2024 Yamaha MT-09 SP ราคา 4.89 แสนบาท
อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่